ทหาร”ลาบ” โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

สถานีคิดเลขที่12 / สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

————————–

ทหาร”ลาบ”

————————-

โลกใหม่

ทำให้ ป้ายประกาศ “เขตทหารห้ามเข้า” ที่แม้จะใหญ่โตแค่ไหน

ก็ดูจะไม่สามารถห้าม”ความอยากรู้อยากเห็น” ซอกแซกไป “สอดรู้สอดเห็นได้”

ยิ่ง ในยุคโซเชียลมีเดีย ที่ เสรีภาพอยู่ปลายนิ้ว

จะห้ามอะไรก็ดูลำบาก

อย่างตอนนี้ คลิกเข้าไปในโลกโซเชียล

ประเด็น สุดร้อนที่พาดพิงเข้าไปถึงเขตทหาร

คงไม่พ้น ประเด็น ทหารเกณฑ์ “หน้าลาบ” ไปได้

เมื่อสาวรายหนึ่ง ถ่ายภาพชายที่มีลักษณะคล้ายพลทหาร ตัดผมสั้น ใส่เสื้อลายทหาร

โพสต์ข้อความลักษณะให้เข้าใจว่า เป็นนายทหารรับใช้ที่บ้าน

“ทหารที่บ้านมีแต่หน้าลาบๆ ป๊อปเพลีย …”

ข้อความและภาพดังกล่าว ทำเอาชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์ สุภาพสตรี ผู้นี้อย่างหนัก

แต่เพื่อไม่ให้ไหลไปผสมโรง และเพื่อความ สมดุล

ขอแจ้งไว้ก่อนว่า มีปฏิบัติการข่าวสาร ตอบโต้กรณีดังกล่าว

โดยมีการอ้างแหล่งข่าวระดับสูงกองทัพภาคที่ 2 ว่า

จากการตรวจสอบพบเป็นภาพเก่าและเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2561

ซึ่งนายทหารคนดังกล่าวเคยรับราชการ อยู่ที่กองทัพภาคที่ 2

แต่ได้ย้ายไปดำรงตำแหน่งสุดท้ายที่กองทัพไทย กรุงเทพมหานคร ก่อนเกษียณอายุราชการเมื่อปีที่แล้ว

ภาพที่ถูกโพสต์นั้นเป็นในภาพบ้านพักที่จ.นครราชสีมา ซึ่งมีการจัดงานศพที่บ้าน

และนายทหาร คนนี้มีลูกน้องที่เป็นนายสิบสนิทคุ้นเคยกันจึงไปช่วยงานและอาจพาพลทหาร หรือ ทหารเกณฑ์ ไปช่วยงานด้วย

จึงมีภาพออกมาลักษณะเช่นนั้น

ส่วนหญิงสาวคนที่โพสต์ข้อความดังกล่าวและอ้างเป็นลูกสาวผู้การนั้น

จริงๆ แล้วไม่ใช่ลูกสาวของนายทหาร แต่เป็นหลานสาว

ซึ่งมีปัญหาป่วยทางจิต

และทราบว่าขณะนี้หญิงสาวคนดังกล่าวเป็นผู้ป่วยรับการรักษาอยู่ทางโรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ อ.เมือง จ.นครราชสีมา

ก็พิจารณากันเองว่าจะเชื่อใคร

แต่ โดยส่วนตัว เห็นใจ สตรีผู้นี้ ที่เธอถูกดิสเครดิต ให้ไม่น่าเชื่อถือ

ด้วยการเปิดโปงว่า เธอป่วยทางจิต

ซึ่งก็โหดพอควรสำหรับการทำลายล้างโดยฝีมือ “แหล่งข่าวระดับสูงกองทัพภาคที่ 2”

ว่าที่จริงต้องยกนิ้ว ให้สุภาพสตรี คนนี้ ที่คิดคำ “หน้าลาบ”ขึ้นมาใช้

แต่ก่อน เวลาที่ใครต้องการเหยียดพวกเฮา(เฮา ก็คนอีสานคือกัน-ฮ่า)

มักจะได้ยิน คำว่า “เสี่ยว” คำ ว่า “ลาว” เสียมากกว่า

เพิ่งมา ได้ยิน หน้าลาบ ก็คราวนี้แหละ

ให้ภาพ ให้รส แซบ ดี แท้

ถามว่า รู้สึกต่อคำเหยีดหยามนี้ไหม

ก็ มีตามสมควร

แต่ ก็ไม่ได้โกรธจะเป็นจะตาย

คนนอกถิ่น อาจจะไม่รู้ว่า เมนูชั้นสูงของ”หมู่เฮา” ก็คือ ลาบ โดยเฉพาะ ลาบเนื้อ (วัว-ควาย)

สมัยก่อน การที่จะได้กิบลาบ ต้องเป็นโอกาส หรือ พิเศษกันจริงๆ แต่ละ คุ้ม แต่ละหมู่บ้าน จึงจะล้ม”งัว-ควาย”มาเลี้ยงดูกัน

ยังจำภาพ สมัยเป็นละอ่อน

“เสี่ยว”ที่บ้านอยู่ไกลปืนเที่ยง แล้วมาเรียนในเมือง ถึงกับลาหรือโดดเรียนกันเลย

หากทางบ้านแจ้งข่าวว่าหมู่บ้านจะมีการ”กินเนื้อ”กัน

กินเนื้อ ก็หมายถึง ลาบ จุ๊ ก้อย ต้มขม อะไรทำนองนั้น

กินเนื้อ กินลาบ จึงเป็นเรื่องใหญ่ของยุคก่อนที่”ล้มวัวควาย”แล้วจะแบ่งกันซื้อหรือ แลกของกันในหมู่บ้าน

เพิ่งมาคลายความสำคัญลงในสมัยนี้ ที่ธุรกิจการค้าเนื้อ มีทุกตลาดนัด

แต่กระนั้น ทุกงานบุญ งาน”เฮียนดี” ลาบ ก็ถือเป็นเมนูหลัก ขาดไม่ได้

การถูกหยาม หรือตราหน้าเป็น “หน้าลาบ”

ป๊อป เอ้ย เสี่ยว จึงไม่เพลียใจสักเท่าไหร่

น้ำลายสอ คิดถึงลาบ ก้อย ต้ม ขม มากกว่า

แต่ที่”เคียด–โกรธ หลาย”ก็คือการเห็นลูกหลานเป็นงัวเป็นควายให้เขาเกณฑ์ไปเป็น ทหาร”ลาบ”นี่แหละ

————–