อุรุดา โควินท์ / อาหารไม่เคยโดดเดี่ยว : เช้าที่ตื่นช้า

อุณหภูมิลดลงมาก โดยเฉพาะในช่วงเช้าและค่ำ ฉันรื้อเสื้อกันหนาวออกมาใส่ ยิ้มอ่อน เมื่อคิดได้ว่า ฉันอยู่ในจังหวัดที่มีฤดูหนาว (แม้มันจะหนาวน้อยกว่าแต่ก่อนมาก)

ในฤดูหนาว ฉันมักแต่งตัวน้อยลง ไม่แต่งหน้า เน้นความอบอุ่น และเก็บเวลาแต่งหน้ากับเลือกเสื้อผ้าไว้นอนเพิ่ม

ฉันมักอ้อยอิ่งในผ้าห่ม แม้จะตื่นแล้ว ถือเป็นอีกหนึ่งของขวัญจากฤดูกาล

เขามักหยอก ว่าฉันขยันให้ของขวัญ ให้รางวัลตัวเอง

ทำไมล่ะ ชีวิตสมควรได้รับรางวัลจากเจ้าของชีวิตเป็นอันดับแรกไม่ใช่หรือ

“ฮุ่งยังตื่นสายเลย วันนี้กว่าจะปลุกเรา เกือบ 7 โมง สายไป 45 นาที” ฉันว่า

เขาหัวเราะ “นั่นสิ มันอั้นฉี่ได้นานขึ้นอีก”

เราใช้เวลานานหลายเดือนกว่าจะฝึกให้ฮุ่งรู้จักฉี่นอกบ้านเท่านั้น กว่าจะถึงวันนี้ บ้านของเราเคยมีกลิ่นฉี่หมา พื้นปูแผ่นรองฉี่ไว้ ท้าวฮุ่งฉี่เข้าเป้าบ้าง ไม่เข้าบ้าง บ่อยครั้งที่ฉันต้องคอยเช็ด

แต่ก็นั่นละ กลิ่นฉี่หมาวัยรุ่นรุนแรงนัก ต้องเช็ดหลายครั้ง กว่ามันจะจางลง

 

ฮุ่งควรได้รับรางวัลเช่นกัน หลังหกเดือนครึ่ง ฮุ่งไม่ฉี่ในบ้านอีกเลย ฮุ่งจะรอเวลาที่เราพาออกไปเดินเล่นเท่านั้น เราพามันออกไปทุก 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้มันได้อยู่ในที่โล่งบ้าง เราเองก็ได้ยืดเส้นยืดสาย

ตอนนี้บ้านของเราไม่มีกลิ่นฉี่หมา แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นระเบียบ สะอาดสะอ้านอย่างใจ ตราบใดที่เรายังเลี้ยงหมาในบ้าน

จะง่ายกว่ามาก ถ้าเราเลี้ยงหมานอกบ้าน แต่ฉันคิด-เราควรรักเท่าที่ต้องการ และแบบที่อย่างจะรัก เราเลี้ยงหมาเพราะอยากมีหมาใกล้ตัว แถมหมาก็ติดเรามาก เราจึงเลี้ยงหมาให้เป็นส่วนหนึ่งของบ้าน ซึ่งหมายความว่า เราต้องยอมสูญเสียบ้านหลังเดิมของเราไป

เราต้องเตรียมพื้นใหม่ จัดสรรให้ลื่นน้อยลง เพราะโกลเด้นรีทรีฟเวอร์มีโอกาสเป็นโรคข้อเสื่อมสูง หากอยู่ในพื้นลื่น

ของแต่งบ้านบางชิ้นวางไม่ได้ เพราะท้าวฮุ่งยังอยู่ในช่วงแทะทุกสิ่งที่อยากแทะ

แน่นอน เตียงของเราอาจมีขนหมาปนอยู่บ้าง (เสื้อผ้าก็ด้วย โดยเฉพาะสีดำ)

อย่างสั้นและง่ายที่สุด บ้านเป็นของฉันกับเขาน้อยลง เพราะมันเป็นบ้านของหมาตัวหนึ่งด้วย

แต่ความรักก็วัดกันตรงนี้- เรายินดีสูญเสียได้เพียงใด เพื่อสิ่ง (คน) ที่เรารัก

 

เช้านี้หมาที่รักแห่งเราคืนเวลาการนอนให้เรา 45 นาที ฉันนอนอิ่มเป็นพิเศษ อืม…ออกจะมากไปหน่อย แต่เมื่ออากาศและหมาเป็นใจ ฉันก็ควรนอน

ปัญหาอยู่ตรงที่ 45 นาทีมีผลต่อหนึ่งวัน

45 นาทีบนเตียง เป็น 45 นาทีที่ทำอาหารเช้าเสร็จ หรือทำความสะอาดห้องพักได้หนึ่งห้อง แต่ไม่เป็นไร ฉันจะรีบชดเชย ณ บัดนี้

“กินข้าวบ้านดีกว่านะ ยังไม่ต้องเปลี่ยนผ้าเบรกได้มั้ย ยังไหวมั้ย” ฉันถามเขา เราคงต้องเปลี่ยนแผน

“ยังได้อยู่ แค่ไม่ควรเดินทางไกลเท่านั้นละ”

โอเค เราทำอาหารง่ายๆ กินดีกว่า เมื่อวานฉันทำไส้กรอกสด ตั้งใจจะเก็บไว้ทำซอสพาสต้า ทำไข่กระทะ และเอามาปั้นก้อนจี่กินกับมันฝรั่ง

มื้อนี้เลยแล้วกัน

ฉันแป้งไส้กรอกออกมาปั้นเป็นก้อน ต้องระวังไม่ให้หนามาก เพราะจะสุกยาก และไม่ควรปั้นแน่นเกินไป มันจะไม่ชุ่มฉ่ำ

ไส้กรอกแบบนี้ฉันทำบ่อย เพราะทำไม่ยาก หมักไว้ในตู้เย็นคืนเดียวก็ได้กิน ส่วนที่เหลือ แบ่งใส่ถุง ยัดช่องแข็งไว้ เก็บได้เป็นสัปดาห์

ใช้สันคอหมูบดหยาบครึ่งกิโล หมักกับเมล็ดเทียนข้าวเปลือกคั่ว ตำหยาบๆ หนึ่งช้อนชา เกลือหนึ่งช้อนชา พริกไทยดำบดครึ่งช้อนชา และไวน์ขาวหนึ่งช้อนโต๊ะ ใช้มือนวดให้ทุกอย่างเข้ากันดี แล้วหาฝาปิด เก็บในตู้เย็นหนึ่งคืน รุ่งเช้าก็พร้อมให้ฉันเอามาทำอาหาร

เราไม่มีลูกค้าห้องพัก แต่ยังเหลือวัตถุดิบสำหรับทำอาหารเช้าให้ลูกค้า มีมะเขือเทศกับหอมหัวใหญ่ ผักสองอย่างนี้ ฉันเอามาหั่น แล้วย่างเนย หอมหัวใหญ่จะหวานหอม ส่วนมะเขือเทศจะเปรี้ยวนุ่มนวลขึ้น

ย่างหัวหอมกับมะเขือเทศกระทะหนึ่ง อีกกระทะก็จี่ไส้กรอก จี่ด้านละหนึ่งนาทีครึ่ง พลิกกลับไปกลับมา จนแน่ใจว่าสุกดี ค่อยตักไปรอในจาน

สำหรับผัก ฉันพลิกแค่หนเดียว กับหัวหอมใหญ่ ต้องใช้คำว่าบรรจงพลิก เพราะฉันหั่นตามขวาง หนาราวหนึ่งเซนติเมตร เพื่อให้สุกง่าย สุกอย่างทั่วถึง แต่มันก็พร้อมจะแยกร่างออกมาเป็นวงเช่นกัน

สุดท้ายคือทอดไข่ ของเขาสองฟอง ของฉันหนึ่งฟอง ฉันชอบให้ไข่ขาวด้านล่างเกือบเกรียม ฉันจึงเทไข่ลงกระทะตอนน้ำมันร้อน ควบคุมไฟให้อ่อน แต่ไม่อ่อนเกินไป เอียงกระทะทอด เพื่อให้ไข่ขาวมีความหนา

ได้ไข่รูปร่างรี สัมผัสแบบที่ต้องการ คือไข่แดงยังเป็นครีม ไข่ขาวสุก โดยด้านล่างกรอบนิดๆ

ขนมปังเหลือจากเสิร์ฟลูกค้า ฉันเก็บไว้ในตู้เย็น จัดการหั่นหนาสักหน่อย แล้วหย่อนลงเครื่องปิ้ง

ระหว่างรอเขาชงกาแฟ กับรอขนมปัง ฉันถ่ายรูปอาหารมื้อนี้เก็บไว้

มื้อที่เกิดขึ้นเพราะเราตื่นสายไป 45 นาที มื้อที่เกิดจากของเหลือในตู้เย็นรวมกับไส้กรอกที่ฉันทำเอง มื้อซึ่งใช้แค่ 15 นาที

และเป็นมื้อที่เขาใช้คำว่าอร่อยอย่างสิ้นเปลือง