บทความพิเศษ/นงนุช สิงหเดชะ /’ประชาธิปัตย์’ กับแม่ยกไฮโซ

บทความพิเศษ/นงนุช สิงหเดชะ

‘ประชาธิปัตย์’ กับแม่ยกไฮโซ

หลังจากโกลาหลวุ่นวายอยู่พักใหญ่นับจากพ่ายแพ้เลือกตั้งยับเยินเมื่อวันที่ 24 มีนาคม ลากยาวต่อมาจนถึงการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ ต่อด้วยการตัดสินใจว่าจะร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ก็ดูเหมือนสถานการณ์พรรคประชาธิปัตย์จะสงบลงอยู่ระยะหนึ่งเมื่อมีการเคาะร่วมรัฐบาลและได้โควต้ารัฐมนตรีไปเป็นที่เรียบร้อย

จนกระทั่งล่าสุด “ดราม่า” บังเกิดขึ้นในพรรคนี้อีกครั้ง เมื่อ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.ปชป.พิษณุโลก ได้ลาออกจากพรรคและไปร่วมชายคากับพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตผู้นำกลุ่ม กปปส.

มีการปล่อยข่าวออกมาจากคนในพรรคประชาธิปัตย์ว่า นพ.วรงค์เตรียมจะมานั่งหัวหน้าพรรคและเสียบรัฐมนตรีกระทรวงแรงงานแทน ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ซึ่งเจตนาคนปล่อยข่าวนั้นไม่ทราบชัด แต่น่าจะเป็นลักษณะต้องการดิสเครดิตหมอวรงค์ว่าทิ้งพรรคเก่าไปเพราะอยากได้ยศได้ตำแหน่ง

อย่างไรก็ตาม นายสุเทพได้ปฏิเสธประเด็นนี้ โดยยืนยันว่า ม.ร.ว.จัตุมงคลจะเป็นหัวหน้าพรรคจนครบ 4 ปี และเป็นรัฐมนตรีไปจนจบสมัยของรัฐบาลนี้

 

อันที่จริงไม่น่าประหลาดใจที่หมอวรงค์จะทิ้งพรรคนี้ไป เพราะอยู่ต่อไปคงอึดอัด ไร้ความสุข เข้าหน้ากับคนในสายของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (ที่มีนายชวน หลีกภัย เป็นแบ็กอัพใหญ่) ได้ไม่สนิท เพราะเคยออกมาแสดงความเห็นตรงไปตรงมาว่าหนึ่งในสาเหตุการพ่ายแพ้เลือกตั้งแบบสูญพันธุ์ในกรุงเทพฯ และเก้าอี้หายไปเกินครึ่งหนึ่งทั่วประเทศ เป็นเพราะการเดินยุทธศาสตร์ที่ผิดในโค้งสุดทายของนายอภิสิทธิ์ อดีตหัวหน้าพรรค ที่ออกมาประกาศว่าไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี

ในความเห็นของหมอวรงค์และอีกหลายคน มองว่าไม่จำเป็นต้องออกมาประกาศเป็นศัตรูกับคนที่อยู่ในซีกเดียวกับประชาธิปัตย์ในการต่อต้านระบอบทักษิณ

ส่วนนายอภิสิทธิ์กลับวางยุทธศาสตร์ของพรรคให้เป็นขั้วที่ 3 หรือทางเลือกที่ 3 ให้กับประชาชนที่ไม่เอาทักษิณและไม่เอาการสืบทอดอำนาจเผด็จการ

แต่เมื่อผลเลือกตั้งออกมากลายเป็นว่ายุทธศาสตร์ของนายอภิสิทธิ์พลาดอย่างแรง กลายเป็นพรรคต่ำร้อย จนต้องลาออกจากหัวหน้าพรรค ตามด้วยการลาออกจาก ส.ส. หลังจากพรรคมีมติเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ

 

หลังจากหมอวรงค์ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ก็มีผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ที่เรียกกันว่าแม่ยกไฮโซ ออกมาโพสต์ด่าหมอวรงค์ด้วยถ้อยคำรุนแรงว่า “ข้าสามเจ้า บ่าวสามนาย แม้ที่ผ่านมาจุดยืนชัดเจนว่า ‘หนุนลุง’ แต่สุดท้ายแพ้เลือกตั้งที่บ้าน จะคอยดูว่าฝีมือดีแค่ไหน คนกินบนเรือน ขี้บนหลังคาไม่เจริญแน่นอน”

แม่ยกคนนี้มีภาพถ่ายกับทั้งนายอภิสิทธิ์และนายชวนปรากฏอยู่บ่อยๆ และดูเหมือนจะมีบทบาทสำคัญอยู่ไม่น้อยต่อพรรค เพราะในช่วงที่พรรคถกเถียงกันอย่างหนักว่าควรจะเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่ แม่ยกคนนี้ได้ทำหนังสือในนาม 3.9 ล้านเสียง คัดค้านการเข้าร่วมรัฐบาลโดยอ้างเรื่องอุดมการณ์ของพรรคที่ต้องไม่สนับสนุนเผด็จการ

หลังจากเธอคนนี้โพสต์ด่าหมอวรงค์แล้ว คาดว่าคงมีคนเข้าไปตอบโต้ในทำนองว่าได้ไฟเขียวจากใครในพรรคหรือไม่ ทำให้ในวันต่อมาเธอโพสต์ในทำนองว่าการแสดงความเห็นของเธอไม่เกี่ยวกับผู้ใหญ่ในพรรค และตอนหนึ่งแขวะว่า “ที่พวกคุณยังไม่กล้าลาออกจากพรรคเพราะกลัวแพ้เลือกตั้งใช่มั้ยล่ะ”

ความหมายของแม่ยกคนนี้ก็คล้ายจะมั่นใจว่า การที่หลายคนยังไม่ลาออกจากพรรคตามหมอวรงค์ไปเพราะกลัวว่าถ้าไม่มียี่ห้อ ปชป.แล้วจะแพ้เลือกตั้ง (ในคราวหน้า)

 

หลังจากแม่ยกไฮโซโพสต์เกรี้ยวกราดใส่หมอวรงค์แล้ว วันต่อมานายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ปชป. และเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ปชป. (ได้ที่ 2 แพ้ให้กับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) ได้ออกมาให้กำลังใจหมอวรงค์ว่า รู้ดีว่าหมอวรงค์เดินจากพรรคไปด้วยหัวใจที่ปวดร้าว พร้อมกับยกย่องว่าเป็นคนทำงานจริงจังทุ่มเท และมีส่วนทำให้พรรคประชาธิปัตย์ดีขึ้นกว่าเดิม

นัยยะในโพสต์อันยาวเหยียดของนายพีระพันธุ์ ตีความได้ว่า การมีจุดยืนตรงข้ามกับนายอภิสิทธิ์และกลุ่มที่สนับสนุนนายอภิสิทธิ์ ทำให้หมอวรงค์ถูกโดดเดี่ยว ไม่ได้รับมอบหมายงานที่สำคัญจากพรรค ทั้งที่หมอวรงค์มีผลงานเด่น โดยเฉพาะเรื่องการขุดคุยเรื่องจำนำข้าวรัฐบาลยิ่งลักษณ์

แม้ไม่ได้มีเจตนาจะออกมาสวนหมัดแม่ยกไฮโซคนนั้นโดยตรง แต่รายละเอียดในโพสต์ของนายพีระพันธุ์ที่กล่าวชื่นชมหมอวรงค์ที่ตั้งใจทำงานและมีความปรารถนาดีต่อพรรค ก็เท่ากับหักล้างโพสต์ของแม่ยกรายนั้น

 

สําหรับแม่ยกคนนี้ที่ใช้ถ้อยคำเหยียดหยามหมอวรงค์ สะท้อนถึงภาวะจิตใจที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่สมกับเป็นหัวหอกรณรงค์ให้พรรคประชาธิปัตย์ยึดมั่นอุดมการณ์ประชาธิปไตย นอกจากนี้ การที่ไปแขวะหมอวรงค์ว่า “อุตส่าห์หนุนลุง (นายสุเทพ) ยังแพ้เลือกตั้งที่บ้าน คอยดูฝีมือจะดีแค่ไหน” เป็นความใจแคบและคิดแคบ ไม่ยอมรับว่าเหตุหนึ่งที่แพ้ก็เพราะยุทธศาสตร์ที่พลาดของหัวหน้าพรรค ที่ทำให้ลูกพรรคสอบตกเกือบทั่วประเทศ

การกล่าวหาว่าหมอวรงค์กินบนเรือน ขี้บนหลังคา ก็ดูจะไม่ตรงข้อเท็จจริง เพราะนี่คือพรรคการเมือง ไม่ได้ขอมาอยู่ฟรีๆ แต่มาอยู่ในสถานะเท่าเทียมกัน และหมอวรงค์ก็มีผลงานเด่นอย่างเห็นได้ชัดที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือการขุดคุ้ยคดีจำนำข้าว

ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าแม่ยกคนนี้มีอิทธิพลทางความคิดต่อก๊กของนายอภิสิทธิ์มากน้อยเพียงใด มีส่วนทำให้นายอภิสิทธิ์ตัดสินใจออกคลิป “ไม่เอาประยุทธ์” จนแพ้เลือกตั้งหรือไม่

ตรรกะของแม่ยกรายนี้ที่ว่า หลายคนในพรรคที่ยังไม่กล้าลาออกเพราะกลัวแพ้เลือกตั้ง ก็ดูไม่ค่อยเข้าท่า เพราะถ้าแบรนด์พรรคแข็งจริงจะแพ้เลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม มากขนาดนี้หรือ คะแนนหายไปตั้ง 7 ล้านกว่าเสียง เหลือเพียง 3.9 ล้านเสียง ยังคิดว่าไม่ใช่ความบกพร่องของอดีตหัวหน้าพรรคสักนิดเลยหรือ

ล่าสุดนี้เลือกตั้งซ่อมเขต 5 ที่นครปฐม เมื่อวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา ขนาดนายอภิสิทธิ์ไปช่วยหาเสียง คะแนนก็ยังแน่นิ่งเท่าเดิมคือ 18,000 คะแนน เท่ากับครั้งก่อนหน้านี้เป๊ะ

หรือจะบอกอีก (เหมือนบางพรรค) ว่า 7 ล้านกว่าเสียงที่หายไปเมื่อวันที่ 24 มีนาคม เป็น “สนิม” ถ้าเคาะออกไปแล้วจะเหลือเหล็กแท้ล้วนๆ แต่บางทีก็อย่าลืมว่าสิ่งที่เคาะออกไปอาจเป็น “ทอง” ก็เป็นได้

 

น่าลุ้นว่าเลือกตั้งครั้งต่อไป ประชาธิปัตย์จะเหลือคะแนนเท่าไหร่

เพราะเชื่อว่าคงมีคนจำนวนไม่น้อยหมั่นไส้พฤติกรรมของบางคนในพรรคประชาธิปัตย์ ที่แม้จะร่วมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์แล้ว ลงเรือลำเดียวกัน นอกจากไม่ช่วยพายแล้ว ยังดูคล้ายจะแอบเจาะเรือให้รั่ว

อย่างเช่น นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช อดีตโฆษกประจำตัวนายอภิสิทธิ์ ที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าโพสต์ของนายเทพไทหลายครั้ง ดูคล้ายจะไปสนับสนุนซีกตรงข้ามของ พล.อ.ประยุทธ์

พูดให้ตรงประเด็นก็คือ ไปเข้าข้างเครือข่ายทักษิณและอนาคตใหม่นั่นเอง

ส่วนบทบาทของแม่ยกไฮโซคนนั้น ที่มีการโพสต์ในลักษณะโจมตี พล.อ.ประยุทธ์บ่อยครั้ง รวมถึงคล้ายจะทำตัวเจ้ากี้เจ้าการต่อพรรคประชาธิปัตย์ ก็อาจทำให้แฟนๆ ประชาธิปัตย์คนอื่นๆ รู้สึกหมั่นไส้รำคาญแม่ยก จนพาลทิ้งประชาธิปัตย์ไปเลือกพรรคอื่นอย่างถาวรก็เป็นได้

“อนาคตใหม่” มีน้องฟ้า ประชาธิปัตย์มี “แม่ยกไฮโซ” น่า (อ่อนใจ) ดูชมจริงๆ