ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิ/มาแล้ว ‘ฮอนด้า ซิตี้’ใหม่ ขยายตัวถัง-ขุมพลังเทอร์โบ

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต [email protected]

มาแล้ว ‘ฮอนด้า ซิตี้’ใหม่

ขยายตัวถัง-ขุมพลังเทอร์โบ

 

สวยงามตามท้องเรื่องกับ “ฮอนด้า ซิตี้” ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 5 ซึ่งเลือกประเทศไทยเป็นแห่งแรกที่เปิดตัวบนโลก

อย่างที่กล่าวไปเมื่อฉบับที่แล้วว่าสมรภูมิ “อีโคคาร์” เมืองไทย ร้อนฉ่า เนื่องจาก “ฮอนด้า ซิตี้” ใหม่ ลดน้ำหนักลงมาเล่นในตลาดนี้ด้วย

เนื่องจาก “อีโคคาร์” เฟส 2 มีผู้เล่นหลายหลายที่นำ “ซิตี้คาร์” มาอยู่ในตลาดนี้ ที่มาก่อนเพื่อนคงเป็น “ซูซูกิ สวิฟต์” จากนั้นเป็น “มาสด้า 2”

ส่วน “นิสสัน” มีอัลเมร่า ที่ขนาดตัวถังใหญ่เกินซิตี้คาร์ไปแล้ว

สาเหตุเป็นเพราะอีโคคาร์ เฟส 2 เน้นหนักไปที่ขนาดเครื่องยนต์ และความประหยัดน้ำมันเป็นหลัก

ฮอนด้า ซิตี้ ใหม่จึงเลือกลดน้ำหนักลงมาในตลาดนี้ สาเหตเพราะมีเครื่องยนต์เทอร์โบทรงพลัง และประหยัดน้ำมันเข้าเกณฑ์

ที่สำคัญการลงมาในตลาดนี้ทำให้เสียภาษีน้อยลงกว่าเซ็กเมนต์ซิตี้คาร์

จึงทำให้ฮอนด้า ซิตี้ใหม่ เมื่อเทียบกับรุ่นเดิมแล้วราคาถูกลง

 

ภายนอกดีไซน์เน้นความสปอร์ต กระจังหน้าแบบโครเมียม ออกแบบได้ละม้าย “ซีวิค” ไฟหน้าแบบโปรเจ็กเตอร์พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED ออกแบบได้น่าสนใจ

ด้านล่างเป็นไฟตัดหมอกแบบ LED เช่นกัน

ส่วนรุ่นพิเศษ “RS” มีชุดแต่งสไตล์สปอร์ต RS รอบคัน กระจังหน้าแบบ Gloss Black และสัญลักษณ์ RS มาพร้อมกันชนหน้าและกระจังหน้าสไตล์สปอร์ต

ไฟหน้าดีไซน์ใหม่แบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกแบบ LED กระจกมองข้างสีดำแบบสปอร์ตพร้อมไฟเลี้ยวในตัว

สปอยเลอร์หลังแบบ Gloss Black พร้อมสัญลักษณ์ RS และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 16 นิ้ว

เส้นสายด้านข้างมีความ “อวบ” กว่ารุ่นเก่า เนื่องจากมิติตัวถัง (กว้าง x ยาว x สูง) 1,748 4,553 1,467 ม.ม. ขยายเพิ่มมากขึ้น แต่ความสูงลดลง

ส่วนฐานล้อ 2,589 ม.ม.

เสาอากาศแบบครีบฉลาม และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 15 นิ้ว

ส่วนภายในออกแบบบให้กว้างขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะคอนโซลกลางที่บีบเล็กลงทำให้ผู้ขับขี่วางเท้าซ้ายได้ถนัดมากขึ้น

พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์

มาตรวัดเรืองแสงพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่

ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ  Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ

 

ขุมพลังใหม่เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 3 สูบ 12 วาล์ว มาพร้อม Turbo Charger ที่อัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้เร็วขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ได้อย่างรวดเร็ว

ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 173 นิวตันเมตร ที่ 2,000-4,500 รอบต่อนาที

ฮอนด้าเคลมว่า ซิตี้รุ่นใหม่นี้ ให้สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือกว่าเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตรของเดิม ส่วนแรงบิดเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร

ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด ให้อัตราเร่งและอัตราการประหยัดน้ำมันสูงถึง 23.8 กิโลเมตร/ลิตร

เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานไอเสียยูโร 5 (EURO 5)

ส่วนความปลอดภัยและเทคโนโลยีช่วยขับขี่ มาในระดับหนึ่ง อาทิ โครงสร้างตัวถังนิรภัย G-Force Control หรือ G-CON

ปกป้องห้องโดยสารจากการชนรอบทิศทางด้วยถุงลม 6 ตำแหน่ง

ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD)

ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist – VSA)

ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA)

และกล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมองได้ 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera)

มีให้เลือก 4 รุ่นย่อย

รุ่น RS ราคา 739,000 บาท

รุ่น SV ราคา 665,000 บาท

รุ่น V ราคา 609,000 บาท

และรุ่น S ราคา 579,500 บาท

เจอตัวเป็นๆ ได้ที่โชว์รูม และในงาน “มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2019” ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม ที่เมืองทองธานี

 

ในงาน “มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2019” ยังมีอีโคคาร์อีกรุ่นคือ “มาสด้า 2” ที่ส่งรุ่นไมเนอร์เชนจ์ ออกมารับน้องด้วย

ออกแบบใหม่ตั้งแต่กันชนหน้าและหลัง กระจังหน้า ไฟหน้าและไฟท้าย ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 16 นิ้ว

ภายในห้องโดยสารที่ได้รับการยกระดับความหรูหรา พรีเมียม ด้วยการคัดสรรวัสดุคุณภาพสูง อาทิ แผงคอนโซนหน้า แผงประตูด้านข้าง และเบาะดีไซน์ใหม่ที่ได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานของ SKYACTIV-Vehicle Architecture ที่ช่วยให้การขับขี่ทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ

มีระบบควบคุมขับขี่อัจฉริยะขั้นสูงหรือ G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) ที่ช่วยปรับแรงบิดของเครื่องยนต์ตามการหักเลี้ยวพวงมาลัยของผู้ขับขี่ ควบคู่ไปกับการเบรกที่เหมาะสม เพื่อให้รถขับเคลื่อนไปอย่างนุ่มนวล มีเสถียรภาพ

ลดอาการเมื่อยล้าสะสมจากการขับรถทางไกลของผู้ขับขี่ และการโคลงตัวไปมาของผู้โดยสาร New Mazda2 จึงเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่ให้การตอบสนองดี และขับขี่สนุกที่สุดในคลาส

ภายในห้องโดยสารถูกออกแบบฟังก์ชั่นและตำแหน่งการจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ ตามคอนเซ็ปต์ HMI (Human-Machine Interface) ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตามจากถนน อาทิ Active Driving Display จอสกรีนใสแสดงข้อมูลการขับขี่ในระดับสายตาของผู้ขับขี่

Sports Paddle Shift ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย และ Cruise Control ระบบควบคุมควมเร็วคงที่

ติดต่อสื่อสารระบบ Mazda Connect ที่รองรับ Apple CarPlay โดยแสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ที่ควบคุมด้วย Center Commander ปุ่มควบคุมอัจฉริยะซึ่งถูกจัดวางในตำแหน่งที่สะดวกต่อการใช้งาน

ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง

ขุมพลังมีทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร และดีเซล 1.5 ลิตร

สนนราคาเท่ากันทั้งแบบ 4 และ 5 ประตู

โดยเครื่องยนต์เบนซิน มี 5 รุ่นย่อย ราคา 546,000-690,000 บาท

ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล มี 2 รุ่นย่อย ราคา 782,000-799,000 บาท