ผู้เขียน | คอลัมน์ สถานีคิดเลขที่12 มติชนรายวัน (17/2/2560) |
---|---|
เผยแพร่ |
เมื่อตอนที่ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ใหม่ๆ
มีกระแสข่าวคาดหมายทำนองว่า พล.อ.เฉลิมชัยอาจอยู่ในตำแหน่ง ผบ.ทบ.แค่ 1 ปี แล้วจะไปเกษียณอายุที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด
เพื่อเปิดทางให้ “บิ๊ก” ในสายบูรพาพยัคฆ์กลับมาดำรงตำแหน่งหมายเลข 1 ของกองทัพบกต่อไป
แต่น่าสังเกตว่ายิ่งนานวันกระแสข่าวนี้กลับค่อยๆ จางหายไป
ตรงกันข้าม สถานะ “ผบ.ทบ.” ของ พล.อ.เฉลิมชัย นับวันกลับดูมั่นคงและมีเสถียรภาพมากขึ้น
ถึงขนาดมีการกล่าวโยงไปยัง “เงื่อนไขพิเศษ” ที่ทำให้ตำแหน่ง ผบ.ทบ.แข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ทำให้ตอนนี้ 2 ปีในตำแหน่ง ผบ.ทบ.ดูจะน้อยไปเสียแล้วสำหรับ พล.อ.เฉลิมชัย
ขณะเดียวกัน พล.อ.เฉลิมชัย ทั้งในฐานะ “ผบ.ทบ.” และ “เลขาธิการ คสช.” ยังได้รับมอบหมายงานสำคัญๆ จาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มาโดยตลอดและต่อเนื่อง
ล่าสุด เมื่อรัฐบาล คสช.เปิดแคมเปญ “ดอกไม้ให้คุณ” ผ่านกระบวนการสร้างความสามัคคีปรองดองขึ้น
พล.อ.เฉลิมชัยได้รับมอบหมายให้เป็นประธานคณะอนุกรรมการสรุปร่างข้อเสนอ “สัญญาประชาคม” ซึ่งมีความสำคัญ “อย่างยิ่ง-และที่สุด”
เพราะนั่นเท่ากับเป็นผู้สรุปประเด็นที่ทุกฝ่ายจะต้องเดินตาม หากหวังให้เกิดปรองดอง
แม้แกนนำระดับนำของ คสช.และรัฐบาลจะบอกว่าไม่บังคับให้ใครมาเซ็นสัญญาประชาคม ถือเป็นเรื่องสมัครใจ
แต่เมื่อคนระดับ “ผบ.ทบ.” ที่ว่ากันว่ามีศักยภาพ “สามารถทำการปฏิวัติ” ได้เหนือกว่าทุกคน นำเสนอ “ประเด็น” เอง
ใครหรือฝ่ายใด โดยเฉพาะฝ่ายการเมืองมีหรือจะกล้าปฏิเสธ
นี่จึงเป็นคำตอบว่า ไฉน ผบ.ทบ.จึงได้รับความไว้วางใจมอบหมายงานนี้มาให้ทำ
เพราะดูจะเหมาะสมที่สุด
ตอนนี้เรายังคาดการณ์ไม่ได้ว่า “สัญญาประชาคม” จะออกมาในรูปแบบไหน
จะไปไกลถึงขั้นให้ทุกฝ่ายยอมเสียสละเพื่อเปิดทางให้มีนายกรัฐมนตรีคนนอก หรือมีรัฐบาลแห่งชาติหรือไม่
หากข้อสรุปไปถึงขนาดนั้น แรงกระเพื่อมย่อมมีมากเป็นธรรมดา
ถึงตอนนั้น พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตร อาจจะควบคุมสถานการณ์ลำบาก เพราะจะถูกมองว่ามีส่วนได้เสีย
จำเป็นต้องมีคนดูแลแทน
แล้วจะมีใครเหมาะสมไปกว่า พล.อ.เฉลิมชัยเล่า
ผบ.ทบ.จากหน่วยรบพิเศษ จึงเปรียบเสมือนเป็นผู้คุ้มกฎหรือคุมสัญญาประชาคมไปโดยปริยาย
ใครเบี้ยว หรือบิดพลิ้วไปจาก “สัญญา”
ก็อาจถูกมองว่า “เบี้ยว” ผู้นำกองทัพด้วย ซึ่งอาจไม่สนุกนัก
ยิ่งไปกว่านั้น การที่ พล.อ.เฉลิมชัยมั่นคงในตำแหน่ง ผบ.ทบ. 2 ปี
คือจะไปจบลงที่ตุลาคม 2561 ซึ่งนั่นก็เป็นไปได้ว่าการเลือกตั้งทั่วไปอาจจะมีขึ้นแล้ว
อันจะหมายความว่า พล.อ.เฉลิมชัยในฐานะ ผบ.ทบ.จะกำกับดูแลการเลือกตั้งด้วย
ทุกอย่างตั้งแต่ต้นน้ำไปถึงปลายน้ำจึงอยู่ในคอนโทรล ง่ายต่อการบริหารจัดการ
ประกอบกับบุคลิกของ พล.อ.เฉลิมชัยค่อนข้างนุ่มนวล
ไปกันได้กับบรรยากาศ “ดอกไม้ให้คุณ” แม้ว่าทุกคนจะรู้ว่า “ดอกไม้” นั้นเสียบอยู่ปลายปืน
ปืนที่มีเจตจำนงอะไรบางอย่างแฝงอยู่
ซึ่งหากไม่เป็นไปนั้น ก็มีความเป็นไปได้สูงที่กระสุนจากปืนอาจจะลั่นออกมาจนทำให้กลีบดอกไม้อันบอบบางกระจุยกระจาย
กระสุนจะลั่นหรือไม่ แน่นอนขึ้นอยู่กับผู้บัญชาการทหารบกนั่นเอง