ถ้าท่านผู้อ่านส่วนหนึ่งจะเกิดความรู้สึกว่าพักหลังนี้ชักจะ “ขายของ” มากไปหน่อยแล้ว

ก็ขออนุญาตขออภัยมาล่วงหน้า ณ ที่นี้

แต่กราบเรียนในฐานะผู้ที่ได้รับมอบหมายจากเพื่อนร่วมงานให้เป็นผู้สื่อสารของเครือ “มติชน-ข่าวสด” กับโลกนอกกะลา เอ๊ย โลกข้างนอก

ว่าสำหรับสื่อมวลชนที่แต่เดิมอาศัยรายได้จากหนังสือพิมพ์เป็นหลักอย่างเดียวนั้น

บัดนี้วันโลกสวยผ่านไป

และจะไม่หวนกลับมาอีกแล้ว

งานขายจึงต้องมาด้วยประการฉะนี้

 

เพราะตั้งแต่เมื่อประมาณเกือบสิบปีที่แล้ว เมื่อหนังสือพิมพ์ในประเทศนี้ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า อนาคตของหนังสือพิมพ์มีแต่จะเรียวลง

เพื่อนฝูงร่วมวงการส่วนหนึ่งกระโดดเข้าไปเป็นผู้ประกอบการโทรทัศน์

เนื่องจากเป็นธุรกิจใกล้เคียงที่คุ้นเคย และมีคำตอบในเรื่องรายได้ชัดเจน

แต่เครือมติชน-ข่าวสดเลือกทางที่สลัวรางกว่า ทั้งในแง่อนาคตของการทำงานและรายได้อย่างสื่อดิจิตอล

ไม่ใช่ว่าฉลาดกว่า เก่งกว่าอะไรหรอกครับ

สารภาพตรงๆ ก็ต้องบอกว่าโง่กว่า

เพราะนึกไม่ออกว่าจะเอาอะไรไปแข่งขันในธุรกิจ ที่เจ้าตลาดเบอร์หนึ่งเบอร์สองมีส่วนแบ่งการตลาดรวมกันแล้วร้อยละ 80

หรือตอนที่เขาประมูลสถานีโทรทัศน์ดิจิตอลกันนั้น ที่ไม่ได้เข้าประมูลกับเขาด้วย ก็เพราะนึกไม่ออกเหมือนกันว่า

วันหนึ่งมีโทรทัศน์อยู่ 4 ช่อง สมมุติว่าเม็ดเงินโฆษณาในธุรกิจโทรทัศน์มี 100

เพิ่มพรวดเดียวเป็น 24 ช่อง เม็ดเงินเพิ่มเป็น 600 ด้วยหรือไม่ หรือว่ายัง 100 เท่าเดิม

เรื่องก็เป็นแบบนี้แหละครับสารวัตร

 

ทีนี้เมื่อไม่มีโทรทัศน์ หันมามุ่งสื่อดิจิตอลอย่างเดียว

ก็มีเวลา มีอารมณ์ (ร่วม) ในการทำงานมากกว่าคนอื่นหน่อย

ผลลัพธ์จึงออกมาอย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน

แต่ถึงกระนั้นก็ผลัดกันเตือนสติ (อย่างที่เคยกราบเรียน) ว่า ที่ 1 ในโลกดิจิตอลนั้นผิดกันกับที่ 1 ในโลกอะนาล็อกอย่างลิบลับ

เป็นที่ 1 วันนี้ พรุ่งนี้ก็อาจตกไปที่บ๊วยได้ถ้าไม่รักษามาตรฐาน

ช่วงนี้พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ เขาก็เลยจัดเต็มกันทุกรายการ ทุกช่องทางที่สามารถหาสตางค์ได้อย่างสุจริต

อย่างข่าวสดกับมติชนทีวีเขาก็เพิ่งส่งรายการไลฟ์ข่าวลงเพจข่าวสดทุก 11 โมงครึ่งตั้งแต่จันทร์ยันศุกร์

แฟนานุแฟนก็หลามไหลเข้ามาให้กำลังใจกันคับคั่ง

เริ่มต้นจากหลักแสนต้นๆ ตอนนี้มาแสนกลางๆ ค่อนข้างปลาย ทำท่าว่าจะทะลุล้านไปได้ในไม่ช้า

นี่เห็นว่ากำลังจะเพิ่มเวลาเสนอข่าวให้ยาวขึ้น ครอบคลุม และจุใจขึ้น

ยังไม่นับอีกสารพัดรายการที่เตรียมจะนำเสนอเป็นลำดับต่อไปตลอดปี

เป็นทีวีข่าวบนเฟซบุ๊ก

อะไรทำนองนั้น

ขณะที่คณะทำงานอีกชุดใหญ่ก็ไปปักหลักบึงกาฬ ลุยงานยางพาราให้สมศักดิ์ศรีงานยางระดับนานาชาติ

ช่วง 16-22 กุมภาพันธ์นี้ที่กลางเมืองบึงกาฬเลยครับ

ท่านที่ไปไม่ถึง สามารถติดตามชมได้ทางไลฟ์ของมติชน-ข่าวสด-ประชาชาติ

ยังไม่นับว่า รายละเอียดและสาระสำคัญต่างๆ จะทยอยนำเสนอในสิ่งพิมพ์ทั้งมติชน-ข่าวสด-ประชาชาติธุรกิจ-มติชนสุดสัปดาห์ และเทคโนโลยีชาวบ้าน

พอกลับมาที่กรุงเทพมหานคร

กองบรรณาธิการมติชนเขาก็ประเดิมวาระของการฉลองใหญ่ มติชน 40 ปีมูฟวิ่ง ฟอร์วาร์ด ด้วยงานสัมมนายักษ์ “สตาร์ตอัพ ไทยแลนด์ 4.0” ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์

แค่องค์ปาฐกอย่างรองนายกฯ เศรษฐกิจ และวิทยากรอย่างซีอีโอสามค่ายยักษ์มือถือก็ “ซี้ด” แล้วครับ

ไม่แน่ใจว่าแจ้งข่าวช้าอย่างนี้ยังจะมีที่นั่งเหลือหรือไม่

แต่ในโลกสมัยใหม่ ไม่ได้ไปนั่งฟังสดๆ ก็ติดตามชมการถ่ายทอดสดจากเฟซบุ๊กมติชน-ข่าวสดเขาได้เสมอ

และตบท้ายด้วยการถ่ายทอดคำพูดออกมาเป็นตัวอักษรในหนังสือหรือนิตยสาร

ให้เก็บไว้ย้ำเตือนกันในวันหน้า

ที่ต้องขยันทำมาหากินสุจริต

ก็เพราะไม่เคยมีรายได้อย่างอื่นทางอื่น

และในยามที่เศรษฐกิจดี๊ดี ขนาดรัฐบาลยังใช้เงินคงคลังเสียเกือบเกลี้ยงฉาด

ประสาอะไรกับบริษัทเอกชนเล็กๆ

อะไรสุจริต อะไรเป็นประโยชน์ต่อทั้งคนส่วนใหญ่และตัวเอง

ทำทั้งนั้นละครับ ไม่เคยเกี่ยง