ต่างประเทศ : เปิดแฟ้มลับ ค่ายล้างสมองอุยกูร์

มณฑลซินเจียง เป็นหนึ่งในเขตปกครองตนเองของจีนที่ตั้งอยู่ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ โดยเป็นเขตปกครองตนเองของชนชาติอุยกูร์ ชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมในประเทศจีน

พื้นที่นี้เป็นพื้นที่อ่อนไหวสำหรับรัฐบาลปักกิ่ง เนื่องจากมีความพยายามของชนชาวอุยกูร์ที่ต้องการจะแยกตัวเป็นอิสระจากจีน

นั่นทำให้กลุ่มหัวรุนแรงและกลุ่มเคลื่อนไหวแบ่งแยกดินแดนชาวอุยกูร์ตกเป็นเป้าหมายในการปราบปรามของรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีน

ยิ่งจีนในยุคปกครองของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ผู้นำสูงสุดจีนรุ่นที่ 5 กลุ่มหัวรุนแรงสุดโต่งชาวอุยกูร์ยิ่งถูกกำราบหนัก

โดยเฉพาะหลังเกิดเหตุการณ์ผู้ก่อการร้ายชาวอุยกูร์ก่อเหตุไล่แทงผู้คนที่สถานีรถไฟแห่งหนึ่งในปี 2014 เป็นผลให้มีผู้เสียชีวิต 31 ราย ชนชาวอุยกูร์ยิ่งถูกฝ่ายความมั่นคงของทางการจีนปราบปรามหนัก

ในช่วงเพียงสัปดาห์เดียวที่ผ่านมามีเอกสารที่ถูกกล่าวอ้างว่าเป็นข้อมูลในชั้นความลับของรัฐบาลจีนหลุดรั่วออกมาสู่สายตาสาธารณชน

ซึ่งเผยให้เห็นนโยบายการปราบปรามชนชาวอุยกูร์ของรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนว่ามีความดุดันแข็งกร้าวเพียงใด

หนึ่งในนั้นคือ ค่ายกักขังชาวอุยกูร์และชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมอื่นๆ ในมณฑลซินเจียง ที่ถูกระบุว่าเป็นค่ายล้างสมอง!

 

ในชุดข้อมูลแรกที่มีการหลุดรั่วออกมาก่อน เป็นนิวยอร์กไทม์ส สื่อสิ่งพิมพ์ชั้นนำในสหรัฐอเมริกา เป็นผู้นำมาตีแผ่เป็นที่แรก โดยอ้างว่าเป็นเอกสารข้อมูลภายในของทางการจีน มีเนื้อหามากกว่า 400 หน้า

ข้อมูลส่วนหนึ่งเปิดเผยให้เห็นว่าประธานาธิบดีสีจิ้นผิงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทางการจีนจัดการกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนและพวกหัวรุนแรงสุดโต่งที่มุ่งก่อการร้าย แทรกซึมและเคลื่อนไหวเพื่อแบ่งแยกดินแดนในจีนได้อย่างไม่ต้องปรานีปราศรัย

เอกสารชุดนี้ยังเผยให้เห็นว่าคณะผู้ปกครองจีนมีความหวั่นกลัวมากขึ้นกับภัยคุกคาม หลังจากเห็นการก่อเหตุโจมตีของกลุ่มติดอาวุธที่เกิดขึ้นในประเทศต่างๆ และการถอนกำลังทหารออกไปจากประเทศอัฟกานิสถานของกองทัพสหรัฐอเมริกา

ทิ้งห่างไป 6 วัน มีอีกชุดข้อมูลลับของรัฐบาลจีนหลุดรั่วตกมาถึงมือของสมาคมผู้สื่อข่าวสืบสวนสอบสวนระหว่างประเทศ (ไอซีไอเจ) ซึ่งทำงานร่วมกับสื่อที่เป็นพันธมิตรอีก 17 สำนัก ที่นำออกมาเผยแพร่ เผยให้เห็นมาตรการปราบปรามและการล้างสมองชาวอุยกูร์และชนมุสลิมกลุ่มน้อยในจีนอย่างเป็นระบบ

บีบีซี พาโนรามา หนึ่งในสื่อที่ได้เห็นเอกสารข้อมูลลับนี้ของทางการจีนระบุว่าเอกสารชุดนี้เป็นรายละเอียดที่เผยให้เห็นการล้างสมองชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิม ที่ส่วนใหญ่เป็นชาวอุยกูร์ ซึ่งถูกกักขังอยู่ในค่ายกักกันในมณฑลซินเจียงอย่างน้อยกว่า 1 ล้านคน

เอกสารลับนี้ที่ไอซีไอเจเรียกว่า “ไชน่า เคเบิลส์” นอกจากจะมีรายละเอียดของมาตรการต่างๆ รวมกันเป็น “คู่มือ” คำสั่งและแนวทางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่จีนในการจัดการกับชาวอุยกูร์และผู้ต้องขังที่อยู่ในค่ายกักกันที่มีการสร้างขึ้นทั่วมณฑลซินเจียงในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

โดยที่รัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์จีนอ้างว่าเป็นการสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่ในการแนะแนวอาชีพและฝึกทักษะความชำนาญให้กับผู้ต้องขังหัวรุนแรงแล้วนั้น ยังมีบันทึกช่วยจำ ความยาว 9 หน้ากระดาษ จากนายจูไห่หลุน รองเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำมณฑลซินเจียง ส่งถึงเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมค่ายกักกันต่างๆ ในปี 2017 ที่สั่งกำชับกำชาให้ดูแลรักษาความปลอดภัยในค่ายกักขังต่างๆ อย่างเข้มข้นสูงสุด

โดยการบังคับใช้กฎระเบียบอย่างเข้มงวด เพิ่มบทลงโทษหนักต่อพฤติกรรมที่เป็นการฝ่าฝืนกฎระเบียบ

ห้ามนักโทษเล็ดลอดหลบหนีไปได้ การทำให้นักโทษสำนึกผิดและรับสารภาพ ตลอดจนให้ความสำคัญกับการเรียนภาษาจีนกลางเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด

นอกจากนี้ ยังสั่งการให้เฝ้าจับตาสอดส่องพฤติกรรมของผู้ต้องขังอย่างไม่ให้คลาดสายตา ตั้งแต่การตื่นนอน เข้าห้องน้ำ ทำความสะอาด กินข้าว เข้าห้องเรียน จนถึงเข้านอน ด้วยการติดกล้องวงจรปิดทั่วทุกห้องทุกพื้นที่ในค่าย

 

เอกสารข้อมูลลับชุดนี้ยังเผยให้เห็นว่าในค่ายกักกันยังมีระบบการให้คะแนนของการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อุดมการณ์ความคิด การเรียน การฝึกฝน และการปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ที่จะมีผลอย่างสำคัญต่อโอกาสที่ผู้ต้องขังจะได้รับอนุญาตให้ติดต่อญาติได้ หรือจะได้รับการปล่อยตัวสู่อิสรภาพเมื่อไร นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งให้จับกุมชาวอุยกูร์ที่ถือสัญชาติอื่นและติดตามความเคลื่อนไหวของชาวอุยกูร์ที่ใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศด้วย

โซเฟีย ริชาร์ดสัน จากกลุ่มฮิวแมนไรท์วอทช์ องค์กรเคลื่อนไหวพิทักษ์สิทธิมนุษยชนชี้ว่าเอกสารลับที่รั่วไหลออกมานี้ จะเป็นพยานหลักฐานที่อัยการสามารถรวบรวมนำไปฟ้องร้องต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนในจีนได้

ขณะที่เบน เอ็มเมอร์สัน ทนายความด้านสิทธิมนุษยชนและเป็นที่ปรึกษาของสภาอุยกูร์โลก กลุ่มเคลื่อนไหวปกป้องชนชาวอุยกูร์ ให้ความเห็นว่าค่ายกักขังที่มีอยู่นี้ของทางการจีน แสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงอัตลักษณ์ของผู้คน

ซึ่งจะมองเป็นอื่นไปไม่ได้เลยนอกจากเป็นแผนการล้างสมองที่ถูกออกแบบมาและใช้โดยตรงกับกลุ่มชาติพันธุ์ในจีน โดยเฉพาะชนชาวมุสลิมอุยกูร์ในซินเจียง

ทว่าความเห็นเชิงวิพากษ์นี้ถูกทางการจีนออกมาโต้กลับในทันทีว่าข้อมูลเอกสารลับที่กล่าวอ้างกันไป ล้วนเป็นเฟกนิวส์ ไร้มูลความจริง!