อุรุดา โควินท์ / อาหารไม่เคยโดดเดี่ยว : กลิ้งผ่านฝน

พอเริ่มเข้าฤดูหนาว ข้าวต้มขายดีมาก ร้านที่ขายดีอยู่แล้ว จะเป็นขายดีโคตรๆ ต้องเพิ่มกำลังคน เพิ่มโต๊ะ

คนมาเที่ยวเชียงรายในฤดูหนาวมากน้อยแค่ไหน อาจวัดได้โดยประมาณจากลูกค้าร้านข้าวต้ม

เพราะเมื่ออากาศต่ำกว่า 20 องศา มื้อค่ำก็ไม่มีอะไรเหมาะเท่าข้าวต้ม

ร้านข้าวต้มไม่ค่อยได้เงินฉัน เพราะฉันชอบข้าวต้มของฉันมากกว่า ฉันยังชอบกับข้าวง่ายๆ อย่างไข่เจียว หรือเต้าหู้ยี้ รอให้หนาวกว่านี้สักหน่อย ฉันคงต้มข้าวบ่อยขึ้น ตอนนี้เพิ่งต้นฤดู-ฉันคิด

แต่แล้ววันนี้ฝนก็เทลงมาอย่างครึกโครม ราวกับเป็นฤดูฝน ผลลัพธ์ก็คือ อุณหภูมิลดลงอย่างเร็ว เร็วชนิดที่ทำให้ฉันรู้-ฉันวางใจฤดูกาลมากไป เราควรกินข้าวต้ม แต่…เต้าหู้ยี้หมด ทั้งฉันไม่อยากฝ่าฝนไปตลาด

ทำอาหารตามวัตถุดิบที่มีอยู่ อาหารที่จะทำให้เราอุ่นขึ้น และหลับสบาย

ถ้าไม่ใช่ข้าวต้ม ก็ต้องเป็นอะไรเผ็ดๆ ร้อนๆ

ใช่! โดยไม่ต้องไปตลาด

เจอหมูในตู้เย็นราว 2 ขีด กับไข่อีกห้าฟอง ช่องผักมีมะเขือเปราะกลิ้งอยู่สี่ห้าลูก และมีแตงกวาในถุง

ง่ายที่สุดคือไข่เจียวหมูสับ กินกับพริกน้ำปลา (ถ้ามีพริกขี้หนูเหลือ) หรือไม่ก็ซอสพริก แต่ร่างกายจะไม่ได้รับความอบอุ่นจากอาหารเลย

อืม…ไข่เจียวหมูสับก็กินกับข้าวต้มได้ ถ้าจะกินน่ะ ฉันเริ่มลังเล

 

ฝนต้นฤดูหนาวเปลี่ยนเชียงรายกลายเป็นอีกเมือง มีส่วนผสมของภาคเหนือและภาคใต้ ทั้งหนาวและชื้น

ไข่เจียวหมูสับคงเอาไม่อยู่

แล้วถ้าคั่วกลิ้งล่ะ

สำหรับฉัน สายฝนและคั่วกลิ้งเป็นชู้กัน ไม่ได้คิดถึงคั่วกลิ้งตั้งแต่แรก เพราะใจจดจ่อกับความหนาวมากกว่าฝน

ครั้งหนึ่งฉันเดินขึ้นเขาหลวง เลือกวันที่ฟ้ากระจ่างตา จากตีนเขาเราเห็นแดดจ้า ครั้นเดินขึ้นเขาราวสองชั่วโมงฝนก็ตกหนัก ตามมาด้วยน้ำป่า

เพื่อนบอกว่าเราต้องไปถึงถ้ำโดยเร็วที่สุด เราต้องข้ามลำธารขณะน้ำเชี่ยวกราก เพื่อนชาวสวนมัดเชือกกับรากไม้ใหญ่ เดินจับเชือกข้ามลำธารไป ก่อนมัดปลายเชือกไว้กับต้นไม้อีกฟากหนึ่ง แล้วเราก็ค่อยๆ เดินเกาะเชือกข้ามลำธารทีละคน

ถ้ำเล็ก อับ ชื้น และเหม็น แต่เป็นสถานที่เดียวซึ่งรอดพ้นสายฝน ฉันจามตั้งแต่ฝนเริ่มตก จามไม่หยุดกระทั่งถึงถ้ำ ทั้งไม่แน่ใจว่ากำลังร้อนหรือหนาว

พอถึงถ้ำ ฉันรีบวางเป้ เช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า กินยาสองเม็ด สูบบุหรี่ตัวหนึ่ง ตอนแรกเหมือนจะดีขึ้น แต่จู่ๆ หน้าก็ร้อนผ่าว ทั้งที่ไม่มีใครจีบ ไม่ได้อาย

เพื่อนชาวสวนบอกว่า มีสองการดูแลให้เลือก คือพันลำสักตัว หรือไม่ก็รีบกินข้าว กินคั่วกลิ้งเยอะๆ แล้วดื่มน้ำร้อนตาม

ไม่ต้องสงสัยเลย ฉันเลือกอย่างหลัง แค่ได้ยินคำว่าคั่วกลิ้ง ก็ดูเหมือนไข้จะเบาลง

กินคั่วกลิ้งที่เพื่อนคดห่อมาจากบ้าน ข้าวหุงหม้อสนาม ไข่เจียวและผัก ดื่มน้ำร้อนสองแก้ว ฉันก็บอกเพื่อนว่า ฉันไปต่อได้

ยา คั่วกลิ้ง หรือน้ำร้อนกันนะ ที่ช่วยฉันในวันนั้น อาจเป็นทั้งสามอย่างรวมกัน

ที่แน่ๆ วันนี้คั่วกลิ้งจะช่วยไล่ความหม่นหมองในใจฉันออกไป

บางทีเราก็ไม่รู้ว่ามันมาจากไหน แค่ฟ้ามืด ฝนตก ใจเราก็กลิ้งไปกับอากาศ

 

คั่วกลิ้งทำง่ายมาก ถ้ามีเครื่องแกง หากไม่มีก็ตำ ใช้เวลาไม่เกิน 15 นาที ใส่พริกขี้นกแห้งลงครกเยอะๆ ขมิ้นพอให้เหลือง กระเทียมไทย ตะไคร้ซอย พริกไทยดำ และเกลือทะเล ตำ ตำ และตำ จนละเอียดเป็นเนื้อเดียว เติมกะปิดีๆ จากนั้นก็วางสากมาสับหมู

ฉันชอบสับหมูเอง เพราะชอบใช้แรง ได้เลือกหมู และมันไม่ได้ใช้เวลามากมายเลย สับแค่พอหยาบๆ แล้วสับข่าอ่อนไว้สักสองช้อนโต๊ะ คั่วกลิ้งที่ฉันกินบนเขาวันนั้น มีแต่เครื่องแกงกับหมู แต่ฉันเติมข่าลงไปนิดหนึ่ง ให้เกิดความซ่าน และแอบหยอดหัวกะทิน้อยที่สุด น้อยชนิดกินแล้วไม่รู้สึก แต่ได้คั่วกลิ้งที่นวลใจขึ้น

เพื่อนชาวสวนบอกว่า คั่วกลิ้งจะทำแบบไหนก็ได้ โดยเครื่องแกงนี้ เพราะแท้ที่จริงมันคือการถนอมอาหาร ทำให้หมูมีรส แห้งลง และเผ็ด เพื่อจะห่อไปสวน หรือขึ้นเขาได้

ฉันเคยเห็นเพื่อนทำ เพื่อนเอาหมูกับพริกแกงลงกระทะพร้อมกัน ใช้ไฟอ่อน คนไปเรื่อยๆ จนหมูสุก แล้วปิดไฟ ง่ายๆ แค่นั้น

แต่ฉันชอบเอาเครื่องแกงมาผัดน้ำมันสักหน่อย พอให้หอมขึ้น ดึงกลิ่นและความเผ็ดออกมาให้มากขึ้น จากนั้นค่อยใส่หมูสับลงไป คนให้สุกราว 60 เปอร์เซ็นต์ ค่อยใส่ข่าสับกับกะทิ พอหมูสุกดีและแห้งก็ปิดเตา โรยใบมะกรูดซอย เด็ดพริกขี้หนูสีแดงสีเหลืองวางข้างหน้า

แค่นี้ก็ได้อาหารไล่ความชื้นและความหนาวแล้ว

คั่วกลิ้งแทบไม่ต้องปรุง รสชาติอยู่ในเครื่องแกงทั้งหมด เว้นเสียแต่บางคนไม่ชอบเผ็ด ใส่เครื่องแกงน้อย ก็อาจต้องเติมน้ำปลา

ข้าวสุกแล้ว ควรกินตอนร้อนๆ มีคั่วกลิ้งถ้วยน้อยรสจัดจ้าน กับไข่เจียว ฉันจะกลิ้งผ่านสายฝนนี้ไปอย่างร่าเริงเลยละ