ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 10 - 16 กุมภาพันธ์ 2560 |
---|---|
คอลัมน์ | อาชญากรรม |
ผู้เขียน | อาชญา ข่าวสด |
เผยแพร่ |
ปฏิบัติการบุกจับกุมสายฟ้าแลบกลางสนามบินสุวรรณภูมิ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการล้างบางเครือข่าย “ไซซะนะ แก้วพิมพา” พ่อค้ายาเสพติดชาวลาว
ก่อนนำมาสู่การบุกทลายขบวนการที่เชื่อมโยงอีก 2 รอบรวมกว่า 80 จุดทั่วประเทศ โดยยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดมากกว่า 300 ล้านบาท
ที่สำคัญเมื่อแกะรอยสืบสาวในเชิงลึก ยังพบกลุ่มดารา ไฮโซและคนดังเข้ามาพัวพันกับแก๊งไซซะนะด้วย
ทั้งทำหน้าที่จำหน่ายยาเสพติดไปจนถึงทำหน้าที่รับฟอกเงินที่ได้จากการกระทำความผิด ด้วยการซื้อซูเปอร์คาร์และรถหรู
รวมไปถึงการตั้งกรรมการสอบสวนนายตำรวจที่แชะภาพคู่กับพ่อค้ายาเสพติดรายนี้
แม้ขณะนี้เรื่องราวทั้งหมดยังต้องรอข้อเท็จจริงและความกระจ่างชัดจากการสืบสวนถึงความเชื่อมโยงของบุคคลที่เกี่ยวข้อง
แต่ตำรวจก็มีแผนเดินหน้ากวาดล้างเครือข่ายไซซะนะรอบ 3 แบบขุดรากถอนโคนด้วย
ชาร์จจับ “ไซซะนะ” คาสนามบิน
จุดเริ่มต้นของการบุกทลายเครือข่าย “ไซซะนะ” เริ่มขึ้นเมื่อตำรวจตามแกะรอยความเคลื่อนไหวของพ่อค้ายาเสพติดชาวลาวรายนี้มาสักระยะหนึ่ง
จนกระทั่งล่าสุดได้เบาะแสว่านายไซซะนะเดินทางมาท่องเที่ยวใน จ.ภูเก็ต และเตรียมขึ้นเครื่องกลับประเทศที่สนามบินสุวรรณภูมิในวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา
เมื่อได้โอกาสในการล็อกตัวพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่สุดของภูมิภาคอาเซียน พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. ออกหมายจับและนำกำลังไปดักซุ่มรอ
หลังจากนายไซซะนะและพวกรวม 3 คน ปรากฏตัวที่สนามบิน ทีมตำรวจได้บุกเข้าชาร์จจับกุมทันที ท่ามกลางความตื่นตระหนกของนักท่องเที่ยวที่เดินผ่านไปมา
ก่อนล็อกตัวนายไซซะนะไปเค้นสอบขยายผล พร้อมตรวจสอบประวัติพบทำธุรกิจโรงเลื่อย โรงแรมและธุรกิจอื่นอีกหลายรายการ แถมยังคบค้าสมาคมกับคนในแวดวงไฮโซและคนมีชื่อเสียง
ส่วนข้อมูลในการกระทำผิดพบนายไซซะนะเป็นขบวนการที่ลอบส่งยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่ภาคอีสานและจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย
ที่สำคัญถือเป็นเครือข่ายที่ใหญ่กว่า “เล่าต๋า แสนลี่” ราชายาเสพติดภาคเหนือ
พร้อมประสานไปยังตำรวจ สปป.ลาวให้ช่วยตรวจสอบขยายผล ก่อนตามลุยค้นบ้านพักและโรงแรม โดยยึดซูเปอร์คาร์และรถหรูของนายไซซะนะได้กว่า 20 คัน
หลังจากได้เบาะแสและความเชื่อมโยงของเครือข่ายพ่อค้ายา “ไซซะนะ” ตำรวจ บช.ปส. ก็ยังเดินหน้าบุกทลายขบวนการค้ายาด้วยปฏิบัติการ “ชัยยะสยบไพรี 60/1”
โดยส่งเจ้าหน้าที่ปูพรมบุกเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 36 จุดทั่วประเทศ ตามล็อกตัวผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องได้ 7 ราย คอยทำหน้าที่แตกต่างกันไป ทั้งรับส่งยาเสพติด หน้าที่ลำเลียงยา ให้ที่พักยาเสพติดและหน้าที่กระจายยาเสพติด
นอกจากนี้ ยังอายัดทรัพย์สินที่คาดว่าได้จากการกระทำผิดมาตรวจสอบจำนวนมาก
ถือเป็นจุดเริ่มต้นของปฏิบัติการล้างบางพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่และลุยกวาดล้างเครือข่าย
สอบพบเชื่อมโยง “เบนซ์ เรซซิ่ง”
หลังการจนมุมของ “ไซซะนะ” คาสนามบินและนำมาสู่การบุกทลายขบวนการ พร้อมสืบสวนขยายผลถึงความโยงใยไปยังบุคคลที่เกี่ยวข้อง ก่อนได้เบาะแสว่ามีคนดัง ดาราและไฮโซเข้ามาพัวพันด้วย
จึงเป็นที่มาของปฏิบัติการ “ชัยยะสยบไพรี 60/2” เมื่อตำรวจ บช.ปส. สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. และ ปปง. ลุยเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายอีก 39 จุดทั่วประเทศในวันที่ 2 กุมภาพันธ์
ซึ่งเป็นเครือข่ายและมีความเชื่อมโยงกับนายไซซะนะ
โดยหนึ่งใน 39 จุดที่บุกเข้าตรวจค้นคือ ร้านเเอเรีย 51 ภายใน ซ.อินทามระ 51 ย่านดินแดง กทม. ที่มี นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ “เบนซ์ เรซซิ่ง” สามีดาราสาว “แพท” ณปภา ตันตระกูล เป็นเจ้าของ
แต่ไร้เงาหนุ่ม “เบนซ์ เรซซิ่ง” เจอเพียงดาราสาวที่อุ้มท้องใกล้คลอดอาศัยอยู่ในห้องพักเพียงลำพัง
เมื่อตรวจเช็กวงจรปิดพบว่า นายเบนซ์ได้ขับรถหรูลัมโบร์กีนี ทะเบียน กจ 51 กทม. ออกไปตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 1 กุมภาพันธ์
จากการตรวจค้นพบบิ๊กไบค์ 1 คัน และอาวุธปืน 2 กระบอก มีนายเบนซ์เป็นผู้ครอบครอง
ถัดมาไม่นานมีผู้แจ้งเบาะแสเจอรถลัมโบร์กีนีไปจอดอยู่ในคาร์แคร์ ย่านรามอินทรา เจ้าหน้าที่จึงยึดกลับมาตรวจเช็กอย่างละเอียด ก่อนพบเป็นรถที่สวมทะเบียน โดยแท้จริงแล้วเป็นทะเบียนรถโฟล์กใน จ.ลำพูน
ส่วนแนวทางการสืบสวน พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน แถลงถึงที่มาที่ไปว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ควบคุมตัว นายณัฐพล นาคคำ หรือบอย เครือข่ายนายไซซะนะและเพื่อนนายเบนซ์ ได้เมื่อ 1 กุมภาพันธ์ ก่อนให้การซัดทอดและอ้างว่านายเบนซ์เป็นผู้ดูแลเงินและทรัพย์สินทั้งหมด ทำหน้าที่คล้ายฟอกเงิน
โดยนายเบนซ์ยังไม่ใช่ผู้ต้องหา แต่อยากให้เข้ามาให้ข้อมูลกับตำรวจ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ
จากนั้นอีกวัน นายเบนซ์พร้อมทนายความ รุดเข้าชี้แจงกับตำรวจที่ บช.ปส. นาน 6 ชั่วโมง
โดยหนุ่มเบนซ์ให้การยืนยันเป็นผู้บริสุทธิ์ และไม่เคยรู้จักนายไซซะนะ แต่ยอมรับว่ารู้จักกับนายบอย เนื่องจากชอบแต่งรถบิ๊กไบค์เหมือนกัน แต่ไม่รู้เบื้องหลังว่านายบอยทำธุรกิจอะไร
ก่อนยืมเงินจากนายบอย 6 ล้านบาท เพื่อมาดาวน์รถหรูลัมโบร์กีนีคันนี้และจะทยอยคืนให้
แต่เจ้าหน้าที่ยังมีข้อสงสัยหลายประการ โดยเฉพาะประเด็นที่นายเบนซ์ยืมเงินจากนายบอย 6 ล้านบาท ซึ่งเตรียมเชิญเข้ามาให้ข้อมูลอีกรอบในสัปดาห์หน้า
นอกจากนี้ ยังเตรียมตรวจสอบบัญชีธนาคารของนายเบนซ์และนายบอยว่ามีการคืนเงินที่ยืมมาตามที่กล่าวอ้างหรือไม่
ที่สำคัญเจ้าหน้าที่ยังพบด้วยว่า นายบอยยังโอนเงินเข้าบัญชีนายเบนซ์เดือนละ 3 แสนบาทด้วย
จึงเป็นเรื่องที่นายเบนซ์ต้องเข้าชี้แจงตำรวจให้กระจ่างชัด
“ไผ่ วันพอยท์” พบ ตร.แจงปมลัมโบร์
การสืบสวนขยายผลถึงเครือข่าย “ไซซะนะ” ยังพบมีดาราและไฮโซเข้ามาพัวพันด้วย ตำรวจจึงเฝ้าจับตา โดยเฉพาะกลุ่มนักแสดงและคนดังที่รวยเว่อร์แบบไม่มีเหตุผล
แถมยังมีชื่อลูกชายนักการเมืองดังเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เนื่องจากทีมสืบสวนได้ข้อมูลว่าอยู่ในกลุ่มก๊วนรถซิ่งเดียวกัน ที่สำคัญยังรู้จักกับนายบอยและนายเบนซ์
จากนั้นวันที่ 7 กุมภาพันธ์ นายไผ่ ลิกค์ หรือ “ไผ่ วันพอยท์” พร้อมเพื่อนคือ “เจ๋ง วันพอยท์” เพื่อนนายไผ่ เดินทางเข้าพบตำรวจ บช.ปส. เพื่อให้ข้อมูลในฐานะพยาน
โดย ไผ่ วันพอยท์ ให้การว่า ทำธุรกิจซื้อขาย นำเข้าและตกแต่งซูเปอร์คาร์ หรือจะเรียกว่าเป็นนายหน้าขายรถก็ได้ จึงรู้จักกับนายบอยและนายเบนซ์ ในฐานะลูกค้ารายหนึ่งที่มาติดต่อขอซื้อรถลัมโบร์กีนี
ที่ผ่านมาเคยเจอนายบอย 2 ครั้ง และนายเบนซ์เพียงครั้งเดียวในวันที่เดินทางมารับรถเท่านั้น ซึ่งจนถึงขณะนี้ตนยังไม่ได้รับเงินค่านายหน้าจากการขายรถหรูลัมโบร์กีนีคันนั้นเลย
ด้าน เจ๋ง วันพอยท์ ให้การด้วยว่า ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานจากนายบอยที่ต้องการรถหรู ก่อนติดต่อให้นายไผ่ช่วยหารถให้ ซึ่งจะได้ค่านายหน้า 4-5 แสนบาท ก่อนแนะนำให้ซื้อรถหรูลัมโบร์กีนีคันนี้ ราคา 14 ล้านบาท จากเต็นท์รถของบูโน ออโต้ คลินิก ย่านพระราม 3 กทม. พร้อมยืนยันไม่รู้จักนายไซซะนะ
เมื่อได้ข้อมูลที่เชื่อมโยงถึงบุคคลหลายฝ่าย ตำรวจจึงเชิญเจ้าของเต็นท์รถของเอก บูโน่ ออโต คลินิก ที่ขายรถลัมโบร์กีนี และเจ้าของรถโฟล์ก ทะเบียน กจ 51 กทม. ซึ่งมีเลขทะเบียนตรงกับรถลัมโบร์กีนีของเบนซ์ มาให้ปากคำด้วย
นอกจากคนดังและดาราที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเครือข่ายไซซะนะแล้ว ยังมีหลักฐานเป็นภาพถ่ายตำรวจ 3 นายที่แชะภาพร่วมเฟรมกับพ่อค้ายาเสพติดชาวลาวรายนี้ด้วย
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. จึงมีคำสั่งให้ตรวจสอบภาพถ่ายที่ปรากฏทางโซเชียลมีเดีย พบเป็นตำรวจ สภ.ท่าลี่ จ.เลย จำนวน 2 นาย และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จ.เลย จำนวน 1 นาย
จึงสั่งให้ต้นสังกัดเร่งตรวจสอบ พบเป็นภาพที่ถ่ายไว้เมื่อ 2 ปีก่อน ขณะอำนวยความสะดวกให้คาราวานรถหรูจาก สปป.ลาว
โดยเชื่อว่าตำรวจทั้ง 3 นายไม่เกี่ยวข้องหรือพัวพันกับแก๊งค้ายา แต่เพื่อความโปร่งใสในการตรวจสอบ จึงมีคำสั่งให้มาช่วยราชการนอกพื้นที่ก่อน
นอกจากนี้ ยังพบตำรวจอีกนาย ยศ “ร.ต.อ.” ทำหน้าที่ถือกุญแจรถของนายไซซะนะมาส่งให้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนพ่อค้ายาชาวลาวรายนี้จะโดนรวบตัวไว้ได้
เมื่อสอบสวน ร.ต.อ. นายดังกล่าวระบุว่า มีลูกน้องนายไซซะนะติดต่อให้ช่วยอำนวยความสะดวก เนื่องจากเป็นลูกค้าวีไอพี ด้วยการถือกุญแจรถยนต์ไปให้ แต่ไม่ทราบว่าเป็นผู้ต้องหาค้ายาเสพติดรายใหญ่ เมื่อเกิดเหตุการณ์เจ้าหน้าที่เข้าจับกุม จึงไม่ได้นำกุญแจรถไปส่งให้
ผลจากการบุกทลายเครือข่ายค้ายา “ไซซะนะ” ถึง 2 รอบ จึงเห็นถึงขบวนการค้ายารายใหญ่ในภูมิภาค
จากนี้ตำรวจยังเตรียมแผนบุกล้างบางแก๊งค้ายานี้อีกรอบในภาคใต้ โดยได้ข้อมูลว่าเป็นกลุ่มตัวการที่ใหญ่กว่า “ไซซะนะ”