รายงานพิเศษ / ตรวจแถว กองพลบูรพาพยัคฆ์ ‘คอแดง’ พล.ร.2 รอ. มองอนาคต ‘ผบ.พล.1 รอ.’ และคลื่นระลอก 2 ที่ทัพเรือ

รายงานพิเศษ

ตรวจแถว

กองพลบูรพาพยัคฆ์

‘คอแดง’ พล.ร.2 รอ.

มองอนาคต ‘ผบ.พล.1 รอ.’

และคลื่นระลอก 2 ที่ทัพเรือ

 

หลังบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. พร้อมๆ กับยุคแห่งการเปลี่ยนผ่าน ที่มีการตั้งหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ (ฉก.ทม.รอ.904) ขึ้น

ที่ พล.อ.อภิรัชต์นั่งเป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 เอง

กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) ฐานกำลัง “วงศ์เทวัญ” ก็กลับมาเฟื่องฟู

ขณะที่กองพลบูรพาพยัคฆ์ พล.ร.2 รอ. ที่เคยรุ่งเรืองอย่างมากในยุค 3 ป. “ป้อม-ป๊อก-ประยุทธ์” ก็ดูจะลดความแรงลง

ด้วยสัญญาณบางอย่างที่ต้องการให้คำเรียกบูรพาพยัคฆ์ หรือวงศ์เทวัญ เช่นในอดีตสิ้นสุดไป

คงมีแต่ทหาร ฉก.ทม.รอ.904 ที่ทุกคนต้องผ่านการฝึกหลักสูตร ทม.รอ. 3 เดือน และกลายเป็นทหาร “คอแดง” ที่สวมเสื้อยืดคอกลมสีขาวขลิบแดง และสวมชุดพราง ทม.รอ. พร้อมตราสัญลักษณ์ และเครื่องหมาย เหรียญตราต่างๆ เต็มหน้าอก

แบบที่เรียกว่า วงศ์เทวัญ และบูรพาพยัคฆ์ ได้หลอมรวมเข้ากันเป็นทหารคอแดงแล้วนั่นเอง

แม้แต่คำเรียกทหารเสือราชินีของ ร.21 รอ. ก็จะเป็นคำเรียกตัวเองเป็นการภายใน

เพราะภาพภายนอก ทหารเสือราชินีก็เป็นส่วนหนึ่งของ ฉก.ทม.รอ.904 และกลายเป็นทหารคอแดงไปแล้ว

แต่พลังอำนาจของ 3 ป. ที่ยังคงแข็งแกร่ง และจะต่อเนื่องยาวนาน ตามสถานภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่หากเป็นนายกรัฐมนตรีนานถึง 8 ปี หรือมากกว่านั้น

ทหารเสือราชินี หน่วยต้นกำเนิดของทั้ง 3 ป.พี่น้อง รวมทั้งบูรพาพยัคฆ์ ก็ยังคงร่วมแชร์อำนาจกับทหาร พล.1 รอ. หรือวงศ์เทวัญเดิม

ขณะที่ พล.1 รอ. ตอนนี้มี “ผบ.เนี้ยว” พล.ต.ทรงพล สาดเสาเงิน เป็น ผบ.พล.1 รอ. และเป็นกำลังหลักของ ฉก.ทม.รอ.904

ด้วยเพราะ พล.ต.ทรงพลเมื่อครั้งเป็น เสธ. พล.1 รอ. และรอง ผบ.พล.1 รอ. ก็ทำหน้าที่เสธ.ฉก.ทม.รอ.904 ทำงานให้แบบเข้าตา พล.อ.อภิรัชต์มาตลอด

โดยมอบหมายงานสำคัญให้ดูแลรับผิดชอบ ทั้งในหมวก ทบ. และหมวก ฉก.ทม.รอ.904

รวมทั้งการตั้ง “ศูนย์ธำรงวินัย” ของ ทบ. ขึ้น ที่มี พล.ต.ทรงพลเป็นคนดูแล เพื่อกวดขันวินัยทหารของ ฉก.ทม.รอ.904

โดยยึดรูปแบบเดียวกับของกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ทม.รอ.)

หากทหารคนใดทำผิดระเบียบวินัย จะถูกลงทัณฑ์ในลักษณะเดียวกับทหาร ทม.รอ.ภายในโรงเรียน ทม.รอ. วังทวีวัฒนา

รวมถึงการสวมหมวก helmet สีแดง ที่เป็นสัญลักษณ์ของทหารที่ถูกทำโทษ

โดยตั้งเป็นศูนย์ธำรงวินัย ในหน่วยระดับมณฑลทหารบก หรือกองพลในแต่ละกองทัพภาค

โดยจัดกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) เป็นศูนย์ธำรงวินัยของ ทบ. และกองทัพภาคที่ 1

เมื่อนั่ง ผบ.พล.1 รอ. จึงทำให้ พล.ต.ทรงพล เตรียมทหาร 27 ถูกจับตามองอนาคตและก้าวเดินนับจากนี้

เช่นเดียวกับที่รองอ๊อบ พล.ต.ทรงวิทย์ หนุนภักดี รองแม่ทัพภาคที่ 1 (ตท.24) ที่มีอายุราชการถึง 2568 ที่ขึ้นมาจาก ผบ.พล.1 รอ. ที่กำลังถูกจับตามองว่าจะขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ในอนาคต และชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ. จากสายวงศ์เทวัญคอแดงในอนาคตเช่นกัน

เพราะทั้ง พล.อ.อภิรัชต์ และบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผช.ผบ.ทบ. และว่าที่ ผบ.ทบ.คนใหม่ ก็โตมาจาก ผบ.พล.1 รอ.

อาจเรียกได้ว่า เป็นการกลับมายึดพื้นที่สำคัญใน ทบ. คืนจากทหารเสือฯ และบูรพาพยัคฆ์ ที่ยึดหัวหาดมาเป็นส่วนใหญ่ตลอดกว่า 10 ปีที่พี่น้อง 3 ป. ครองอำนาจ ตั้งแต่หลังรัฐประหารปี 2549 ตั้งแต่บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็น ผบ.ทบ. 3 ปี และต่อด้วย พล.อ.ประยุทธ์อีก 5 ปี และบิ๊กโด่ง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ทหารเสือราชินี 1 ปี บิ๊กหมู พล.อ.ธีรชัย นาควานิช บูรพาพยัคฆ์ อีก 1 ปี

ก่อนที่จะมาเป็นรบพิเศษ สายบ้านสี่เสาเทเวศร์ บิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท เป็น ผบ.ทบ.อีก 2 ปี

แล้วจึงเป็น พล.อ.อภิรัชต์ สายวงศ์เทวัญ ที่มาเป็น ผบ.ทบ. พร้อมๆ กับ “ทหารคอแดง” ที่หลอมรวมทั้งวงศ์เทวัญและบูรพาพยัคฆ์ ทหารเสือฯ ไว้ด้วยกัน

 

พล.อ.อภิรัชต์ ถือเป็น ผบ.ทบ.คนแรกที่เป็นนายทหารพิเศษประจำกรม ทม.รอ. และเป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ที่ผ่านการฝึกหลักสูตร ทม.รอ. คนแรกของ ทบ.

แล้วมาจัดวางระบบต่างๆ ในการตั้ง ฉก.ทม.รอ.904 ซ้อนอยู่ใน ทบ. ก่อนที่จะแยก โอนย้าย พล.1 รอ. ออกไปเป็นหน่วยในพระองค์ในปีนี้

โดยมีการวางตัว พล.อ.ณรงค์พันธ์ ทหารคอแดง ที่เป็นนายทหารพิเศษประจำกรม ทม.รอ.คนที่ 2 ของ ทบ. และเป็นรอง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 จนปัจจุบัน เป็น ผบ.ทบ.คนต่อไป ที่ดั้งเดิมก็มาจาก ร.31 รอ. ของ พล.1 รอ. และถือเป็นสายวงศ์เทวัญ

โดยจะนั่งเป็น ผบ.ทบ. 3 ปี เพราะเกษียณตุลาคม 2566 เลยทีเดียว

แต่ที่จับตามองว่า แม้ในยุคทหารคอแดงแบบนี้ ก็ใช่ว่าทหารสายวงศ์เทวัญที่โตจาก พล.1 รอ. จะขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ได้เท่านั้น

แต่เหล่าต้นกำเนิดทหารเสือราชินี จากกองพลบูรพาพยัคฆ์ อย่างบิ๊กต่อ พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์ แม่ทัพน้อยที่ 1 ก็ถูกจับตามอง

ในฐานะน้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ และ ตท.23 ที่มีอายุราชการถึง 2567 แถมยังเป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 จ่อขึ้นแม่ทัพภาคที่ 1 คนต่อไปไว้แล้ว และเป็นรอง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ด้วย

แต่ที่โฟกัสกันก็คือ ระหว่าง พล.ท.เจริญชัย กับ พล.ต.ทรงวิทย์ ใครจะขึ้นแม่ทัพภาคที่ 1 ก่อน และจะชิงกัน หรือว่าต่อคิวกัน

เพราะ พล.ท.เจริญชัยเป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 จ่ออยู่แล้ว แต่ทว่า พล.ต.ทรงวิทย์ จากรองแม่ทัพภาคที่ 1 ก็สามารถขึ้นแม่ทัพภาคที่ 1 ได้เลย

แต่ไลน์แม่ทัพภาคที่ 1 ในระยะหลังๆ มานี้ มักจะขึ้นจากแม่ทัพน้อยที่ 1 ที่เป็นพลโทอยู่แล้วก่อน

แต่ พล.ต.ทรงวิทย์ก็จ่อขึ้นแม่ทัพน้อยที่ 1 ได้ ก่อนที่จะเป็นแม่ทัพภาคที่ 1

แต่ไม่มีใครหยั่งรู้ลิขิตฟ้าว่าได้วางตัวใครไว้เป็น ผบ.ทบ.ต่อจาก พล.อ.ณรงค์พันธ์

 

นั่นเป็นการบริหารจัดการของสายวงศ์เทวัญ พล.1 รอ. เดิม ในการวางทายาท ที่เชื่อกันว่า พล.อ.อภิรัชต์จะยังมีบทบาทสำคัญ แม้ว่าตอนนั้นจะเกษียณไปแล้วก็ตาม

แต่ในส่วน พล.ร.2 รอ. มี ผบ.หนุ่ย พล.ต.ธราพงษ์ มะละคำ เป็น ผบ.พล.ร.2 รอ. ที่ก็ถือว่าเป็นลูกหม้อที่เติบโตในกองพลบูรพาพยัคฆ์มาตลอด ก่อนที่จะไปเป็น ผบ.มทบ.11 แล้วย้ายระนาบกลับถิ่นคุมค่ายพรหมโยธี

พล.ต.ธราพงษ์ เตรียมทหาร 24 ถือเป็นนายทหารคอแดง 1 ใน 14 ขุนพลคอแดง

โดยมี เสธ.รุ่ง พ.อ.ชิษณุพงษ์ รอดศิริ (ตท.26) และ เสธ.กบ พ.อ.ปัญญา ตั้งความเพียร (ตท.27) อดีต ผบร.12 รอ. เป็นรอง ผบ.พล.ร.2 รอ.

ผู้การไก่ พ.อ.วรยศ เหลืองสุวรรณ (ตท.28) เป็น ผบ.ร.2 รอ. ค่ายจักรพงษ์

พ.อ.เสกสรรค์ พรหมศักดิ์ (ตท.38) เป็น ผบ.ร.12 รอ. ที่ค่ายไพรีระย่อเดช

และผู้การเบญ พ.อ.เบญจพล เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา (ตท.32) เป็นผู้การทหารเสือราชินี ผบ.ร.21 รอ. ที่เพิ่งขยับมาจากผู้การกรมนักเรียนเตรียมทหารฯ กลับค่ายนวมินทราชินี ชลบุรี ถิ่นเก่า

นายทหารระดับผู้บังคับการกรมเหล่านี้ ก็เข้าไลน์ที่จะเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ. กันในอนาคต

แต่ทว่าเส้นทางสู่ ผบ.กองพลบูรพาพยัคฆ์ มักจะต้องขยับไปเป็นรอง ผบ.พล.ร.2 รอ. หรือรอง ผบ.พล.1 รอ. หรือ ผบ.มทบ.11 เช่น พล.ต.ธราพงษ์นั่นเอง

หรือบางกรณีก็มาจาก ผบ.พล.ร.9 ย้ายระนาบมาเลย เช่น บิ๊กเล็ก พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ลูกหม้อ พล.ร.2 รอ. ขึ้นเป็น ผบ.มทบ.11 และ ผบ.พล.ร.9 แล้วจึงเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ.

จนทำให้จับตามองกันว่า ผบ.พล.ร.2 รอ.คนต่อไป ที่ควบแข่งกันระหว่าง เสธ.ใหญ่ พ.อ.อมฤตย บุญสุยา อดีต ผบ.ร.21 รอ. ที่ขยับไปเป็นรอง ผบ.พล. 1 รอ. จ่อคิวข้ามกลับถิ่นมาเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ.

แต่ไม่อาจมองข้าม ผบ.ตั้ง พล.ต.ธวัชชัย ตั้งพิทักษ์กุล ผบ.มทบ.11 ที่อาจจะข้ามมาเป็น ผบ.พล. ร.2 รอ.คนต่อไป

ทั้งคู่เป็นเพื่อน ตท.27 แต่ พล.ต.ธวัชชัย โตมาจาก ร.11 รอ. ในยุค พล.อ.อภิรัชต์ และเคยเป็น ผบ.ร.31 รอ. ก่อนไปเป็นรอง ผบ.พล.ร.2 รอ.

แล้วถูกมองว่าเป็นวงศ์เทวัญ ที่จะไปยึดฐานที่มั่นบูรพาพยัคฆ์ เป็น ผบ.พล.ร.2 รอ. เดินตามรอยเท้า พล.ต.ธราพงษ์ ที่ขยับจาก ผบ.มทบ.11 มาเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ.

แต่ทว่า พ.อ.อมฤตย โตมาจาก ร.21 รอ. เป็นน้องรักทหารเสือฯ อีกคนของ พล.อ.ประยุทธ์ และถือเป็นคนใน

แต่ต้องดูว่า น้องรัก พล.อ.อภิรัชต์ หรือน้องรัก พล.อ.ประยุทธ์ จะเข้าวิน

แม้จะกลายเป็นทหารคอแดง แต่ทว่าต้นกำเนิด เหล่ากำเนิด เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงกันไม่ได้ ระหว่างวงศ์เทวัญกับบูรพาพยัคฆ์ ทหารเสือฯ จึงยังต้องแชร์อำนาจกันต่อไป

ขณะที่กองทัพเรือ บทบาทของบิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. ปีที่ 2 ยังคงถูกจับตามอง หลังจากเจอคลื่นใต้น้ำระลอกใหญ่ใน ทร. ปล่อยข่าวโจมตีหนักหน่วงต่อเนื่อง

ส่งผลให้ทัพเรืออยู่กันอย่างหวาดระแวง ไม่รู้ใครเป็นใคร พวกไหน ฝ่ายใด

แถมทั้งเป็นห้วงเวลาที่ต้องชิงเก้าอี้ ผบ.ทร.กันอย่างเข้มข้นพอดี เพราะมีแคนดิเดตอยู่หลายคน ที่ล้วนไม่ธรรมดา

ทั้ง ตท.20 บิ๊กแก๋ง พล.ร.อ.สิทธิพร มาศเกษม เสธ.ทร. บิ๊กแมว พล.ร.อ.สมชาย ณ บางช้าง ประธานคณะที่ปรึกษา ทร. และโดยเฉพาะบิ๊กอุ้ย พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผช.ผบ.ทร. ที่ยังคงแรง แม้จะมีข่าวสะพัดถึงความไม่ธรรมดาของ พล.ร.อ.ช่อฉัตร กระเทศ รอง ผบ.ทร. รุ่นพี่ ตท.19 ก็ตาม

จึงทำให้กองทัพเรือมีความอ่อนไหวทั้งภายในและกระแสจากภายนอก

ที่ พล.ร.อ.ลือชัยท่องคาถาทำความดีทำเพื่อ ทร. ไม่ต้องกลัวอะไร ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟก็ตาม

แต่ก็ดูเหมือนจะถูกโจมตีได้ทุกขณะ

แม้แต่กระแสข่าวการชะลอการจัดซื้อเรือดำน้ำจีนลำที่ 2 เพราะงบฯ ไม่พอบ้าง หรือเพื่อเอางบฯ ไปต่อเรือฟริเกตลำใหม่บ้าง

หลังเกิดความร่วมมือ ทร.ไทยและรัสเซียในการต่อเรือฟริเกตร่วมกัน

หลังจากที่ ทร.ชะลอโครงการต่อเรือฟริเกตสมรรถนะสูงจากแดวู เกาหลีใต้ ลำที่ 2 งบฯ เกือบ 1.5 หมื่นล้าน ออกไปก่อน หลังต่อ “เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช” ลำแรก มาแล้ว

และไปสั่งต่อเรือยกพลขึ้นบก LPD 071-e จากจีนอีก 1 ลำแทน เพื่อมาเป็นเรือพี่เลี้ยงให้เรือดำน้ำลำแรก ที่จะต่อเสร็จในปี 2566

แต่ พล.ร.อ.ลือชัยยังคงยืนยันว่าเป็นไปตามแผนเดิม ในการเสนอต่อเรือดำน้ำจีนลำที่ 2 ในงบฯ ปี 2563 ที่อยู่ในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณแล้ว

เพราะ ครม.อนุมัติให้ซื้อ 3 ลำ โดยทยอยผูกพันงบฯ 3 ลำ ภายใน 11 ปี

แต่ทว่ากระแสข่าวลือก็ยังคงถาโถม ทั้งการชะลอเรือดำน้ำลำที่ 2 บ้าง และยกเลิกสัญญาคืนเรือดำน้ำจีนลำแรก แล้วจะไปซื้อเรือดำน้ำจากเกาหลีใต้บ้าง

หรือไม่ซื้อเรือดำน้ำจีนลำ 2 เพราะจะต่อเรือฟริเกตลำที่ 2 จากเกาหลีใต้บ้าง

แต่ทุกอย่างก็เกิดจากการให้ความหวังของนายทหารเรือที่เกี่ยวข้องกับโครงการต่างๆ แบบที่ พล.ร.อ.ลือชัยเรียกว่า “ตีกิน”

แต่ พล.ร.อ.ลือชัยก็ไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะจะกลายเป็นประเด็นที่ฝ่ายการเมืองจ้องโจมตีเรื่องงบฯทหาร และการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์เสมอ

ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ของ ทร.ไทยและจีนแนบแน่นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการเชิญ พล.อ. Wei Fengher รมว.กลาโหมจีน ไปเยือนสัตหีบ ทร. ชมสมรรถนะทั้งกองเรือยุทธการ กองบัญชาการนาวิกโยธิน และหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.)

โดยชมขีดความสามารถที่ล้วนเป็นยุทโธปกรณ์ที่เคยจัดหาจากจีนมานานแล้ว เช่น เรือฟริเกต ร.ล.เจ้าพระยา ที่ พล.ร.อ.ลือชัยเคยดำรงตำแหน่ง ผบ.ร.ล.เจ้าพระยา ที่เรือลำนี้มีอายุเกือบ 30 ปีแล้ว แม้จะเก่า แต่ก็ยังใช้การได้ดี

โดยเฉพาะชื่นชมอาวุธปล่อยนำวิถี C-802 A ของจีน ที่ ทร.ไทยได้นำไปใช้ยิงทดสอบเมื่อปีที่แล้ว ในระยะ 200 ไมล์ ก็ยังยิงสู่เป้าหมายได้อย่างแม่นยำ

ก่อนที่ตอนค่ำจัดงานเลี้ยงรับรอง โดยประเดิมเปิดอาคารรับรอง ทร. 112 ล้านหลังใหม่ ที่เคยตกเป็นข่าวถูกโจมตี ต้อนรับ พล.อ. Wei Fenghe เป็นอาคันตุกะคนแรก เพื่อเป็นการยืนยันว่า ทร.สร้างมาใช้ประโยชน์เพื่อ ทร. และเป็นหน้าตาในการรับแขกบ้านแขกเมือง

โดยมีการสนทนาฉันมิตร และมีการแนะนำตัวผู้บังคับบัญชาในระดับต่างๆ ของ ทร. ทั้งระดับ 5 ฉลาม และระดับรองลงมา เพื่อการประสานงานกันต่อไปในอนาคต

ที่สำคัญคือ การชนเหมาไถ มิตรภาพ เพราะตอนไปเยือนจีน หลายครั้ง รมว.กลาโหมคนก่อน รวมทั้ง พล.อ. Wei Fenghe รมว.กลาโหมจีนคนนี้ ได้เลี้ยงต้อนรับ และชน “เหมาไถ” เหล้าขาวจีนกระชับมิตรเสมอ รวมถึงเจรจาต่อรองเรื่องของแถม อุปกรณ์การฝึกอบรมเรือดำน้ำลำแรกและเจรจาลดราคาเรือ LPD ได้ ในการวัดใจ ด้วยการชนเหมาไถแบบหมดแก้ว ไม่มีแอบเททิ้ง แสดงความจริงใจมาแล้ว

แม้แต่งานเลี้ยงที่ นย. ก็ยังมีชนเหมาไถ ซึ่งถูกใจ พล.อ. Wei Fenghe อย่างมาก

และการพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการ มีการทาบทาม พูดคุย ที่จะนำไปสู่ความร่วมมือและการฝึกทางทหาร ฝึกร่วมทางเรือไทย-จีน

นอกเหนือจากที่ฝึก Blue Strike ของนาวิกโยธินไทย-จีน ทุกๆ 2 ปีแล้ว

เพื่อเป็นการยืนยันการเดินหน้าโครงการซื้อเรือดำน้ำจีนลำที่ 2 และส่งสัญญาณความร่วมมือกับจีนที่จะตามมาอีกเพียบ

พร้อมสยบกระแสข่าวลือ ด้วยคำยืนยันของ พล.อ.ประวิตรที่ว่า ยังคงเดินหน้าเรือดำน้ำจีน ลำที่ 2 ตามเดิม

  จึงเป็นความท้าทายที่มีต่อ พล.ร.อ.ลือชัย และกองทัพเรือ ที่มีมาเป็นระลอกๆ