แมลงวันในไร่ส้ม/ยืนยัน ‘อยู่ไม่เป็น’ อนค.แถลงแลกหมัด เปิดศึก ‘สื่อ-พปชร.’

แมลงวันในไร่ส้ม

ยืนยัน ‘อยู่ไม่เป็น’

อนค.แถลงแลกหมัด

เปิดศึก ‘สื่อ-พปชร.’

 

ชื่อพรรคอนาคตใหม่ เป็นข่าวต่อเนื่องในระยะก่อนวันที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยคดีหุ้นสื่อในวันที่ 20 พฤศจิกายน

วันที่ 16 พฤศจิกายน ที่ห้องกำแพงเพชร ชั้น 6 JJ Mall จตุจักร พรรคอนาคตใหม่จัดกิจกรรม “อยู่ ไม่ เป็น” มีผู้สนใจประมาณ 1,800 คน เข้าฟังเต็มห้องประชุม

เนื้อหาสาระ เป็นการชี้แจงแนวคิดจุดยืนของพรรคในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะการกล่าวหาว่าเป็นพวกชังชาติ และตอบโต้ข้อกล่าวหาต่างๆ รวมถึงแถลงผลงานพรรคไปพร้อมกัน

ในงานมีนิทรรศการและบูธนำเสนองานของพรรค ที่จะผลักดันต่อสภาผู้แทนราษฎรในรูปแบบอยู่ไม่เป็น ประกอบด้วย 5 บูธหลัก

อาทิ บูธ “ท.ทหาร ทันสมัย” สมัครใจไม่บังคับ นำเสนอ 8 มาตรการสร้างกองทัพทันสมัย, บูธ “อยู่ไม่เป็น เพราะแรงงานอยู่ไม่ได้” นำเสนอแนวทางป้องกันสถานประกอบการละเมิดสิทธิแรงงาน

บูธ “LGBTQI” นำเสนอการแก้กฎหมายสมรส ระหว่างชาย-ชาย หญิง-หญิง และอีก 1 บูธสำคัญ “แอพพลิเคชั่น พรรคอนาคตใหม่” เพื่อสื่อสารระหว่างผู้สนใจกับพรรค ส่งเรื่องร้องเรียนต่างๆ เพื่อรวบรวมปัญหาและส่งสมาชิกพรรคในแต่ละพื้นที่เข้าไปตรวจสอบ และเก็บข้อมูล ผลักดันไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

พรรคอนาคตใหม่เปิดให้ลงทะเบียนออนไลน์ เพื่อแลกรับของที่ระลึก และเปิดให้ลงทะเบียนบริเวณหน้างาน พร้อมทั้งเปิดรับสมัครสมาชิกพรรคบริเวณด้านหน้างานอีกด้วย

ความคึกคักในงานนี้ นอกจากการอภิปรายบนเวที ก็คือ จุดขายของที่ระลึกและของพรีเมียมของพรรค ทั้งเสื้อยืดสกรีนโลโก้พรรค แก้วกาแฟ ร่ม กระเป๋าผ้า และหมวกที่ได้รับความสนใจจากผู้ร่วมงานจำนวนมาก

การอภิปรายบนเวที หัวข้อ “อยู่ไม่เป็น” มี ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ที่เด่นดังจากการอภิปรายในสภา อาทิ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร

มีโชว์จากศิลปินแร็พเปอร์ RAD เจ้าของเพลงดัง “ประเทศกูมี” ก่อนจะเป็นการอภิปรายของนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ และอภิปรายปิดเวทีโดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่

ภายในงานมีตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบมาเฝ้าสังเกตการณ์ประมาณ 30 นาย

ข่าวการอภิปรายของพรรคอนาคตใหม่ กลายเป็นข่าวใหญ่ในสื่อต่างๆ วันรุ่งขึ้น โดยเฉพาะการปฏิเสธข้อกล่าวหาว่า “ชังชาติ”

 

และต่อมาวันที่ 18 พฤศจิกายน น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ เปิดแถลงถึงการเสนอข่าวของสื่อค่ายดัง และกล่าวตอนหนึ่งว่า เจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ ห้ามไม่ให้ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งถือครองหุ้นสื่อ เพื่อป้องกันมิให้ใช้เป็นคุณแก่ตัวเองและใช้เป็นโทษแก่คนอื่น

แต่ในไทยมีนักการเมืองเกี่ยวข้องกับเจ้าของสื่อ แต่ไม่สามารถดำเนินการตามกฎหมายได้ พร้อมกับระบุชื่อ ส.ส.หญิงพรรคพลังประชารัฐซึ่งลาออกจากผู้บริหารค่ายสื่อ

แล้วให้สามีดำรงตำแหน่งผู้บริหารแทน เกิดคำถามว่าขณะที่การถือหุ้นสื่อของ ส.ส.หลายสิบคน เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ทั้งที่ปัญหาเกิดจากใบบริคณห์สนธิ บางกรณีนักการเมืองแสดงหลักฐานทุกอย่างแล้วว่าโอนหุ้นก่อน แต่ยังมีคดี

แต่กรณีดังกล่าว กฎหมายไม่สามารถทำอะไรได้ และสื่อดังกล่าว แสดงให้เห็นชัดเจนว่าทำการอันเป็นคุณแก่บางพรรค และเป็นโทษแก่บางพรรคอย่างเป็นระบบ

น.ส.พรรณิการ์กล่าวต่อว่า ทีมงานของพรรคได้สรุปการเสนอข่าวของสื่อดังกล่าว ที่เสนอข่าวอนาคตใหม่เฉลี่ยวันละ 9 ข่าว 36 นาที เฉลี่ยเป็นเบรกเช้า เที่ยง เย็น ช่วงละ 12 นาที

หมายความว่าจะมีข่าวอนาคตใหม่ 1 เบรกเต็มๆ ในทุกช่องข่าวหลัก นอกจากนี้ ได้เชิญบุคคลมาสัมภาษณ์เพื่อชี้นำความเห็นเชิงลบ ทั้งที่เราเพิ่งจะตั้งพรรคมาหนึ่งปีกว่าๆ ยังไม่มีอำนาจรัฐ

เราพบรูปแบบการนำเสนอข่าวที่เป็นอันตรายอย่างยิ่ง โดยพวกเขาหยิบยกเอาข้อมูลในเพจข่าวปลอม มาแผยแพร่ในรายการทีวี รวมทั้งเพจบางเพจที่เสนอข่าวปลอม หมายความว่าข่าวปลอมเหล่านี้ เริ่มต้นจากเพจข่าวปลอมที่ไม่มีตัวตน

โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ข่าวปลอมมีอยู่เยอะและเป็นอันตรายต่อสังคม ตัวอย่างเช่น “ชำแหละแถลงการณ์ ธนาธรโอนหุ้น ส่อนิติกรรมอำพราง” “ธนาธรอันตรายคล้ายฮิตเลอร์” หรือ “ธนาธรสารภาพคิดการใหญ่” หรือ วิจารณ์ยับกินอาหารหรู ซึ่งกรณีกินอาหารหรูมีการยืนยันแล้วว่ามื้อนั้นเฉลี่ยคนละ 600 บาท ก่อนถูกขยายความต่อไป

เช่นเดียวกับข่าว ธนาธรคล้ายฮิตเลอร์ ซึ่งในเนื้อหาไม่มีข้อเท็จจริง มีเพียงความเห็นของพิธีกรรายการเท่านั้น มีคนแสดงความเป็นห่วงหลายคน อย่าง 4 สมาคมสื่อที่ออกแถลงการณ์ กรณีสื่อสำนักนี้ปล่อยคลิปเสียง หากสื่ออ้างเสรีภาพเสนอข้อมูลข่าวสารโดยไร้ขอบเขต สร้างความเกลียดชัง สื่อจะรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ได้อย่างไร เราต้องการเรียกร้องเรื่องนี้ไปยังสังคมว่า เจตนารมณ์รัฐธรรมนูญนี้จะได้รับความเชื่อถือจากสังคมได้อย่างไร หากมีการดำเนินการลักษณะนี้

น.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า รัฐบาลตั้งศูนย์ต่อต้านเฟคนิวส์ แต่ไม่เคยเห็นว่าศูนย์นี้ต่อต้านเฟคนิวส์ หรือแค่แก้ต่างข่าวที่เป็นโทษกับรัฐบาล หลังจากวันนี้พรรคอนาคตใหม่จะนำข้อมูลจากเพจข่าวปลอมทั้งหมดกว่า 100 หน้า ไปมอบให้ศูนย์ต่อต้านเฟคนิวส์

ซึ่งหลังยื่นเรื่องแล้วพรรคจะเฝ้าดูว่าเจ้ากระทรวง รมว.ดิจิทัลฯ หรือดีอีเอส จะสั่งการหรือดำเนินการอย่างไรบ้าง

วันเดียวกัน น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงว่า

  1. ไม่เคยดำรงตำแหน่งใดๆ และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าวของเนชั่น
  2. ในอดีต ดิฉันได้ประกอบอาชีพโดยสุจริตในฐานะสื่อมวลชน และตั้งแต่ก่อนลงสมัคร ส.ส. ได้ลาออกจากทุกตำแหน่ง โอนขายหุ้น ไม่ได้เป็นเจ้าของและมีหุ้นส่วนในกิจการสื่อใดๆ ทั้งสิ้น
  3. ขอยืนยันว่าดิฉันเคารพ ปฏิบัติตามกฎหมายและจริยธรรมเกี่ยวกับคุณสมบัติการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างเคร่งครัด

น.ส.วทันยาระบุอีกว่า การแถลงข่าวของ น.ส.พรรณิการ์ ขาดข้อมูลที่ถูกต้อง และกำลังพิจารณาที่จะดำเนินการตามกฎหมาย

 

นั่นคือภาพส่วนหนึ่งของการเมือง หลังจากพรรคอนาคตใหม่ซึ่งถูกตามถล่มโจมตีอย่างหนัก ประกาศจุดยืนอยู่ไม่เป็น ออกมาแถลงแลกหมัด จนลุกลามจะกลายเป็นการฟ้องร้องคดี

ฝุ่นควันยังตลบ จนคาดหมายได้ยากว่าเรื่องราวจะลงเอยอย่างไร