“บาดแผลแห่งความทรงจำ” ในชีวิตธรรมดาๆ ของ “หมาก ปริญ”

“อยู่ที่ความสบายใจและความพอใจ คือเวลาไปเล่น เราก็อยากได้ความสบายใจ อยากจะได้ทีมที่คุยได้ ถูกไหมครับ แล้วก็อยากจะให้มีความคิดของเราใส่เข้าไปในนั้นด้วย”

“บางทีก็เลือกตรงนั้นก่อน แล้วก็ดูว่าบทเป็นยังไง เข้ากับเราไหม อะไรแบบนี้”

ด้วยเหตุผลดังว่า พอต้อม-ปิยะพันธ์ ชูเพ็ชร์ ผู้กำกับการแสดงภาพยนตร์เรื่อง “จอมขมังเวทย์ 2020” ที่คุ้นเคยจากการร่วมงานกันมาก่อนติดต่อ และรู้ว่ามีนก-ฉัตรชัย เปล่งพานิช ที่เขานับถือร่วมแสดง ได้เห็นว่าเรื่อง “จอมขมังเวทย์” ภาคแรก ทำออกมาได้ดีมาก ประกอบกับบท “วิน” ที่เสนอมาเป็นบทบู๊ ซึ่งชอบ แล้วก็ถนัด หมาก-ปริญ สุภารัตน์ จึงตอบรับอย่างไม่ลังเล

ตอนถ่ายทำงานชิ้นนี้ หมากบอกว่า แม้จะเหนื่อยมาก เนื่องจากมีฉากบู๊ให้แสดงตลอดๆ แต่ก็สนุก และอยากให้ทุกคนไปดูผลงาน ที่จะเข้าโรงฉายตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน

เหตุที่ชอบเล่นบทบู๊ เขาคาดว่าการที่มีพื้นฐานเป็นนักกีฬายูโดมาก่อน คงมีส่วน

เรื่องการเจ็บตัวจากการแสดง ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีอยู่แล้ว นั่นก็ไม่มีปัญหา

“การเจ็บตัวผมก็ชอบนะ” ว่าอย่างนั้น

“ผมชอบมีแผล ชอบอะไรที่มันเกิดขึ้นบนร่างกาย แบบผมเห็นแล้วจำได้ ว่าอันนี้ไปโดนอะไรมา ผมว่ามันเป็นความทรงจำ และเป็นประสบการณ์”

ประสบการณ์ที่หมากบอกหัวเราะๆ ว่า “มีอยู่หลายที่เลย”

แผลจากการแสดงซึ่งเจ้าตัวว่า หลายๆ ครั้ง “มันก็ทำให้เราเห็นว่า บางทีเราก็ทุ่มเทเนาะ ทุ่มเทเกินไป บางทีก็ไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่ แต่มันก็เกิดขึ้นด้วยความตั้งใจและความทุ่มเทของเรา”

ซึ่งฟังแล้ว และเห็นแววตาอันมุ่งมั่นแล้ว ในฐานะคนฟัง เราคาดว่าน่าจะมีอีกแน่ๆ และพอบอกกับเขา เจ้าตัวก็พยักหน้า พลางหัวเราะ แล้วรับว่าน่าจะใช่

ในชีวิตจริง ซึ่งไม่ได้มีภาพปรากฏบนจอ หมากบอกว่า เขาเป็นคนค่อนข้างจริงจัง

“ทำอะไรก็จะจริงจัง เป็นคนซีเรียส”

และ “ชอบเก็บความดราม่า”

“ผมชอบดูหนังดราม่า ชอบอ่านดราม่า ชอบอ่านโควต ชอบอะไรที่เป็นจิตวิทยาแบบนี้”

“มันทำให้เรารู้ แล้วเก็บไปใช้ในการแสดงได้ ทำให้รู้ว่าวิธีคิดของแต่ละคนเป็นยังไง ทำไมถึงเป็นแบบนี้”

นี่จึงเป็นที่มาของความเป็นคนชอบสังเกต

ขณะเดียวกันยังบอกด้วยว่า “ผมเป็นคนคิดเยอะ แต่พูดน้อย เป็นคนที่เรียบเรียงคำพูดไม่ได้ พูดไม่เก่งเลย”

การนี้เขาขอออกตัวตามมานิดหนึ่งว่า สาเหตุหนึ่งน่าจะเป็นเพราะการเป็นคนคิดเยอะ คิดเร็ว แถมยังพูดเร็วอีก “มันเลยเรียงไม่ค่อยได้ นึกคำไม่ออก”

ครั้นถามไปว่า ที่คิดเยอะๆ นั้น ส่วนมากจะเป็นเรื่องอะไร พระเอกหล่อก็ว่า “ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่ผมชอบดูคน คิดเรื่องที่เราเจอคนคนหนึ่ง แล้วเอ๊ะ! ทำไมเขาถึงทำแบบนั้น ค่อนข้างจะพิจารณาคนที่ผมเจอ คนที่เป็นเพื่อน คนที่เป็นพี่ แล้วก็ชอบนั่งนึกว่าทำไมเขาถึงมีพฤติกรรมแบบนี้ ถามไปแล้วเขารีแอ็กต์แบบนี้ แค่นั้นเอง”

“ชีวิตผมก็คิดแค่นั้น”

การชอบคิด ชอบสังเกตแบบนั้น หมากยอมรับว่าอันที่จริงน่าจะมีผลดีต่องานแสดงของเขา “ถ้าจำได้อ่ะนะ”

ว่าแล้วก็หัวเราะร่วน

ด้วยความเป็นจริงคือ หลายครั้ง หรืออันที่จริงเรียกว่าโดยส่วนใหญ่ดีกว่าที่คิดแล้วก็ผ่านไป

“เจอคนเยอะไง บางทีก็ลืม”

ในวัย 30 ปี หมากบอกว่า ณ ขณะนี้ชีวิตของเขา “ดีมากครับ”

“ทุกวันนี้พอใจมาก”

หากกระนั้นคนที่หน้าตาดี ชีวิตการงานดี การเงินก็ดี แถมยังมีแฟนสวย ก็ไม่ได้คิดว่านี่เป็นชีวิตที่น่าอิจฉาอะไร

“ผมว่ามันธรรมดา”

“เรื่องดี ไม่ดี ไม่ได้มองตรงนั้นเลย ชีวิตผม ผมทำตัวให้มันธรรมดา ผมคิดว่าคนอื่นธรรมดา เราก็ธรรมดา มันก็เหมือนกัน ไม่น่าอิจฉาอะไร ทุกคนก็ต้องมีด้านดีบ้าง ด้านเสียบ้าง เราก็ผ่านกันมาหมดแล้ว”

สําหรับด้านดีที่ตัวเองมี กับคำถามนี้ หมากนิ่งไปแป๊บนึง จากนั้นจึงว่า “ไม่รู้เลย”

“อาจจะเป็นคนสบายๆ อะไรก็ได้ ซึ่งผมคิดว่าข้อนี้น่าจะดีที่สุดแล้ว”

ที่มีคนเคยบอกว่า ก่อนหน้าที่จะเป็น “คนสบายๆ อะไรก็ได้” นั้น เขาเคย “ร้อน” มาก่อน ซึ่งใช่ เขายอมรับ ส่วนที่สามารถเปลี่ยนไปเป็นเฉยๆ เข้าใจ และใจเย็นขึ้นมากๆ ในเหตุการณ์หลายครั้งหลายหน คงเพราะ “ผ่านอะไรมาเยอะ เห็นตัวอย่างมามาก ก็เลยทำให้คิดได้” เขาบอก

ด้วยเหตุนี้เวลาเกิดอะไรขึ้นสักอย่าง สิ่งที่เขาเลือกทำ จึงเป็นการมองตัวเอง

“ผมเปลี่ยนจากที่ผมมองตรงนั้น เพราะมันเป็นสิ่งที่ทำให้เราทุกข์ เปลี่ยนมามองตัวเอง ว่าเราทำอะไรอยู่ เราแฮปปี้ไหม ถ้าแฮปปี้ก็ทำต่อไป แค่นั้นเอง”

กับอนาคตที่วางไว้ หมากบอก เขาคิดอยากจะทำงานเบื้องหลัง เป็นผู้กำกับการแสดง

“แต่ก็ทำได้แค่วาง เพราะเราไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ก็ทำหน้าที่ของเราในปัจจุบันนี่แหละ เราเป็นอะไรอยู่ เราทำอะไรอยู่ ก็ทำตรงนี้ให้มันดี”

แบบที่กำลังพยายามทำอยู่

ในความเป็นคิมเบอร์ลี่

ทันทีที่จบคำถามว่าเขาชอบอะไรมากที่สุดในความเป็นคิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส

หมากก็ยิ้มกระจ่าง จากนั้นคนที่มีแววตาสดใส ก็ตอบคำถามด้วยอาการเขินนิดๆ ว่า

“สิ่งที่ทำให้ผมประทับใจอยู่ตลอดเวลาก็คือความคิดของเขานะ เราดูเหมือนเขาเป็นเด็ก เหมือนเขาง้องแง้ง แต่พอเวลาเขาทำงาน เวลาเขาตอบคำถาม หรือเวลาที่เขาคิดอะไรขึ้นมา ก็เป็นอะไรที่โตกว่าผมตลอดเลย เขามีทั้งความเด็กและความผู้ใหญ่ในตัว บางทีเราก็อึ้ง เซอร์ไพรส์กับคำตอบ ซึ่งที่เขาตอบมันดีมากนะ”

“เป็นสิ่งดีๆ ทั้งนั้นเลย”