รายงานพิเศษ / ถอดรหัส ‘อันตราย’ สัญญาณจาก ‘บิ๊กตู่’ กลางการเมืองร้อน กองทัพผนึกรัฐบาล ‘บิ๊กแดง-คอแดง’ ทัพหน้า

รายงานพิเศษ

 

ถอดรหัส ‘อันตราย’

สัญญาณจาก ‘บิ๊กตู่’

กลางการเมืองร้อน

กองทัพผนึกรัฐบาล

‘บิ๊กแดง-คอแดง’ ทัพหน้า

 

สถานการณ์ทางการเมือง และสถานการณ์ประเทศในช่วงนี้

“บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ไม่ได้ “รบ” คนเดียว

หลังขึ้นเวทีบรรยายพิเศษ “แผ่นดินของเราฯ” ประกาศศึกกับพวก “คอมมิวนิสต์เดิม หัวฝังชิพ” และ “ซ้ายจัด ดัดจริต”

แสดงความเป็นนายทหารสาย Royalist ที่มีความจงรักภักดี และ ฉะแฉ ขบวนการหมิ่นสถาบัน

ที่เป็น wake up call ให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ตัวว่า บิ๊กแดงเอาจริง

พล.อ.อภิรัชต์ย่อมไม่ใช่กระบี่ผู้เดียวดาย แต่เป็นนักรบที่เต็มไปด้วยบาดแผลจากศึกการเมือง จนเรียกได้ว่า ไม่มีอะไรจะเสีย ได้ทำหน้าที่ “ทัพหน้า” ในการสู้ศึก

ก่อนที่บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่ไม่ใช่มาช้า แต่มาอย่างมีกลยุทธ์

โดยใช้โอกาสที่ลงพื้นที่พบปะชาวบ้าน ประชุม ครม.สัญจร บอกว่า ประเทศไทยกำลังอยู่ในอันตราย

อ้างเป็นเหตุผลในการไม่เร่งรีบให้จัดการเลือกตั้งท้องถิ่นในปีนี้ หรือให้เร็วเกินไป

“ไอ้เรื่องเลือกตั้ง ค่อยว่ากันอีกที มันจะเป็นจะตายกันให้ได้ ผมไม่เข้าใจ ประเทศไทยอันตรายในช่วงการเปลี่ยนแปลง ช่วงนี้ก็ปล่อยให้ทุกอย่างมันเซฟตี้ไปก่อน…” พล.อ.ประยุทธ์ระบุ

จนทำให้ต้องมีการถอดรหัสคำพูดว่า ต้องการสื่อถึงอะไร

“ประเทศไทยอันตราย ในช่วงการเปลี่ยนแปลง ช่วงนี้…”

อันเป็นคีย์เวิร์ดที่ พล.อ.ประยุทธ์สื่อถึง ในช่วงการเปลี่ยนผ่านประเทศ

ที่เป็นการรับลูก พล.อ.อภิรัชต์ที่พยายามชี้ว่า มีพวกพยายามเปลี่ยนแปลงประเทศอยู่

“ความขัดแย้งก็เป็นอีกเรื่องที่มีผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลและประเทศ เราต้องอยู่บนความรัก ความสามัคคีให้มากกว่าเดิม”

“ผมขอเวลานี้เป็นเวลาแห่งความร่วมมือร่วมใจของกันและกัน ผมขอได้ไหม ท้องถิ่น ผู้ใหญ่บ้าน ผมขอได้ไหม”

“เรื่องเลือกตั้งค่อยว่ากันอีกที มันจะเป็นจะตายกันให้ได้ ผมไม่เข้าใจ ประเทศไทยอันตรายในช่วงการเปลี่ยนแปลง ช่วงนี้ก็ปล่อยให้ทุกอย่างมัน safety ไปก่อน มีเสถียรภาพมากกว่านี้ เดี๋ยวมันก็เลือกเองแหละ ปีหน้าก็ได้เลือกตั้งแล้ว รัฐบาลต้องมีเงินสำรองประเทศไว้ ไม่อย่างนั้นปีหน้าก็มีปัญหา”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

 

ประการหนึ่ง อาจเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่มั่นใจว่าพรรคพลังประชารัฐจะชนะเลือกตั้งท้องถิ่นได้หรือไม่ เพราะจากการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ผ่านมา ทำให้รู้ดีว่า ระดับท้องถิ่นของพรรคเพื่อไทยและพรรคอนาคตใหม่ ยังแข็งไม่น้อย

แม้จะมีบิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา พี่รอง เป็น มท.1 คุมมหาดไทยเบ็ดเสร็จมาเป็นปีที่ 6 แล้วก็ตาม

อีกประการหนึ่งคือ พล.อ.ประยุทธ์ยังต้องรอสัญญาณบางอย่างเพื่อเดินหน้าต่อ

ท่ามกลางกระแสข่าวการลงดาบนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และการยุบพรรคอนาคตใหม่ จากคดีที่รออยู่มากมาย จนเป็นผลให้นายธนาธรเปิดแคมเปญ “อยู่ไม่เป็น” สู้

แม้ พล.อ.อภิรัชต์จะดักคอไว้แล้ว ด้วย “ฮ่องกงโมเดล” และจับตาความสัมพันธ์กับ “โจชัว หว่อง” นักเคลื่อนไหวชาวฮ่องกงก็ตาม

แม้การประเมินของฝ่ายความมั่นคงจะมองว่า จะปลุกม็อบไม่ขึ้น ไม่อาจเป็นแบบฮ่องกงได้

แต่การก่อตัวของสงครามในโซเชียล คงหนักหนาสาหัสไม่น้อย

 

จึงไม่แปลกที่กองทัพจะเตรียมรับมือศึกไซเบอร์ ทั้งโดยทหารเอง และการสร้างแนวร่วมโซเชียล ซึ่งก็มีไม่น้อย

กลยุทธ์ คือ การชูบทบาทกองทัพและรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ในการปกป้องสถาบัน ขณะเดียวกัน กองทัพโซเชียลก็พยายามทำให้เห็นว่า แกนนำพรรคอนาคตใหม่เป็นอีกฝั่งหนึ่ง

โดยเฉพาะการชู พล.อ.อภิรัชต์เป็นต้นแบบของนายทหารที่มีความจงรักภักดี ระเบียบวินัย สมาร์ตเป๊ะทุกกระเบียดนิ้ว

รวมทั้งการสนองพระบรมราโชบายในการจัดกองทัพ รวมทั้งการฝึกต่างๆ ตั้งแต่พลทหารต้นแบบ ที่ฝึกตามหลักสูตรทหารใหม่พระราชทาน

ไปจนถึงการฝึกหลักสูตร ทม.รอ. สร้าง “ทหารคอแดง” เพื่อมาทำหน้าที่อีกหลายเฟส

ไม่แค่นั้น ในการดูแลระเบียบวินัยทหาร พล.อ.อภิรัชต์ก็นำระบบของ ทม.รอ.มาใช้ รวมทั้งการลงโทษทหารที่ทำผิดระเบียบ

เป็นที่รู้กันคือ สัญลักษณ์ “หมวกแดง” สำหรับทหาร ที่จะสวมหมวกเหล็กสีแดง ที่คล้าย helmet ที่เป็นการบ่งบอกว่า ถูกทำโทษ ถ้าขั้นเบาะๆ ก็จะเป็นแค่เดินลาดตระเวน และการออกกำลังกาย ทั้งนี้ ก็เพื่อความเป๊ะของทหาร

 

พล.อ.อภิรัชต์ในฐานะนายทหารพิเศษประจำกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ และ ผบ.หน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (ผบ.ฉก.ทม.รอ.904) ได้แสดงบทบาทนำในการปกป้องสถาบันมาตลอด

ถึงขั้นประกาศย้ำในการมอบนโยบาย ผบ.หน่วยขึ้นตรง ทบ.ชุดใหม่ อีกครั้งว่า การถวายความปลอดภัย ปกป้องและเทิดพระเกียรติ เป็นภารกิจสำคัญเร่งด่วนอันดับแรกของกองทัพบก

รวมทั้งการแสดงให้ประจักษ์ชัดว่า กองทัพเป็นกองทัพในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มิใช่ทรงเป็นแค่ ผบ.หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ (ผบ.นถปภ.รอ.) หน่วยในพระองค์เท่านั้น

แต่ยังทรงเป็น “องค์จอมทัพไทย” ผู้บังคับบัญชาสูงสุดของกองทัพอีกด้วย

พิธีสวนสนามครั้งสำคัญ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 2562 เพื่อถวายพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 18 มกราคม 2563

โดยจะเป็นการสวนสนามของทั้งทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ จากทั่วประเทศ รวมทั้งชายแดนภาคใต้ และเป็นครั้งแรกที่มีตำรวจร่วมสวนสนามในคราวเดียวกันกับทหาร

รวมทั้งมีการสวนสนามยานยนต์ ที่นำอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ มาแสดงกำลัง รวม 40 กองพัน

โดยใช้พื้นที่ศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร จ.สระบุรี เพื่อไม่ให้มีผลต่อการจราจรในเมือง

และจะเป็นการสวนสนามในลักษณะนี้ครั้งแรกในรัชสมัยของรัชกาลที่ 10 และจะเป็นครั้งเดียวในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 2562

พร้อมทั้งจะเป็นการถวายสัตย์ปฏิญาณตน เนื่องในวันกองทัพบก และวันกองทัพไทย 18 มกราคมไปด้วย

พล.ต.ทรงวิทย์ หนุนภักดี

พร้อมทั้งการจัด ฉก.ทม.รอ.904 ใหม่ หลังการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหาร มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งหลักในกองทัพกันใหม่ ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา ที่ยังคงมี นายพลระดับบริหาร 14 นาย

คือทั้ง บิ๊กต่อ พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์ แม่ทัพน้อยที่ 1 นายทหารเสือราชินี น้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นรอง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ที่กำลังถูกจับตามองว่าจะขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 คนต่อไป และเข้าไลน์ชิง ผบ.ทบ.ด้วย เพราะเกษียณ 2567

รองอ๊อบ พล.ต.ทรงวิทย์ หนุนภักดี รองแม่ทัพภาคที่ 1 ที่ก็เป็นรอง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ตั้งแต่เดิม และเป็นนายทหารคอแดงอีกคนที่ถูกจับตามองว่าจะเข้าไลน์เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และ ผบ.ทบ.ในอนาคตอีกคน เพราะเกษียณกันยายน 2568

รองโต พล.ต.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง รองแม่ทัพภาคที่ 1 ที่เติบโตมาจากสายบูรพาพยัคฆ์ พล.ร.2 รอ.

รองบุ๋ม พล.ต.สุวิทย์ เกตุศรี รองแม่ทัพภาคที่ 1 ทหารม้า ที่เพิ่งขึ้นมาจาก ผบ.พล.ม.2 รอ.

ผบ.หนุ่ย พล.ต.ธราพงษ์ มะละคำ ผบ.พล.ร.2 รอ. บิ๊กช้าง พล.ต.เอกรัตน์ ช้างแก้ว รอง ผบ.รร.นายร้อย จปร. บิ๊กเล็ก พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ รอง ผบ.รร.นายร้อย จปร. เสธ.รุณ พล.ต.กันตพจน์ เศรษฐารัศมี ผบ.พล.ม.2 รอ.คนใหม่ เสธ.ตั้ง พล.ต.ธวัชชัย ตั้งพิทักษ์กุล ผบ.มทบ.11 คนใหม่ และบิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ เสนาธิการทหาร บก.กองทัพไทย ว่าที่ ผบ.ทหารสูงสุดคนใหม่ ในปีหน้า ที่มีอายุราชการยาวถึงกันยายน 2566 ที่ล้วนเป็นกำลังหลักของ พล.อ.อภิรัชต์

ที่มีข่าวว่า บิ๊กแดงจะขยับจัดทัพทหารคอแดงอีกครั้ง

โดยมีการดันบิ๊กหนุ่ย พล.ท.ธรรมนูญ วิถี แม่ทัพภาคที่ 1 คนใหม่ ขึ้นมาเป็นรอง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 เพิ่ม

ขณะที่บิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผช.ผบ.ทบ. ที่แม้จะไม่ได้คุมกำลังใน ทบ. แต่ก็ถูกวางตัวไว้เป็น ผบ.ทบ.คนต่อไป ในตุลาคม 2563 พล.อ.อภิรัชต์จึงยังคงให้ทำหน้าที่รอง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ต่อไป

โดยยังมี “ผบ.เนี้ยว” พล.ต.ทรงพล สาดเสาเงิน ผบ.พล.1 รอ.คนใหม่ ทำหน้าที่ เสธ.ฉก.ทม.รอ.904

ทั้งนี้เพราะ พล.1 รอ. เปรียบเสมือนเป็น “กองบังคับการของหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904” ทำหน้าที่ทั้งการวางแผนอำนวยการ ประสานงาน กำกับดูแล กรมการฝ่ายเสนาธิการของ ฉก.ทม.รอ.904 ที่กำลังมีการคัดเลือกนายทหารฝีมือดี ลักษณะดี มาทำหน้าที่

จึงทำให้ ทบ.ต้องดันกองพลทหารราบที่ 11 (พล.ร.11) ขึ้นมาทำหน้าที่กำลังรบหลัก แทน พล.1 รอ.

รวมทั้งการรับมอบหมายหน้าที่ในการดูแลชายแดน ตามแผนป้องกันประเทศ ในนาม “หน่วยเฉพาะกิจตาพระยา” (ฉก.ตาพระยา) อีกด้วย

จากที่มีกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) กองพลบูรพาพยัคฆ์ ทำหน้าที่เป็นกองกำลังบูรพา คุมชายแดนตะวันออกอยู่แล้ว

เรียกได้ว่า กองทัพในยุคนี้ จะต้องทำหน้าที่ของทหารอาชีพ และทหารรักษาพระองค์

พล.ต.ทรงพล สาดเสาเงิน

แต่ในขณะเดียวกัน กองทัพก็ตกเป็นเป้าทางการเมือง ไม่ใช่แค่เพราะ พล.อ.อภิรัชต์ ที่มีบทบาททางการเมืองสูงเท่านั้น

ยังมี พล.อ.ประยุทธ์เป็น รมว.กลาโหมอีกด้วย

ที่สำคัญคือ ภาพของ คสช.ยังคงอยู่ ยังคงติดตัว 3 ป. ป้อม-ป๊อก-ประยุทธ์ 3 เสาหลักของ คสช. ที่ยังคงมาเป็นเสาหลักของรัฐบาลนี้

จะเห็นได้ว่า แค่ไม่กี่เดือน กองทัพก็ถูกตรวจสอบเรื่องงบประมาณทหาร งบฯ กลาโหม และถูกกรรมาธิการชุดต่างๆ เรียกไปให้ข้อมูล

จน พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเอ่ยปากให้กำลังใจ ผบ.เหล่าทัพ “สู้ๆ นะ”

ท่ามกลางการเมืองร้อนที่มีเป้าหมายล้มรัฐบาล และสลายความแข็งแกร่งของกองทัพ

   โดยมี พล.อ.อภิรัชต์เป็นทัพหน้า ส่วน พล.อ.ประยุทธ์เป็นทัพหลวง