ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 15 - 21 พฤศจิกายน 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | จดหมาย |
เผยแพร่ |
จดหมาย
0 เสียงก้องถึง “นิธิ เอียวศรีวงศ์”
สวัสดีครับ
ผมได้อ่านบทความ “เทคโนโลยีในระบอบเผด็จการ” ของอาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์
ผมพอเข้าใจว่าอาจารย์นิธิต้องการให้สังคมเห็นถึงความสำคัญของสังคมในการพัฒนาเทคโนโลยี
แต่ในบทความของอาจารย์นิธิ ผมว่ามีข้อผิดพลาดและไม่เข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีและการเมืองจีนอยู่บ้าง
ซึ่งผมขออธิบายเป็นข้อๆ ดังนี้
1.อาจารย์นิธิพูดถึงเทคโนโลยีของจีนที่สามารถสร้างดาวเทียมได้
แต่ไม่สามารถสร้างนาฬิกาไขลานได้เท่าญี่ปุ่นได้
ปัญหาคือมันเป็นเรื่องปกติครับ
ไม่มีประเทศไหนในโลกนี้มีศักยภาพในการเป็นผู้นำในเทคโนโลยีแทบทุกด้าน
เป็นผู้นำในบางด้านเท่านั้น
เพราะแต่ละเทคโนโลยีที่คิดค้นมานั้นต้องใช้เวลาในการคิดหลายปี
ใช้ทั้งบุคลากร ประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ สิ่งแวดล้อม
ไม่ใช่ทุกประเทศ ทุกบริษัทจะมีในทุกๆ ด้าน
เยอรมนีขึ้นชื่อในด้านเครื่องจักรอุตสาหกรรม
แต่มีใครบอกชื่อบริษัทไอทีของเยอรมนีได้บ้าง
ความแตกต่างด้านเทคโนโลยีนี้รวมถึงชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ด้วย
สมาร์ตโฟนของจีนเองมีชิ้นส่วนที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ
เพราะว่าชิ้นส่วนตัวเล็กๆ อย่างเช่น ชิพเสียง ใช้เวลา บุคลากร ประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และเงินทุนในการพัฒนา
บริษัทที่พัฒนามันขึ้นมาอาจมีไม่กี่บริษัทในโลกนี้
แน่นอน แม้แต่บริษัทอเมริกันอย่างแอปเปิลก็ต้องสั่งหน้าจอสมาร์ตโฟนของคู่แข่งซัมซุง
เพราะมีแต่ซัมซุงเท่านั้นที่จะผลิตหน้าจอให้ตรงความต้องการของแอปเปิลได้
ไม่ว่าใครจะออกแบบชิพอะไร ก็อาจจะไปจ้างบริษัทไต้หวันไปผลิตอีกที
เพราะว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสร้างชิ้นส่วนทดแทนชิ้นส่วนที่มีอยู่ในตลาดอยู่แล้ว
และมันทำให้ต้นทุนสินค้าสูงขึ้นจนไม่สามารถแข่งกับบริษัทอื่นๆ ได้
แต่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสที่บริษัทใดจะแซงหน้าบริษัทที่เป็นผู้นำเทคโนโลยีได้
เพราะทุกเทคโนโลยีย่อมล้าสมัย
บริษัทหรือประเทศที่คิดจะแซงหน้าจะต้องลงทุนในวิทยาการที่ยังไม่มีใครเชี่ยวชาญในด้านนั้นไปก่อน
เพื่อที่จะหวังว่ามันจะแทนที่ของเก่าๆ
นี่คือเหตุผลทำไมธนาธรถึงอยากสนับสนุนไฮเปอร์ลูป
เพราะมันคือทางที่ไทยเราจะแซงหน้าประเทศที่มีเทคโนโลยีรถไฟฟ้าความเร็วสูงได้
แต่ว่าไม่ใช่ทุกเทคโนโลยีจะประสบความสำเร็จได้ สิ่งใหม่ๆ มันก็คือการเดิมพันที่เสี่ยง
แต่ผลตอบแทนก็สูง หากว่าสำเร็จ
2.การที่ประเทศเผด็จการ คิดค้นอาวุธยุทโธปรณ์ก้าวหน้ากว่าเทคโนโลยีของพลเรือน
ไม่ใช่เรื่องแปลกเช่นกัน
เพราะประเทศไหนๆ ย่อมต้องคำนึงถึงความมั่นคง
การพึ่งตนเองในทางทหารเป็นสิ่งที่จำเป็น
ไม่มีประเทศไหนซื้ออาวุธของศัตรู
เพราะศัตรูก็คงไม่ขายให้ประเทศที่จะหันปืนมายิงใส่ตน
เท่าที่ดูประเทศส่วนใหญ่จะซื้ออาวุธกับพันธมิตรด้วยกัน
หรือสั่งซื้อจากหลายๆ ประเทศเพื่อประกันการผูกขาดไว้กับประเทศใดประเทศหนึ่ง
จนการเมืองระหว่างประเทศเปลี่ยนแล้วจะมีปัญหาในด้านกำลังบำรุง
หากพัฒนาให้ประเทศสามารถผลิตอาวุธเองได้หมด จะประกันความมั่นคงได้อย่างมาก
แต่มีไม่กี่ประเทศเท่านั้นที่ทำได้
“ความมั่นคง” เป็นข้อยกเว้นเสมอในด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
เบื้องหลังของการที่สหรัฐกดดันไม่ให้พันธมิตรติดตั้งเครือข่ายหัวเว่ยก็คือความมั่นคงนี้แหละ
3.เรื่องที่ระบบเบรกเอบีเอสคิดค้นโดยคนไทยไม่น่าจะจริงนะครับ
เพราะมันเป็นคอนเซ็ปต์เก่าเป็นร้อยกว่าปีแล้วโดยคนฝรั่งเศสชื่อว่า Gabriel Voisin
และระบบเบรกเอบีเอสที่ควบคุมด้วยไฟฟ้าก็คิดค้นโดยบริษัทญี่ปุ่นชื่อเดนโซ
ส่วนนวัตกรรมระดับที่คนไทยน่าจะมีส่วนร่วมด้วย
น่าจะเป็นระบบ Natural Languange Interface
โดยศาสตราจารย์ Cheng Hsu กับ ดร.วีระ บุญจง ในตอนที่ยังเป็นนักศึกษา
จนมีการฟ้องร้องกับแอปเปิลในระบบเอไอสิริ
แต่ ดร.วีระไม่ได้เงินนะครับ เพราะคนที่ฟ้องเป็นบริษัทอื่นแทน
4.การที่อาจารย์นิธิเอาโซเวียตไปเทียบกับจีนในยุคหลังปฏิรูปเศรษฐกิจ
ผิดฝาผิดตัวเป็นอย่างมาก
เพราะที่สำคัญอย่างแรกเลยคือโซเวียตไม่ได้ค้าขายกับประเทศทั่วโลกเหมือนจีน
ไม่มีใครไปลงทุนในโซเวียตเหมือนจีน
และบริษัทโซเวียตก็ไม่ไปลงทุนในต่างประเทศขนาดใหญ่เหมือนจีน
จีนเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจโลกมากกว่าโซเวียต
เรื่องที่รัฐบาลจีนถือหุ้นของบริษัทผมว่ามันมีอยู่สองกรณี
คือกองทุนของรัฐไปลงทุนในเอกชนก็ต้องแลกกับหุ้นอยู่แล้ว
หรือรัฐวิสาหกิจที่แปรรูปไปเป็นเอกชน
รัฐบาลจีนไม่จำเป็นต้องใช้วิธีอื่นในการควบคุมเอกชน
เพราะมีกฎหมายเซ็นเซอร์อยู่แล้วครับ
5.อาจารย์นิธิบอกว่าในสังคมเผด็จการที่ควบคุมและผูกขาดโดยรัฐไม่สามารถที่จะสร้างแรงจูงใจที่จะคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้
แต่จีนไม่ได้เป็นแบบนั้นแน่
เพราะไม่งั้น Colin Huang อดีตพนักงานกูเกิล
คงไม่กลับไปจีนแล้วตั้ง Pinduoduo มาแข่งกับอาลีบาบาของแจ๊ก หม่า จนขึ้นเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอันดับสามในจีนได้
หรือแอพพ์วีแชตคงไม่ได้เกิด จนเป็นตัวอย่างให้มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก พยายามที่จะตั้งลิบราเพื่อทำให้เฟซบุ๊กกลายเป็นซูเปอร์แอพพ์
หรือแอพพ์ Tik Tok ที่กำลังมาแรงและเป็นที่นิยมไปทั่วโลกก็คงไม่ได้เกิด
รัฐบาลจีนรู้จักเลือกที่ปิดกั้นบางเรื่องแต่ปล่อยในบางเรื่อง
เพราะรู้ดีว่าจีนเองยังต้องพัฒนาให้เหนือกว่าตะวันตก
แต่ในบางเรื่องจีนก็เริ่มที่จะก้าวมาเป็นที่หนึ่ง
อาจารย์นิธิลองดูภาพการก่อสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินของอังกฤษที่ผมแนบไฟล์มา
ถ้าดูตรงเครนยักษ์จะเจอโลโก้คำว่า ZPMC ซึ่งเป็นบริษัทรัฐวิสาหกิจของจีน
วุฒิชัย อยู่ออมสิน
แม้บทความ
“เทคโนโลยีในระบอบเผด็จการ”
ของ อ.นิธิ เอียวศรีวงศ์ มุ่งจะตีอ้อมกลับ
มายังบางประเทศ
แต่สิ่งที่ “วุฒิชัย อยู่ออมสิน” โฟกัสไปยังจีน
ก็ไม่ได้ถือว่าขัดแย้ง
ตรงกันข้ามกลับมาช่วยเสริม
ทำให้ได้ข้อมูลสมบูรณ์ขึ้น
ขอบคุณ และโปรดเขียนมาอีก