ภาพยนตร์/นพมาส แววหงส์ /THE ADDAMS FAMILY ‘ครอบครัวพิลึกกึกกือ’

นพมาส แววหงส์

ภาพยนตร์/นพมาส แววหงส์

THE ADDAMS FAMILY

‘ครอบครัวพิลึกกึกกือ’

 

กำกับการแสดง Greg Tierman, Conrad Vernon

เสียงพากย์ Oscar Isaac Charlize Theron Chloe Grace Moretz Finn Wolfhard Nick Kroll

Bette Midler Allison Janney Martin Short

 

ตอนผู้เขียนยังเด็ก โทรทัศน์เพิ่งเข้ามาสู่บ้านช่องของผู้คนได้ไม่นาน ละครชุดทางโทรทัศน์หรือที่เราเรียกกันติดปากแล้วว่า ซีรี่ส์ เป็นความบันเทิงยามค่ำคืนในบ้าน โดยเฉพาะช่วงหลังข่าวภาคค่ำแล้ว ก็คอยติดตามซีรี่ส์ของฝรั่งซึ่งไม่ได้ฉายต่อเนื่องทุกวัน แต่มีกำหนดเวลาเดิมวันเดิมในทุกสัปดาห์

หนึ่งในซีรี่ส์ชวนขันแบบน่าขนลุกที่เริ่มฉายเมื่อ ค.ศ.1964 คือ The Addams Family ซึ่งนำเสนอครอบครัวพิสดารที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน

เสียงเพลงประจำเรื่องที่ยังติดหูใครหลายคนมาจนทุกวันนี้ มีท่อนเล็กๆ ที่ตามด้วยเสียงดีดนิ้วสองหน นับเป็น theme song ประจำซีรี่ส์ที่น่าจดจำที่สุดเพลงหนึ่ง ในทำนองเดียวกับเพลงประจำเรื่อง Mission Impossible และ Hawaii Five-O ที่ยากจะลืมเลือน

ซีรี่ส์เรื่องนี้มีกำเนิดมาจากการ์ตูนคอมิกของชาร์ลส์ แอดดัมส์ ซึ่งกลายเป็นนามสกุลของครอบครัวพิลึกครอบครัวนี้

ผู้เขียนเคยได้ยินเด็กคนหนึ่งพูดถึงครอบครัวตัวเองว่า พิลึกอย่างบอกไม่ถูก (weird!) เลยนึกสงสัยว่าใครจะคิดแบบเดียวกันนี้บ้าง เลยตั้งคำถามเหมือนคำโปรยสำหรับหนังเรื่องนี้ว่า “คิดว่าครอบครัวคุณพิลึกแล้วหรือ ขอให้มาดูครอบครัวแอดดัมส์นี่ก่อนสิ”

ปรากฏว่าได้คำตอบแบบงงๆ ว่าแทบทุกคนแหละที่คิดว่าครอบครัวตัวเองพิลึกไม่เหมือนใคร

นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้เนื้อหาของหนังเรื่องนี้โดนใจคนมาหลายชั่วอายุแล้วละกระมัง

และเมื่อกลายเป็นหนังจอใหญ่ใน ค.ศ.1993 ในชื่อว่า The Addams Family Values โดยมีราอูล จูเลีย กับแอนเจลิกา ฮูสตัน เล่นเป็นโกเมซกับมอร์ทิเชีย รวมทั้งคริสตินา ริชชี เล่นเป็นลูกสาวชื่อเวนส์เดย์ จนกลายเป็นดาวรุ่งของวงการในเวลาต่อมา

 

และแล้วขณะนี้ก็มีหนังแอนิเมชั่นที่เล่าเรื่องราวของครอบครัวพิสดารนี้ตามมา โดยเลือกจังหวะเวลาออกฉายในช่วงเทศกาลปล่อยผี หรือฮัลโลวีนพอดิบพอดี

สร้างเป็นแอนิเมชั่นแบบสามมิติ โดยตัวละครชุดเดิมทั้งหมด มีเพิ่มขึ้นคือตัวนางร้ายกับแผนการของนาง

ตัวละครมอร์ติเชีย (ให้เสียงโดยชาร์ลีซ เธอรอน) ดูลงตัวดี ชุดรัดรูปสีดำยาวระพื้นและการเคลื่อนไหวที่ดูเหมือนเลื่อนไหลลอยไปบนพื้น ให้ความรู้สึกไม่ผิดจากตัวละครของแอนเจลิกา ฮูสตัน สักเท่าไร เสียแต่ว่าตัวโกเมซดูไม่มีเสน่ห์เหมือนตัวละครที่สร้างสรรค์ไว้ในซีรี่ส์และตัวละครที่ราอูล จูเลีย ผู้ล่วงลับ เคยแสดงไว้

หนังคงตั้งใจแนะนำให้คนดูรุ่นใหม่รู้จักกับครอบครัวนี้ เลยย้อนกลับไปตั้งต้นตั้งแต่วันแต่งงานของโกเมซกับมอร์ทิเชีย หนุ่มสาวสุดพิลึกสองคนที่รักกันอย่างดูดดื่ม แต่ก็เป็นหนุ่มสาวที่มีรสนิยมสุดพิสดาร มีความสุขอยู่ในสิ่งที่ทำให้คนทั่วไปไร้สุขหรือขยะแขยง

อย่างเช่น มอร์ทิเชียแต่งหน้าเตรียมเข้าสู่พิธีสมรสของตัวเอง โดยการเดินไปเปิดโกศที่ใส่เถ้าถ่าน (น่าจะเป็นของบรรพบุรุษ) และเอาอัฐิหรือเถ้ากระดูกมาทาเปลือกตาแทนอายแชโดว์

สิ่งที่ผู้คนทั่วไปหลีกเลี่ยง หลีกหนีอย่างขนลุกขนชัน คนในตระกูลนี้จะยินดีปรีดา

ตัวอย่างอีกอันก็คือ มอร์ทิเชียเปิดหน้าต่างคฤหาสน์รับอรุณในตอนเช้าที่มีฝนตกฟ้าคะนองฟ้าลั่นครืนๆ แทบถล่มทลายอย่างที่คนทั่วไปจะรู้สึกหวาดผวา แต่เธอกลับยิ้มอย่างสดชื่นพร้อมกล่าวว่า ช่างเป็นเช้าวันที่สวยงามเหลือเกิน

 

โกเมซกับมอร์ทิเชียถูกขับไล่จากบ้านเดิมของตัวเองโดยชาวบ้านที่รังเกียจเดียดฉันท์ความพิลึกพิสดารของคนในตระกูลนี้ และต้องขับรถไปชนชายคนหนึ่งซึ่งปรากฏว่าเป็นคนสติวิปลาสที่หนีมาจากโรงพยาบาลบ้าที่โดนคำสั่งอายัดไว้เนื่องด้วยเป็นสถานที่เกิดฆาตกรรมหลายศพ

ทั้งโกเมซและมอร์ทิเชียกลับลิงโลดใจที่ได้บังเอิญพบคฤหาสน์ในฝันแห่งนี้ที่นิวเจอร์ซีย์ และฝ่าเทปเหลืองที่ติดกั้นคนนอกเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสถานที่เกิดเหตุฆาตกรรมแห่งนั้น เพื่อครอบครองอาศัยเป็นเคหสถานของครอบครัว

พร้อมนำตัวคนบ้าคนนั้นไปทำงานเป็นพ่อบ้านคอยดูแลบ้านช่องให้ คนนั้นคือเลิร์ช ร่างสูงใหญ่และมีหน้าตาเหมือนผีดิบที่ถูกปลุกให้คืนชีพ

หน้าที่อย่างหนึ่งของเลิร์ชคือคอยดูแลเรื่องฝุ่นในบ้าน และคำสั่งให้ไป “ปัดฝุ่น” ซึ่งโดยปกติหมายถึงการทำให้ฝุ่นหายไปจากเครื่องเรือน สำหรับครอบครัวพิสดารนี้ การปัดฝุ่นหมายถึงการโปรยฝุ่นให้คลุ้งและจับเครื่องเรือนเหมือนในบ้านร้างผีสิงไม่มีผิด

นี่เป็นมุขขำขันเล็กๆ ที่แสดงความพิสดารไม่เหมือนใครของครอบครัวแอดดัมส์

 

โกเมซกับมอร์ทิเชียมีลูกสาวชื่อ เวนส์เดย์ (เสียงของโคลอี เกรซ มอเรตซ์) ซึ่งกำลังอยู่ในวัยต่อต้านพ่อแม่ ไม่ว่าพ่อแม่พูดอะไรก็ฟังผิดไปหมด และต้องการเลือกทางเดินของตัวเองโดยอิสระโดยไม่ยอมฟังคำทัดทานใดๆ

ส่วนลูกชายร้ายกาจอีกคนชื่อพักซ์ลีย์ (เสียงของฟินน์ วูลฟ์ฮาร์ด) เป็นเด็กที่ชอบเล่นกับระเบิดและวัตถุอันตราย

พักซ์ลีย์กำลังอยู่ในวัยย่างเข้าวัยรุ่น พ่อก็กำลังจะจัดงานฉลองการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ให้ โดยเชิญญาติที่ล้วนประหลาดพิสดารมาชุมนุม และให้พักซ์ลีย์แสดงการเต้นมาร์ซูกาซึ่งจะต้องใช้อาวุธร่ายรำ

ขณะที่พักซ์ลีย์วุ่นวายอยู่กับการทำวัตถุระเบิดสร้างความเสียหายไปทั่ว เวนส์เดย์ก็กำลังมีเพื่อนใหม่และพยายามหาอัตลักษณ์ตัวตนใหม่ อันทำให้พ่อแม่ตกตะลึงตาค้างกับการที่ลูกสาวเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปแต่งตัวด้วยสีชมพูหวานแหวว อันไม่อยู่ในรสนิยมของตระกูลนี้เลย

ท่ามกลางสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ครอบครัวแอดดัมส์ก็กำลังเผชิญหน้ากับการถูกชาวบ้านขับไล่อีกครั้ง โดยที่ครั้งนี้มีสาวอสังหาริมทรัพย์ที่จัดรายการทีวีเกี่ยวกับการปรับปรุงบ้าน ในนามมาร์โกซ์ นีดเลอร์ (แอลลิสัน แจนนีย์) เนื่องเพราะคฤหาสน์ที่ดูเหมือนคฤหาสน์ผีสิงของครอบครัวแอดดัมส์โดดเด่นอยู่ในฉากหลังของโครงการบ้านจัดสรรที่มาร์โกซ์กำลังโฆษณาขาย

นี่เป็นเรื่องของการเป็นปัจเจกชนที่ไม่เหมือนใครในโลกที่กำลังสร้างและกำหนดค่านิยมให้คนเดินตามกันไปเหมือนฝูงสัตว์ที่ถูกต้อน

ความแปลกและแตกต่างทำให้ถูกรังเกียจ ไม่ได้รับการยอมรับ และถูกขับออกไปนอกสังคม ขณะที่หนังชูประเด็นว่าคนที่แตกต่างไปจากเรานั้นไม่ใช่คนที่เลวร้าย และการอยู่ร่วมกันในสังคมที่มีความหลากหลายนั้นเป็นสิ่งที่สมควรยอมรับกัน

 

หนังยังใช้มุขที่เคยเวิร์กมาแล้วในตัวละครพิสดารต่างๆ เช่น ลุงเฟสเตอร์ ธิง (Thing) ที่เป็นแต่มือข้างเดียวที่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวคอยรับใช้เจ้านาย เหมือนจะเป็นหุ่นยนต์รับใช้ในยุคปัจจุบัน รวมทั้ง “อิท” ที่เป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ที่มีแต่ผมคลุมถึงพื้น

แต่ที่เวิร์กที่สุดคือเพลงประจำเรื่อง ซึ่งพอได้ยินทำนองคุ้นหูที่ตามมาด้วยเสียงดีดนิ้วหรือเสียงตบมือสองหน ก็เรียกรอยยิ้มของคนดูที่คุ้นเคยกับความเป็นไปของตระกูลแอดดัมส์มายาวนาน

โดยรวมแล้ว หนังก็ดูได้สนุกพอใช้ แม้จะยังขาดความคม หรือยังไม่โดนใจจังๆ แบบชวนอึ้งตะลึงตะไล

นักแสดงระดับดาราอีกสองคนที่ร่วมให้เสียงคือเบตต์ มิดเลอร์ กับมาร์ติน ชอร์ต นั้นเข้ามาเป็นของแกล้ม แต่ไม่มีบทบาทที่โดดเด่นชวนจดจำอะไร