หลังเลนส์ในดงลึก/ปริญญากร วรวรรณ/ ‘สัตว์เลี้ยงกับหัวใจ’

ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ
หมาไน - พวกมันคือนักล่าผู้ทำงานอย่างได้ผล เมื่อได้กลิ่นคนใกล้ๆ ในแววตาของมันแสดงความสงสัย หวาดระแวง ไม่วางใจ และพร้อมตื่นหนี

หลังเลนส์ในดงลึก/ปริญญากร วรวรรณ

‘สัตว์เลี้ยงกับหัวใจ’

ใกล้ถึงวันลอยกระทง ปี พ.ศ.2562

ผมนึกถึงหมาตัวหนึ่งที่จากไป ก่อนวันลอยกระทงเมื่อ 3 ปีที่แล้ว

มันเป็นหมาลาบาดอร์ตัวผู้ สีขาว ชื่อว่า “บึกบึน”

ภาพซึ่งผมนึกถึงมัน คือ นอนหมอบหน้าประตู เหลือบสายตามองคนที่เดินผ่านไป-มาด้วยแววตาเศร้าๆ

ทำเช่นนี้อยู่เป็นปีๆ ก่อนจะป่วยหนักและจากไป

ตั้งแต่ยังเป็นหมาเด็ก ถึงตอนค่ำ มันจะมานั่งหรือนอนรอตรงนี้

รอนายซึ่งเปรียบเสมือนเพื่อนรัก ที่จะเอาขนมมาให้หนึ่งชิ้น

และชวนกันไปนอน

ทุกวัน บึกบึนมานอนหมอบรอ

รอเพื่อนของมัน ซึ่งไม่มีวันกลับมาแล้ว…

 

ปลายเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2554

เป็นปีซึ่งผมร่วมงานกับโครงการศึกษานิเวศวิทยาของเสือโคร่ง อยู่ในสถานีวิจัยสัตว์ป่าเขานางรำ

และเป็นปีที่พ่อผมจากไป

เป็นช่วงอุทกภัยหนักหนา ที่คนในเมืองกำลังประสบ ยังไม่ผ่านพ้น

ในบางจังหวัด น้ำลดระดับลง กระทั่งเกือบเป็นปกติ แต่งานบูรณะซ่อมแซมยังต้องทำไปอีกนาน

คนในป่าได้รับคำสั่งจากในกรม ให้เดินทางเข้าเมืองหลวงเพื่อช่วยผู้ประสบภัย

หลังจากพวกเขาได้ต่อแพไม้ไผ่จำนวนมากส่งเข้าเมืองแล้ว

ผมร่วมอยู่กับทีม ตั้งกล้องดักถ่ายภาพเพื่อสำรวจประชากรเสือโคร่ง เราไปตั้งกล้องในป่าทุ่งใหญ่

คนในทุ่งใหญ่ใช้เวลาสองวันเดินทางฝ่าเส้นทางอันเปรียบเสมือนบ่อโคลนลึก หลายคนต้องเดินเท้ามาสมทบกับเพื่อนๆ ที่หน่วยพิทักษ์ป่า

กระนั้นก็เถอะ การเดินทางก็มีเสียงหัวเราะ ทุกคนเต็มใจ แม้ว่าการเข้าเมืองจะไม่ใช่ความคุ้นเคยเลยก็ตาม…

 

นานนับเดือน ภาพความทุกข์ยากของคนผู้ประสบภัย ปรากฏให้เห็น

มวลน้ำจำนวนมหาศาลไหลนองท่วมท้นไปทั่ว บ้านเรือนเรือกสวนไร่นา รวมทั้งโรงงานอุตสาหกรรม

ป่าต้นน้ำถูกทำลาย สภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลง พื้นที่ชุมน้ำอันเคยเป็นแหล่งรองรับน้ำ เปลี่ยนสภาพเป็นโรงงาน เป็นเมือง เส้นทางน้ำถูกขัดขวาง และอื่นๆ

เหล่านี้คือสาเหตุที่ทุกคนรู้

เมื่อเกิดเหตุ ความขัดแย้งระหว่างคนก็ปะทุ จนกระทั่งดูคล้ายเป็นสงครามระหว่างคน

“สงคราม” ที่มีน้ำเป็นฉาก

และมีอีกสิ่งหนึ่งที่เรารู้ ถึงที่สุดแล้ว สงครามนี้ คนคือฝ่ายที่พ่ายแพ้…

 

สิ่งที่ปรากฏชัดเจนอีกประการ นอกจากความเดือดร้อนทุกข์ยากที่คนประสบ นั่นคือสัตว์ต่างๆ ก็ประสบความทุกข์ยากเดือดร้อนไม่ต่างกัน

มีภาพผู้คนหอบหิ้วสัมภาระ อพยพหลบภัย พร้อมอุ้มหมาหรือแมวไว้แนบอก

มีภาพหมาจำนวนมากที่อยู่ในสภาพ “จรจัด” ต่างหลบไปอยู่ตามที่น้ำท่วมไม่ถึง

ภาพเหล่านี้เกิดขึ้นพร้อมๆ กับภาพการเข้าไปช่วยเหลือสัตว์เหล่านี้โดยคนกลุ่มหนึ่ง

พวกเขานำอาหาร รวมทั้งนำหมาเหล่านั้นไปอยู่ที่ปลอดภัย

ในห้วงเวลาปกติ เหล่าหมาข้างถนนพวกนี้ เข้มแข็งและแกร่ง พอรู้วิธีที่จะเอาชีวิตให้รอด

แต่ช่วงเวลาเช่นนี้ การได้รับความช่วยเหลือ ดูเหมือนคือสิ่งที่พวกมันต้องการ

ต่างจากสัตว์ป่า เหล่าสัตว์ป่าไม่ต้องการ “ไออุ่น” จากมือคน

สิ่งที่สัตว์ป่าต้องการคือ ความเข้าใจพวกมันอย่างแท้จริง

และการได้ดำเนินชีวิตไปตามวิถี

 

ขณะคนอพยพหลบภัย มีความไม่สะดวกสบายนานัปการ ทำให้มีหมาจำนวนไม่น้อยถูกนำไปฝากไว้ ณ ที่รับฝาก

หลายตัวเจ้าของแวะมาเยี่ยมดูแลสม่ำเสมอ

มีหลายตัวได้รับแจ้งว่า เจ้าของไม่มารับกลับแล้ว หากใครต้องการก็นำไปได้เลย

ว่าตามจริง ไม่เฉพาะคนเราเท่านั้นหรอกที่ดูเหมือน “วาสนา” จะแตกต่าง

เหล่าสัตว์เลี้ยงก็เป็นเช่นนั้น

สัตว์เลี้ยงหลายตัวได้รับความรัก ความเอาใจใส่สูงสุด ไม่เคยรู้จักความหิว ไม่ต้องต่อสู้ เจ็บป่วยแม้เพียงเล็กน้อยก็ถึงมือหมอ กลางคืนหลับสบาย อยู่ในห้องแอร์

มีหมา แมวอีกมาก ไม่โชคดีอย่างนี้ พวกมันต้องแก่งแย่ง เกิดมาก็ถูกนำไปทิ้ง ไปปล่อย กลางคืนแทบไม่มีที่ซุกหัวนอน ไร้ที่หลบฝน หนาวสั่น ในคืนเหน็บหนาว

หลายตัวตกเป็นสินค้าเพื่อแลกกับถังน้ำ หรือกะละมังพลาสติก

 

ความ “โชคดี” ประการหนึ่งของผม คือมีโอกาสได้สบตากับสัตว์ป่าบ่อยๆ

สิ่งที่เห็นในแววตาของสัตว์ป่า คือความเป็นตัวของตัวเอง ไม่วางใจ และพร้อมปกป้องตัวเอง หากผมเข้าไปใกล้เกินระยะที่มันอนุญาต

เหล่านี้หมดสิ้นไปแล้วจากแววตาของสัตว์เลี้ยง

สิ่งที่เหลือในแววตาสัตว์เลี้ยง คือความซื่อสัตย์ จงรักภักดี

ไม่ว่า “นาย” พวกมันเป็นใคร อยู่ในสถานภาพไหน

สัตว์เลี้ยงมีแววตาเช่นนี้ให้เสมอ

 

ในวันเวลาแห่งสายน้ำ วันที่น้ำท่วมท้นไปทุกแห่ง หมาหลายตัวทำหน้าที่อย่างแข็งขัน

พวกมันเฝ้าสิ่งของไว้อย่างที่ได้รับมอบหมาย

ทุกตัวรู้ดีว่า ไม่นานสายน้ำจะจากไป “นาย” พวกมันจะกลับมา

เช่นเดียวกับหมาที่อยู่ในสถานที่รับฝาก

พวกมันไม่เคยคิดหรอกว่า นายจะไม่มารับ

จะไม่ได้กลับบ้าน

 

ทุกๆ ค่ำ เจ้าบึกบึนนอนเฝ้าหน้าประตู เหลือบตามองคนเดินผ่าน

เฝ้ารอเพื่อนรักเอาขนมมาให้ และชวนไปนอน

ผมเดินไปหา ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ มือแตะตัวเจ้าบึกบึนเบาๆ

ผมเข้าใจมันดี

สัตว์ป่าสอนให้ผมเข้าใจ “สัตว์เลี้ยง”

ไม่ใช่ไม่รู้ว่า “นาย” หรือเพื่อนรัก มันจะไม่มีวันกลับมาหาอีกแล้ว

บึกบึนยังเฝ้ารอด้วยเหตุผลเดียว

เพราะ “หัวใจ” ของมันไม่เคยเปลี่ยนแปลง