จักรกฤษณ์ สิริริน : Minority ฐานที่มั่นสำคัญ Hollywood ยุคใหม่ จาก Hispanic ถึง African-American สู่ Feminine Cinema

ผมนั่งดูเว็บไซต์ https://countrymeters.info/en/United_States_of_America_(USA) รายงานสดจำนวนประชากรของสหรัฐ พบว่าสัดส่วนเพศหญิงในอเมริกานั้นมีปริมาณครึ่งต่อครึ่ง หรือกว่า 50%

นอกจากนี้ หากเรานำข้อมูลวิจัยของ Morgan Stanley ที่ระบุว่าประชากรวัยทำงานเพศหญิงในสหรัฐ อายุระหว่าง 25-45 ปี ในจำนวนนี้คือสาวโสดมากถึง 45% ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ในประวัติศาสตร์

นัยสำคัญที่ Morgan Stanley พยายามชี้ก็คือ ต่อไปนี้ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะเป็นกลุ่มผู้บริโภคหลักของอเมริกา

และสาวโสดก็มีแนวโน้มการใช้จ่ายมากกว่าคนที่มีคู่ครองแล้ว

Morgan Stanley ระบุว่าสินค้าประเภทเครื่องแต่งกายและรองเท้า โดยเฉพาะ Personal Care ที่มีเครื่องสำอางเป็นผลิตภัณฑ์หลัก เป็นสินค้าที่สาวโสดมีแนวโน้มควักกระเป๋าให้ง่ายที่สุด

รวมถึงรถยนต์พลังงานไฟฟ้าด้วย

 

นอกจากรายงานของ Morgan Stanley แล้ว Brookings Institution ยังสมทบข้อมูลมาด้วยว่า สัดส่วนของสาวโสดในตลาดแรงงานมีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดด

เหตุผลหลักก็คือ สาวๆ ที่มีการศึกษาดีเหล่านี้ไม่นิยมแต่งงาน หรือแต่งก็แต่งช้า และแต่งงานแล้วก็ไม่อยากมีลูก หรือมีก็มีน้อย คือมีแค่คนเดียว และกว่าจะมี อายุเฉลี่ยก็จะมากกว่าคุณแม่ยุคก่อน

นัยสำคัญจากงานวิจัยของ Brookings Institution ก็คือ สาวโสดเหล่านี้มีอายุระหว่าง 25-55 ซึ่งกำลังเป็นกลุ่มแรงงานสำคัญของอเมริกา ด้วยสัดส่วนที่มากถึง 80% เลยทีเดียว

นี่เองจึงเป็นที่มาของทิศทางอุตสาหกรรมหนังในสหรัฐอเมริกาหรือ Hollywood ที่หากสังเกตดีๆ เราจะพบตัวละครเพศหญิงก้าวขึ้นมามีบทบาทในภาพยนตร์จำนวนมาก ถึงขนาดเป็นตัวเอกที่แบกหนังไว้ทั้งเรื่อง

 

ตัวอย่างเด่นๆ ก็เช่นภาพยนตร์ชุด Star Wars: Sequel Trilogy ไล่มาตั้งแต่ The Force Awakens และ The Last Jedi ไปจนถึง The Rise of Skywalker ที่ได้เปิดโฉม “อัศวิน Jedi” เพศหญิง ในฐานะดารานำ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หนังชุด “ฅนเหล็ก 2029” ภาคใหม่ ที่เพิ่งเข้าฉายและลาโรงไปเมื่อไม่นานมานี้ก็ปรากฏ “ฅนเหล็กหญิง” เป็นตัวเด่นของท้องเรื่อง

นอกจาก “ฅนเหล็ก 2029” ภาคใหม่ หรือ Terminator: Dark Fate หนังปี 2019 ผลงานของผู้กำกับฯ Tim Miller จะใช้ “หุ่นยนต์หญิง” เป็นกลจักรสำคัญในการเดินเรื่องแล้ว ยังปรากฏตัวละครชาว Hispanic โดยขับเน้นให้เป็นผู้รับบทบาทสำคัญอีกด้วย

หากมองย้อนกลับไปจาก Terminator: Dark Fate เป็นเวลานับสิบปีมาแล้ว ที่ตัวละคร Hispanic ได้โลดแล่นในโลกเซลลูลอยด์ ซึ่งหากจะเอ่ยถึงหนัง Hispanic เรื่องดังแห่งยุค ก็คงต้องยกนิ้วให้กับ Roma ครับ

 

Roma หนังปี 2018 ผลงานของ Alfonso Cuaron ผู้กำกับฯ ชาวเม็กซิโก ที่สร้างหนัง Hollywood ให้คนอเมริกันและส่งออกไปยังลูกค้ากลุ่มใหญ่คือบรรดาประเทศนิยมวัฒนธรรมตะวันตก โดยเฉพาะความหลงใหลในการใช้ภาษาอังกฤษดู แต่กลับเดินเรื่องด้วยภาษาสเปนตั้งแต่ต้นจนจบ

พูดได้ว่าเรียกเสียงปรบมือจาก “คอหนังภาษาสเปน” ทั้งในสหรัฐและทั่วทุกมุมโลก

ปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นน้อยมาก หรืออาจไม่เคยมีขนบดังกล่าวเลยก็ว่าได้

โดยก่อนหน้าที่ Roma จะเข้าฉาย ก็มีภาพยนตร์เรื่อง Black Panther ที่ออกมาสร้างความฮือฮาเช่นกันในหมู่คนผิวสี

Black Panther หนังปี 2018 เช่นกัน ผลงานการกำกับฯ ของ Ryan Coogler ที่นอกจากจะขับเคลื่อนโดยคณะนักแสดงผิวสีแล้ว ทิศทางของหนังเสมือนการอุทิศให้แก่ทวีปแอฟริกาต้นกำเนิดของคนผิวสีอีกด้วย

แน่นอนว่า ทั้ง Star Wars: Sequel Trilogy ทั้ง Terminator: Dark Fate และ Black Panther หรือ Roma อาจไม่ใช่ตัวแทนที่เด็ดขาดที่สุด หากจะยกตัวอย่างหนังเกี่ยวกับคนผิวสีและคนพูดภาษาสเปน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพยนตร์ที่ขับเน้นความเป็นผู้หญิง ซึ่งมีเป็นพันเรื่อง

ซึ่งทั้งหมดนี้รวมเรียกว่าวัฒนธรรม Minority ครับ

 

ปัจจุบันมี Minority (African-American และ Hispanic) มากถึง 40% ของประชากรในสหรัฐ

ข้อมูลของ The Motion Picture Association of America (MPAA) หรือ “สมาคมภาพยนตร์อเมริกา” ระบุว่า Minority เป็นกลุ่มลูกค้าที่แสนดีของ Hollywood

พูดง่ายๆ ว่า เมื่อมีหนังใหม่เข้าฉาย ในจำนวนลูกค้า 100 คน จะมีชาว Hispanic ถึง 24 คน และชาว African-American จำนวน 16 คน ที่ซื้อตั๋ว

ขณะเดียวกัน The Department of African American Studies at UCLA(ศูนย์แอฟริกัน-อเมริกันศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตลอสแองเจลิส) นำโดย Ralph Bunche หัวหน้าทีมวิจัย ได้เปิดเผยผลการศึกษาเกี่ยวกับอิทธิพลของ Minority ในวงการภาพยนตร์ Hollywood ว่า Minority คือฐานที่มั่นสำคัญ Hollywood ยุคใหม่

Ralph กล่าวว่า “…เค้กชิ้นใหญ่ของ Hollywood ในปัจจุบันคือ Minority ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อชัดเจนของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ จากการวิจัยพบว่าทุกสุดสัปดาห์ ตั๋วหนัง 5 ใน 10 เรื่อง บนตาราง Box Office มักอยู่ในมือลูกค้ากลุ่ม Minority เสมอ..”

Darnell Hunt ซึ่งดำรงตำแหน่ง The Department of African American Studies at UCLA Director บอกว่า ความหลากหลายใน Hollywood คือภาพแสดงแทนทางวัฒนธรรมอเมริกันร่วมสมัยอย่างมีนัยสำคัญ

Darnell ชี้ว่า จากการศึกษาอิทธิพลของวัฒนธรรม Minority ใน Hollywood ทำให้เราเห็นพัฒนาการซึ่งเป็นไปในทิศทางที่ดี

“…ความหลากหลายทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะความสำคัญของ Minority มิใช่เป็นเพียงเรื่องของความเท่าเทียม แต่มันหมายถึงอิทธิพลที่กำลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะการแสดงถึงการรวมพลังของกลุ่ม Minority..”

Ralph Bunche สำทับว่า ความสำเร็จของ Moonlight และ Hidden Figures รวมถึง Fences ที่ได้ทั้งเงินและได้ทั้งกล่องเป็นประจักษ์พยานสำคัญ

“..กว่า 30% ของหนัง Hollywood ที่มี Minority ปรากฏในท้องเรื่อง ทำรายได้ดีใน Box Office เมื่อเทียบกับภาพยนตร์ที่มีนักแสดงเชื้อชาติหรือสีผิวเดียวกันทั้งหมด..”

อย่างไรก็ดี Darnell Hunt สรุปว่า แม้อิทธิพลของวัฒนธรรม Minority เริ่มสั่นสะเทือน Hollywood ทว่าอุตสาหกรรมภาพยนตร์กระแสหลักยังไม่ได้ให้การยอมรับพวกเขาเท่าที่ควร

“…ถ้าไม่นับผลการวิจัยของเรา เห็นได้ชัดว่า ทุกวันนี้ Hollywood ยังคงถูกครอบงำโดยกลุ่มชายผิวขาวอยู่ดี อย่างไรก็ตาม พวกเราหวังว่าผลการศึกษาดังกล่าวอาจมีส่วนเล็กๆ น้อยๆ ในการช่วยเหลือชาว Minority ในวงการ Hollywood ได้ต่อไปในอนาคต..”

 

ท้ายที่สุดนี้ แฟน “มติชนสุดสัปดาห์” ที่มีโอกาสได้ชม Terminator: Dark Fate คงรู้สึกคล้ายกับผมว่า นี่คือการส่งมอบภารกิจ “ฅนเหล็ก” ภาคต่อไปให้กับ “ดานิเอลลา รอมอส” หรือ “ดานี่” สาว Hispanic ที่เป็นตัวแทนของชาว Minority อย่างสมบูรณ์แบบ

แม้กระทั่งผู้ช่วยของ “ดานี่” คือ “เกรซ” ไซบอร์กสาว ซึ่งเป็น “ฅนเหล็กผิวขาว” ตัวละครสำคัญ ยังถูกสั่งให้ Dead

นับประสาอะไรกับความตายของ “อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์” (ฅนเหล็กผิวขาว) และความชราของ “ซาราห์ คอนเนอร์” (คุณป้าผิวขาว)

นี่คือสัญญาณการปิดฉากตำนาน “ฅนเหล็ก 2029” ที่มีตัวละครผิวขาวเป็นตัวเดินเรื่องสำคัญนั่นเองครับ