เผยแพร่ |
---|
ไม่ว่าประเด็นในทาง “การเมือง” ไม่ว่าในประเด็นในทาง”วัฒนธรรม” ล้วนสัมพันธ์กับ “พื้นที่”
ขอให้ศึกษาจากเรื่อง “ปรองดอง”
พอเอาเรื่องของ “พื้นที่” เข้าไปจับก็จะตอบได้ว่า ใครอยู่ในฐา นะเป็น “เจ้าของ”
ไม่ใช่ “พรรคการเมือง” อย่างแน่นอน
มองผ่านพื้นที่ของ “คำสั่ง” มองผ่านพื้นที่อันปรากฏภายในแต่ละรายชื่อของ “คณะกรรมการ”
ไม่ใช่ “พรรคการเมือง” อย่างแน่นอน
อย่าได้แปลกใจที่จะคลาคล่ำไปด้วยบุคคลใน”เครื่องแบบ”โดยเฉพาะ “ทหาร”
ขณะเดียวกัน หากเป็น”นักวิชาการ”ก็คุ้นๆ
คุ้นตั้งแต่ชื่อ ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ ไปยังชื่อ ดร.บรรเจิด สิงคะเนติ
”การเมือง”เป็นเช่นนี้ “วัฒนธรรม”ก็เป็นเช่นนี้
ขอให้ดูจุดต่างระหว่างบรรยากาศแห่ง”วันมาฆบูชา” กับบรรยากาศแห่ง “วันวาเลนไทน์”
ที่มีส่วนกำหนดมิได้เป็นเรื่องทาง “ความคิด”
ตรงกันข้าม ยังเป็นเรื่องในทาง “เศรษฐกิจ” และเป็นเรื่องใน ทาง “วัฒนธรรม”
”วัฒนธรรม” อันสัมพันธ์กับ “พื้นที่”
ทุกครั้งที่เดือนกุมภาพันธ์เดินทางมาเยือน การแย่งชิง”พื้นที่” ระหว่าง “วันมาฆบูชา” กับ “วันวาเลนไทน์” ก็ปะทุขึ้น
ทวีความดุเดือด แหลมคม เป็นลำดับ
น่าสนใจก็ตรงที่ “วันมาฆบูชา” ถูกจำกัดพื้นที่ให้อยู่แต่เพียงภายใน “วัด”
ไม่ว่า”พิธีกรรม” โดยเฉพาะ”การเวียนเทียน”
ตรงกันข้าม “วันวาเลนไทน์” สามารถออกมาจาก “โบสถ์”และเข้าไปแย่งยึด “พื้นที่” ได้อย่างกว้างขวาง
”พื้นที่” ต่างหากที่เป็น “ตัวกำหนด”
ความคึกคักของ “วันวาเลนไทน์” ไม่เพียงแต่สามารถแปรเป็นงาน ในลักษณะของ “อีเวนท์” ได้อย่างคึกคัก
หากทำได้ทั้งแม้กระทั่งใน”สถานบันเทิง”
เกือบทุกปี บรรยากาศ “วันวาเลนไทน์” คือจุดขาย 1 ของโรง แรมและสถานบันเทิง
แม้กระทั่งใน “อุทยานแห่งชาติ”ก็จัดได้
ยิ่งกว่านั้น “วันวาเลนไทน์” ได้รุกเข้าไปยึดครอง “พื้นที่”ในสื่อ ไม่ว่าจะเป็น”สื่อกระดาษ” ไม่ว่าจะเป็น”สื่อกระจก”
การส่ง “การ์ด” ถึงกัน การอาศัย”ดอกกุหลาบ”เป็นเสมือนสื่อกลาง “พื้นที่” ทางสังคมจึงตกอยู่กับ”วันวาเลนไทน์”
ระยะ 2-3 ทศวรรษหลังจึงเป็นการยึดครองของ”วันวาเลนไทน์” ที่เหนือกว่า “วันมาฆบูชา”
หากประเมินจาก “พื้นที่” ที่แย่งชิงมา