ฟ้า พูลวรลักษณ์ | เผด็จการจะยิ่งใหญ่ปานใด ที่จริงก็ล้วนแพ้กาลเวลา

ฟ้า พูลวรลักษณ์

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก เล่มใหม่ (๕๑)

มีวันหนึ่ง ฉันมาเดินใน Dark Hedges

Dark Hedges คือทางเดินสายหนึ่ง มันคือถนนสั้นๆ ที่สองข้างทางมีต้นไม้อายุสองร้อยกว่าปี ปกคลุมเป็นแนว

ในปี 1775 มีใครคนหนึ่งปลูกต้นบีชจำนวน ๑๕๐ ต้นสองข้างทางสายนี้ ปัจจุบัน มันเหลือเพียง ๙๐ ต้น แต่กระนั้น ความสูงใหญ่ และความสง่างามของมัน ทำให้สถานที่แห่งนี้ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ เกิดความหมาย

ขณะที่ฉันเดินเล่นบนถนนสายนี้ ฉันเกิดไอเดียอันหนึ่ง คือฉันยังมีสิทธิในมรดกครอบครัวของฉัน ซึ่งวันนี้ยังเป็นที่ดิน ติดชื่อกับน้องชายของฉัน คิดเป็นเงิน น่าจะไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยล้านบาท

หากวันใดที่ฉันได้เงินจำนวนนี้ ฉันจะยกมันทั้งหมด ลงไปในมูลนิธิปลูกต้นไม้ ซึ่งฉันจะก่อตั้งขึ้นเพื่อปลูกต้นไม้ตามที่สาธารณะ

เช่น ฉันจะไปติดต่อกับรัฐ ขอใช้ถนนสายต่างๆ และเลือกหาทำเลที่เหมาะสม เลือกถนนที่คาดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง หรือเปลี่ยนแปลงแต่น้อย และเลือกปลูกต้นไม้ใหญ่ ที่สามารถมีอายุยืนยาว เช่น ต้นยางนา ต้นตะเคียน ต้นสัก ต้นพะยูง ต้นแดง ต้นมะค่าโมง ฯลฯ

มูลนิธินี้มีหน้าที่เดียว คือปลูกต้นไม้และช่วยดูแลพวกมันในวันที่ยังอ่อนเยาว์

การปลูกนอกจากตามถนนหนทาง ยังหมายถึงสถานที่ใดก็ได้ ที่เป็นที่สาธารณะ เช่นในวัด วัดในเมืองไทยมีมากมาย พวกเขาคงยินดี หากมีคนจะมาปลูกต้นไม้ให้

ฉันคิดว่าต้นไม้เหล่านี้ หากมีอายุเกินห้าสิบปีขึ้นไปแล้ว ประชากรจะช่วยดูแลกันเอง ไม่ใช่หน้าที่ของมูลนิธิอีกต่อไปแล้ว บัดนี้มันกลายเป็นสมบัติของชาติ

ต้นไม้เหล่านั้น ยิ่งหากมีอายุเกินหนึ่งร้อยปี ยิ่งมีคุณค่า

ยิ่งแก่ยิ่งมีค่า

และต้นไม้นั้น ที่จริงมีอายุได้ยืนยาวหลายร้อยปี บางชนิดอาจยืนยาวถึงพันปี นี้เป็นความมหัศจรรย์ของต้นไม้

มูลนิธิของฉัน ที่จริงแล้ว สมมติมีเงินหนึ่งร้อยล้าน ก็ถือว่าไม่มากอะไร จึงไม่อยากมีหลายจุดประสงค์ และในวันนี้ ฉันคิดว่าชีวิตต้นไม้ยืนต้นที่สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน กลับมีคุณค่ากว่า การไปทำอย่างอื่น ฉันจึงตัดประเด็นอื่นออกไปหมด เช่น การไปสร้างโรงเรียน การไปสร้างห้องสมุด หรือการให้ทุนการศึกษาเด็กยากจน หรือการไปสร้างโรงพยาบาล สิ่งเหล่านั้น ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนอื่น

ฉันจะสนใจแต่ต้นไม้ เพราะฉันรัก

และประโยชน์ของมันก็จะไปสู่มนุษย์โดยรวม เพียงแต่ต้องรอเวลาให้มันเติบใหญ่

วันที่มันอายุหลายร้อยปี คือวันแห่งความสำเร็จของมูลนิธิ

กาลเวลาเป็นสิ่งแปลก และลี้ลับ แต่เราก็หลีกเลี่ยงที่จะเผชิญกับมันไม่ได้ มันอยู่รอบตัวเรา ห่อหุ้มเราไว้จนมิด

ทั้งที่เราก็ไม่รู้หรอกว่า กาลเวลาคืออะไร

แต่เราก็ขาดกาลเวลาไม่ได้ มันเหมือนน้ำที่เราดื่ม อากาศที่เราหายใจ

ประวัติศาสตร์มนุษยชาติเรา เพิ่งมีประมาณหนึ่งหมื่นปีเท่านั้นเอง และเผ่าพันธุ์ของเรา ก็เริ่มมีบทบาทเมื่อประมาณแสนปีเท่านั้นเอง

แต่ทว่าดวงอาทิตย์ของเรานี้ หมุนรอบดาราจักรหนึ่งรอบ ใช้เวลา ๒๒๕ ล้านปี คิดแล้วน่าใจหาย เท่ากับมนุษยชาติ ทั้งหมดทั้งปวง ก็ยังเป็นแค่ขีดเสี้ยวนิดเดียว ของหนึ่งรอบวงโคจรของดวงอาทิตย์เท่านั้นเอง ในการหมุนรอบดาราจักร

หนึ่งรอบของการหมุนนี้ ช่างยาวนานอะไรเช่นนั้น

การเมืองในเมืองไทยของเรา ก็เหมือนการเมืองส่วนใหญ่ในโลก กล่าวคือ ไม่ปิดและก็ไม่เปิด ที่พูดเช่นนี้ เพราะมันไม่เป็นประชาธิปไตย แต่ก็ยังไม่ใช่เผด็จการจริงๆ คือประตูบานนี้ไม่กล้าเปิด และก็ไม่กล้าปิด มันจะอยู่ในอาการแบบนี้ ไม่รู้อีกนานเท่าใด

มันไม่กล้าเปิด เพราะความกลัว

และมันไม่กล้าปิด ก็เพราะความกลัวอีกเช่นกัน

ความกลัวปกคลุมประเทศไทย เมืองในหมอก

ท่ามกลางความเหนียว ความหนืดนี่เอง ที่ต้นไม้จะเจริญเติบโต

เผด็จการจะยิ่งใหญ่ปานใด ที่จริงก็ล้วนแพ้กาลเวลา พวกเขาจะมีอายุยืนยาวได้กี่ปีกัน

มนุษย์มีอายุได้ไม่เกินร้อยปี

แต่ต้นไม้สามารถมีอายุได้ถึงพันปี หากเราหาที่ให้มันอยู่ได้ และหากมนุษย์ช่วยกันดูแล มันก็เติบใหญ่ แข็งแรง

มองดูลำต้นที่สง่างาม และรากใบที่งดงาม นี้คืองานศิลปะชิ้นเอกของโลก ที่สร้างโดยธรรมชาติ มนุษย์เพียงแค่ช่วยกันนิดหน่อย และอย่าไปทำลายมัน

ในความเหนียวหนืดทางการเมือง กว่าจะรู้สึกตัวอีกที ต้นไม้เหล่านั้นก็เติบโตเป็นแนวยาว สองข้างทางถนนสายยาวเหยียด บางถนนมีหลายพันต้น และบางถนน มีมากนับแสนต้น

นี้คือความมุ่งหวังของฉัน

ถนนสายที่เชื่อมอดีตกับอนาคต คือถนนที่มีต้นไม้ใหญ่ อายุยืนยาวหลายร้อยปี

มนุษย์ แม้จะตัวเล็ก แต่ก็ซับซ้อน

และสิ่งนี้เอง ที่ทำให้เราเสมอเหมือนกับทุกสิ่งในจักรวาล

กล่าวคือ ดาราจักร ดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ สิ่งเหล่านี้ล้วนมีขนาดใหญ่มหึมา มีมวลมาก แต่พวกมันล้วนเป็นสิ่งที่เรียบง่าย มันทรงพลังด้วยมวลของมัน แต่เทียบไป พวกมันล้วนเรียบง่ายกว่าแบคทีเรีย

แต่เทียบไป พวกมันล้วนเรียบง่ายกว่ามนุษย์