ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 1 - 7 พฤศจิกายน 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | หลังเลนส์ในดงลึก |
ผู้เขียน | ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ |
เผยแพร่ |
หลังเลนส์ในดงลึก/ปริญญากร วรวรรณ
‘ขั้นตอนสุดท้าย’
..ตลอดระยะเวลาที่ทำงานมา
มีสิ่งหนึ่งที่ผมรู้และเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่าทำงานถ่ายภาพสัตว์ป่า สำหรับผมการกดชัตเตอร์คือขั้นตอนสุดท้ายของการทำงาน ซึ่งไม่ได้รวมกระบวนการทำงานกับรูปซึ่งจำเป็นและเป็นอีกขั้นตอน
ก่อนถึงขั้นตอนสุดท้ายมีงานมากมายที่ต้องทำ
เข้าไปอยู่ในบ้านของสัตว์ป่า เดินทางบนเส้นทางทุรกันดาร รวมถึงปรับตัวให้เข้าได้กับคน
การหาตัวสัตว์ป่าให้พบคือสิ่งสำคัญสูงสุด
แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือพยายามลดความเป็นสิ่งแปลกปลอมและการไม่ยินดีต้อนรับจากเจ้าของบ้าน
พูดง่ายๆ ว่ารบกวนสัตว์ป่าให้น้อยที่สุด
เรียนรู้ ทำความเข้าใจ เคารพ เชื่อฟังในที่สัตว์ป่าสอนตักเตือน พวกมันจะอนุญาตให้พบ
และจะได้ทำในขั้นตอนสุดท้าย
คือการกดชัตเตอร์
ในป่าด้านตะวันตกปลายเดือนตุลาคม
บนเส้นทางจากหน่วยพิทักษ์ป่าสู่สำนักงานเขตระยะทาง 30 กิโลเมตร
15.30 นาฬิกา
ผมปรับตำแหน่งเกียร์สโลว์เบามาอยู่ในตำแหน่งสโลว์หนักและใส่เกียร์หลักเป็นเกียร์สอง
เนินข้างหน้าไม่เป็นเพียงร่องลึก แต่อยู่ในสภาพที่ดินข้างบนเริ่มแข็งและในร่องยังเป็นโคลนเละๆ
หลังทิ้งช่วงไปพักใหญ่ ฝนตกลงมาตลอดสัปดาห์ เพิ่งหยุดไปเมื่อ 3 วันก่อน
ผู้ที่ใช้เส้นทางนี้มายาวนาน ยอมรับว่านี่เป็นช่วงที่เส้นทางยากสุดของปี
ไม่ใช่ตอนฝนหนักๆ ทาง เละมากๆ หรอก
แต่เป็นช่วงที่เรียกว่ากำลังหนืดนี่แหละ
ผมเร่งเครื่องขึ้นเนินรับรู้ถึงความหนืดและเสียงครูดใต้ท้องรถ
ประสบการณ์สอนให้รู้ว่าเมื่อพบกับสภาพทางอย่างนี้ เร่งเครื่องอย่างเดียวไม่ได้ต้องมีผ่อนและเร่งให้ถูกจังหวะ
อีกราว 20 เมตรจะพ้นเนิน แม้จะเร่งเครื่องสุดแต่รถไม่ขยับ ผมใส่เกียร์ถอยหลัง หวังให้รถขยับ และจะพุ่งขึ้นไปใหม่
ถอยมาได้ไม่ถึงครึ่งเมตร สภาพแบบนี้ผมรู้แล้วว่าล้อแขวนลอย ส่วนเพลาจมในโคลน
ผมปีนออกทางหน้าต่าง ร่องลึกเกินกว่าจะเปิดประตูได้ เหยียบบนพื้นที่จมถึงข้อเท้า
ก้มดูใต้ท้องรถเป็นอย่างที่คาด
รถติดหล่มลักษณะนี้ไม่ใช่ปัญหาเลย ถ้าวินซ์หรือรอกหน้ารถใช้งานได้และมีเพื่อนร่วมทางสัก 5-6 คน
แต่ผมกำลังพบกับปัญหาที่วินซ์เสียใช้งานไม่ได้กว่าเดือนแล้ว
และอยู่ลำพัง
“ให้ผมไปส่งที่เขตเถอะ มีอะไรจะได้ช่วยกัน” อดิเทพคู่หูพูดขณะช่วยจัดสัมภาระบนกระบะให้เข้าที่ เขาใช้เชือกมัดแน่นหนา
จอบ เสียม เลื่อย เขาวางบนๆ เพื่อหยิบใช้ง่าย
“ถึงเขตแล้วรุ่งขึ้นผมเดินกลับ”
“อย่าเลยครับ” ผมปฏิเสธความหวังดี การที่เขาต้องเดินกลับในระยะทาง 30 กิโลเมตร เพียงเพราะไปส่งผมคงไม่ใช่เรื่อง
“เกิดมีไม้ล้มหรือรถติดจะได้ช่วยกันขุด” เขาห่วง
“ไม่เป็นไร” ผมยังยืนยัน
เราเพิ่งกลับจากจุดที่ไปเฝ้ารอสัตว์ป่า ผมกดชัตเตอร์ไปมาก ทั้งกระทิงและกวางต่างออกมาให้พบ
ที่นั่นห่างจากหน่วยพิทักษ์ป่าในระยะการเดินหกชั่วโมง เดินผ่านทุ่งหญ้าสูงท่วมหัว ผ่านป่าดิบเขาลัดเลาะไปตามสันเขาซึ่งขึ้นและลงชันๆ
ระยะทางและความรกทึบไม่ใช่อุปสรรค
แต่เมื่อต้องแยกอุปกรณ์สัมภาระหนักรวมทั้งเสบียงทำให้เดินได้ช้า
อดิเทพพาหลีกเลี่ยงด่านใหญ่เดินง่ายเลือกใช้ด่านเล็กๆ รกๆ ที่สัตว์ป่าไม่ค่อยใช้เดินยาก
“กลิ่นคนจะติดอยู่ตามด่านสัตว์มันรู้” เขาให้เหตุผล
เราหยุดพักบ่อยๆ หลังหยุดพักยกเป้ขึ้นบ่า ผมนึกถึงประโยคหนึ่งที่มักนึกถึงเสมอ
“แล้วมันจะผ่านไป”
อีกไม่นานเราจะถึงแคมป์ข้างลำห้วยที่ชุดลาดตระเวนใช้ประจำได้ถอดรองเท้าเปียกชื้นสำรวจหาทากและเห็บตามตัวอาบน้ำเย็นๆ กินข้าวนั่งผิงไฟอุ่นๆ
ช่วงเวลานั้นรออยู่ เพียงแต่ผมต้องผ่านเวลานี้ไปให้ได้ก่อนเท่านั้น ..
รถจมโคลนลักษณะนี้ต้อง “กระดี่” คืองัดให้ล้อลอยหาไม้หรือหินมารองใต้ล้อเพื่อให้ส่วนจมโคลนลอยพ้นขึ้นมา
วิธีการนี้ทำไม่ได้เพียงลำพัง
เหลืออีกวิธีคือขุดดินใต้ท้องรถ ผมหยิบเสียมจากหลังรถเริ่มแก้ไขปัญหา ทำไปได้สักพักเริ่มหิว อดิเทพจัดข้าวใส่กล่องมาให้ในกล่องมีข้าวกับไข่ต้มหนึ่งฟอง น้ำพริกปลาป่นอีกหยิบมือ
“ข้าวไม่ต้องห่อหรอก เดี๋ยวกำล่ะ” ผมบอกเขา “กำล่ะ” หมายถึง จะเป็นลาง รถเสียรถติดเดินทางไม่สะดวก
“ไม่กำล่ะ หรอกเอาไปดีกว่า” เขารู้ว่าผมพูดเล่น
ที่จริงเวลาอยู่ในป่า ขณะผมแบ่งข้าวและกับข้าวใส่ใบไม้วางโคนต้นไม้ใหญ่ เชิญเจ้าป่าเจ้าเขามาร่วมกินอาหาร อดิเทพมองเฉยๆ
เขาเปลี่ยนจากการนับถือผีมานับถือ “พระเจ้า” นานแล้ว
“นับถือพระเจ้าองค์เดียวพอไม่วุ่นวาย ผีมีเยอะแยะ” เขาบอกผมอย่างนี้
หลายครั้งเขาทำให้ผมรู้สึกคล้ายกับว่า
ผม “ถอยห่าง” จากเมืองมาไกลพอสมควร ..
ผมใช้เวลาไม่น้อยกับการขุดดินใต้ท้องรถสลับการขึ้นไปลองขยับรถ
ร่วมหกโมงเย็นผมผ่านเนินนั้นมาได้ท้องฟ้ามืดแล้ว
พ้นจากเนินผมจอดข้างห้วยเพื่อล้างโคลนออกจากตัวบ้าง
จากที่นี่เส้นทางมีแอ่งลึกๆ บ้าง แต่ผ่านได้ไม่ยาก
อีกไม่ถึงชั่วโมงผมจะถึงเขต
ที่บ้านบุญชัยผมจะได้กินข้าวร้อนๆ กับข้าวอร่อยๆ บุญชัยจะขยั้นขยอให้ผมจิบยาดอง โดยบอกสรรพคุณว่าแก้เมื่อย
เรื่องรถติดจะกลายเป็นเรื่องเล่าขำๆ
รายล้อมด้วยป่าทึบ แสงไฟหน้ารถสาดส่อง เครื่องยนต์ส่งเสียง ผมบังคับรถไปตามทางคดเคี้ยว
“แล้วมันจะผ่านไป”
ความทุกข์ ความสุข อุปสรรค ปัญหาอยู่ไม่นาน
กวางตัวผู้สลัดเขาใหญ่ของมันทิ้งเมื่อถึงเวลานกยูงตัวผู้เช่นกันมันสลัดหางยาวๆ ทิ้งอย่างไม่ใยดีเมื่อหมดช่วงเวลาแห่งความรัก กระทิงตัวผู้ก็ไม่ได้มีขนดำเงางามตลอดปี
กวาง, นกยูง พวกมันรู้ดีว่าเขาใหญ่ๆ หางยาวๆ สวยงามนั่นแท้จริงคือ อุปสรรคในการดำรงชีวิตด้วยซ้ำ
ไร้เขาใหญ่โต หางยาวสลวย คือช่วงเวลาแห่งความเบาสบาย
เขาใหญ่โต หางสวยงามไม่ใช่สิ่งควรอาลัย
สัษหรับผมกดชัตเตอร์เป็น “ขั้นตอนสุดท้าย” ของการทำงาน
มีเรื่องราวมากมายที่ต้องทำ ก่อนหน้าที่จะกดชัตเตอร์
และเรื่องราวก่อนหน้านี่แหละที่ผมมักทำพลาดเสมอๆ