กลางสัปดาห์ก่อนเกิดโศกนาฏกรรมสุดช็อกที่สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลกขึ้นอีกครั้ง

เมื่อมีการพบศพผู้เสียชีวิต 39 ราย ตายอย่างน่าอนาถอยู่ในรถบรรทุกคอนเทนเนอร์ห้องเย็นคันหนึ่งที่ถูกจอดทิ้งอยู่ในเขตอุตสาหกรรมวอเตอร์เกลด ในมณฑลเอสเซกซ์ ทางตะวันออกของประเทศอังกฤษ

เบื้องแรกตำรวจอังกฤษที่รุดไปยังที่เกิดเหตุตั้งข้อสันนิษฐานจากรูปพรรณสัณฐานว่าศพผู้เสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งเป็นชาย 38 ราย เป็นหญิง 1 ราย น่าจะเป็นชาวจีน

แต่ในภายหลัง เวียดโฮม องค์กรชุมชนชาวเวียดนามในประเทศอังกฤษออกมาให้เบาะแสว่า ศพผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ที่พบอาจจะเป็นชาวเวียดนาม เนื่องจากได้รับการติดต่อจากครอบครัวชาวเวียดนามหลายครอบครัวให้ข้อมูลว่าลูกหลานในครอบครัวของตนเองที่กำลังมุ่งหน้าไปแสวงหาชีวิตใหม่ในชาติยุโรปได้ขาดการติดต่อไป

โดยเชื่อว่าพวกเขาอาจเป็นหนึ่งในเหยื่อผู้เสียชีวิตที่อยู่ในรถบรรทุกคันนั้น

 

เบื้องต้นตำรวจอังกฤษได้ทำการจับกุมตัวมอริซ โรบินสัน หนุ่มจากไอร์แลนด์เหนือ วัย 25 ปี คนขับรถบรรทุกคันเกิดเหตุ ซึ่งถูกตั้งข้อหาดำเนินคดีรวมทั้งสิ้น 39 กระทง ในข้อหาฆ่าคนโดยประมาท สมรู้ร่วมคิดในการนำคนเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายและฟอกเงิน

ส่วนศพผู้เสียชีวิตทั้ง 39 ศพ ถูกนำร่างไปเก็บไว้เพื่อทำการชันสูตรหาสาเหตุการตายที่แท้จริงและทำการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลว่าเป็นใคร สัญชาติใด เพื่อนำส่งคืนญาติผู้เสียชีวิตต่อไป

โดยกระบวนการเหล่านี้ที่ทางตำรวจบอกว่าจะเป็นกระบวนการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำรวจเมืองเอสเซกซ์เลยทีเดียว ซึ่งต้องใช้เวลาอยู่พอสมควรกว่าจะทราบผล

คดีสุดช็อกนี้เป็นเครื่องตีแผ่อีกครั้งให้เห็นถึงปัญหาการค้ามนุษย์ อันส่งผลเลวร้ายที่นำผู้คนที่มีความใฝ่ฝันหรือต้องการหลุดพ้นจากความยากจนข้นแค้นในประเทศของตน ไปแสวงหาชีวิตใหม่ที่คิดว่าจะดีกว่าในประเทศอื่น

แต่สุดท้ายต้องกลายเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์และนำชีวิตของตนเองไปทิ้งลงกลางทางก่อนจะถึงฝั่งฝัน เหมือนกับเหยื่อ 39 ราย ที่ต้องจบชีวิตลงอย่างไม่คาดคิดในรถบรรทุกคอนเทนเนอร์คันนั้น

ในคดีนี้ข้อมูลหลายทางที่ได้จากครอบครัวเหยื่อ องค์กรเครือข่ายชาวเวียดนามและผู้เชี่ยวชาญ ตีแผ่ให้เห็นเส้นทาง วิธีการ และจำนวนเงินที่เหยื่อผู้อพยพต้องจ่าย เพื่อเป็นค่าใบเบิกทางให้แก๊งค้ามนุษย์ช่วยให้พวกเขาเหล่านี้ได้เดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางของตนเองในชาติยุโรปอย่างอังกฤษได้

โดยพบว่าแก๊งค้ามนุษย์จัดทำเป็นแพ็กเกจให้เหยื่อเลือก ที่มีเป็นระดับ “วีไอพี” (VIP) ซึ่งมีราคาสูงเป็นหลักหมื่น และสูงได้ถึง 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.5 ล้านบาท ที่จะทำให้ได้รับบริการที่ดีกว่า รวดเร็วกว่า สะดวกสบายกว่า และปลอดภัยกว่า เมื่อเทียบกับแพ็กเกจแบบ “หญ้า” (grass) ซึ่งเป็นคำสแลงในหมู่ชาวเวียดนามที่มีความหมายว่า “ถูกมาก”

แน่นอนว่าผู้ที่เลือกซื้อแพ็กเกจนี้จะได้รับบริการที่ด้อยกว่าแบบแพ็กเกจแรกในทุกด้าน 

 

จุง ฟาม จากกลุ่มโลเคท อินเตอร์เนชั่นแนล องค์กรที่ช่วยติดตามค้นหาผู้อพยพชาวเวียดนามที่สูญหายในอังกฤษ เปิดเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า ในแพ็กเกจวีไอพี แก๊งลักลอบพาคนเข้าเมืองจะจัดหาเอกสารการเดินทางซึ่งก็คือหนังสือเดินทางปลอม ตั๋วเครื่องบินเข้ายุโรป ส่วนใหญ่จะไปลงที่ฝรั่งเศส เยอรมนี หรือสเปนให้ ซึ่งจะมีเครือข่ายรอรับอยู่ ก่อนจะพาเดินทางเข้าอังกฤษ โดยยังมีบริการถึงขั้นจัดหาทนายและล่ามให้ หากเหยื่อที่เป็นลูกค้าถูกเจ้าหน้าที่ทางการจับกุมตัวได้

จุง ฟาม ชี้ว่า นี่แสดงให้เห็นว่าขบวนการลักลอบพาคนเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย มีการบริหารจัดการและทำกันอย่างเป็นระบบ เป็นเครือข่าย

ส่วนแพ็กเกจแบบราคาถูกกว่า ที่อยู่ในระดับหลักหลายพันดอลลาร์ เหยื่อส่วนใหญ่จะต้องใช้เส้นทางการเดินทางทางบกที่ต้องทรหดอดทน โดยมักจะเดินทางออกจากเวียดนามขึ้นทางเหนือเข้าประเทศจีน ต่อไปยังรัสเซีย ที่เป็นการเดินทางทั้งทางรถและเดินเท้าข้ามป่า ข้ามภูเขาหลายลูก และเป็นการเดินทางในช่วงเวลากลางคืนเท่านั้น ก่อนเข้าไปยังประเทศใกล้เคียงที่เป็นจุดพัก

จากนั้นจึงจะเดินทางต่อเข้าไปยังอังกฤษ ที่เป็นจุดหมายปลายทางสุดท้าย

 

เหวียน ดินห์ แซ แม่ของเหวียน ดินห์ เลือง เด็กหนุ่ม วัย 20 ปี ที่เชื่อว่าลูกชายของตนเองเป็นหนึ่งในเหยื่อ 39 ศพที่พบในรถบรรทุกคันเกิดเหตุ เผยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ลูกชายบอกกับเธอว่า ถ้าเขาเลือกแพ็กเกจแบบถูกก็จะต้องจ่ายเงินประมาณ 3,000 ปอนด์ (ราว 120,000 บาท) ในการเดินทางจากฝรั่งเศสไปอังกฤษ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงมาก แต่ถ้าเลือกแพ็กเกจแบบวีไอพี ที่เขาต้องจ่ายเงินถึง 11,000 ปอนด์ (ราว 420,000 บาท) นั่นจะมีโอกาสเพียงแค่ 1% ที่เขาจะถูกจับได้ แต่นางเหวียนบอกว่า เธอเชื่อว่าลูกชายเลือกซื้อแพ็กเกจวีไอพี แต่สุดท้ายก็ต้องมาจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถเช่นนั้น

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อต้านการค้ามนุษย์ให้ข้อมูลว่า ในความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ไม่ว่าผู้อพยพที่ต้องการลักลอบเข้าไปในอังกฤษ จะเลือกซื้อแพ็กเกจแบบวีไอพีหรือแบบราคาถูก ด้วยเงินที่ครอบครัวญาติพี่น้องต้องไปกู้หนี้ยืมสินหรือยอมเอาที่ดินทำกินไปจำนองเพื่อให้ได้เงินมา แต่สุดท้ายพวกเขาเหล่านี้เมื่อเดินทางมาถึงชาติในยุโรปที่เป็นจุดพัก ก็จะต้องถูกเกณฑ์ขึ้นรถบรรทุกที่เป็นหนทางเดียว และเป็นการเดินทางสุดท้ายที่จะข้ามช่องแคบอังกฤษเพื่อเข้าไปในประเทศอังกฤษได้

ส่วนการเดินทางอันแสนยากลำบากและเต็มไปด้วยความเสี่ยงอันตรายมากมายของผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายเหล่านี้ จะประสบผลในการไปถึงจุดหมายปลายทางที่ตนเองต้องการหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตา

หากผ่านเข้าไปได้สำเร็จ นั่นก็ยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการต้องต่อสู้ดิ้นรนในการเอาชีวิตรอดต่อไปให้ได้ ในขณะที่ก็ต้องซ่อนตัวให้พ้นจากเงื้อมมือของกฎหมาย

แต่หากไปไม่รอด ก็อาจจะเป็นการเอาชีวิตไปทิ้งอย่างสูญเปล่า

โดยเหลือทิ้งไว้เพียงแค่ความฝันและความเศร้าเสียใจของคนในครอบครัวพร้อมกับหนี้!