มุกดา สุวรรณชาติ : เบื้องหลังเบื้องลึก..ศึกนครปฐม

มุกดา สุวรรณชาติ

เบื้องหลังชัยชนะในการเลือกตั้งซ่อม นครปฐม ของ ส.ส.เผดิมชัย สะสมทรัพย์ ที่มีคะแนนพุ่งขึ้นมา 3 เท่าจากเดิมประมาณ 12,000 มาเป็น 37,000 คะแนน ส่วนคะแนนของพรรคอนาคตใหม่ 34,000 คะแนน ลดลงเหลือ 28,000 คะแนน ประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้ประมาณ 18,000 เท่าเดิม มีหลายคนพยายามวิเคราะห์ถึงความผิดพลาดของพรรคอนาคตใหม่ ในหลายแง่มุมว่าทำพลาดอย่างไร

ทีมวิเคราะห์เราสืบหาสาเหตุของชัยชนะและความพ่ายแพ้พบข้อสรุปสั้นๆ ว่า

พรรคอนาคตใหม่ไม่ได้ทำผิดพลาดอะไรมากมายแต่ไม่สามารถต้านทานความเป็นเจ้าถิ่นและยุทธศาสตร์ยุทธวิธีที่ยอดเยี่ยมของคุณเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ได้

ถ้าจะให้วิเคราะห์เจาะลึกก็พอเล่าให้กันฟังได้ เพื่อนำไปศึกษาเป็นบทเรียนในการต่อสู้ครั้งต่อไปในสนามเลือกตั้งต่างๆ

แต่ขอย้ำว่านี่เป็นสนามเลือกตั้งซ่อมที่มีเพียง 193 หน่วยเลือกตั้งเท่านั้น

 

ประวัติ คุณเผดิมชัย สะสมทรัพย์

คุณเผดิมชัย ไม่ใช่เจ้าพ่อหรือ ส.ส บ้านนอก แต่เรียนจบปริญญาตรีด้านวิทยาศาสตร์จากอเมริกา จบปริญญาโทรัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ได้เป็น ส.ส.มา 8 สมัย จากปี 2531 จนถึงปัจจุบัน มีเวลาอยู่ในวงการเมืองถึง 30 ปี เคยเป็นรัฐมนตรีช่วยคมนาคมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

ธุรกิจที่สำคัญของตระกูลสะสมทรัพย์คือการรับกำจัดขยะจาก กทม.ด้วยวิธีการกลบฝังประมาณ 50-60% ของขยะทั้งหมดของ กทม.ซึ่งมีปริมาณวันละเกือบ 1000 ตัน สัญญางานแบบนี้มีลักษณะเป็นระยะยาวประมาณ 10 ปี มูลค่าประมาณ 3 พันล้าน ซึ่งจะต้องอาศัยฝีมือ ความรู้ ความเข้มแข็งในพื้นที่ และความสัมพันธ์อันดีกับเจ้าหน้าที่รัฐในทุกระดับ

ถ้างานไม่ดีมีปัญหาก็จะถูกร้องเรียน ถูกปรับ คนที่ทำงานแบบนี้ได้มาเป็น 20 ปี ต้องมีฝีมือไม่ธรรมดา

แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ต้องเกรงใจผู้มีอำนาจทุกฝ่าย ทุกสมัย ที่จะให้คุณให้โทษได้เสมอ

2557 มีรัฐประหาร การเมืองเปลี่ยนต่อมา กทม.ก็มีผู้ว่าจากการแต่งตั้ง และเมื่อถึง ปี 2561 ก่อนเลือกตั้ง ตระกูลสะสมทรัพย์จำเป็น ต้องย้าย ออกจากพรรคเพื่อไทยและไปสังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา เพื่อความอยู่รอด

วิธีนั้นดูเหมือนจะเป็นทางออกที่สวยที่สุดดีกว่าไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ เพราะตอนอยู่เพื่อไทยครั้งสุดท้ายที่เลือกตั้ง 2554 เขาก็ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในรัฐบาลนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

 

ความแตกต่างของเป้าหมาย
ทางการเมือง ในการเลือกตั้ง 2 ครั้ง

ก่อนการเลือกตั้งปี 2562 เดือนมีนาคมยังไม่มีใครรู้ว่า ใครจะได้เป็นรัฐบาล และรัฐบาลจะรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร

ทีมงานของเราประเมินว่า คุณเผดิมชัยที่พ่ายแพ้ในครั้งนั้นเพราะไม่ได้ทุ่มเทมากนักเนื่องจากลงสมัครในนามพรรคชาติไทยพัฒนา ถึงได้เป็น ส.ส.ก็เป็นพรรคเล็ก ถ้าชนะก็ไม่แน่ว่าจะได้รางวัล

ในขณะที่ในสนามเลือกตั้ง คู่แข่งก็เป็นพรรคอนาคตใหม่และประชาธิปัตย์ซึ่งก็ดูไม่แข็งแกร่งนัก เพื่อไทยไม่ส่งแข่ง เป็นพรรคไทยรักษาชาติมาลงแทน ดูแล้วก็ไม่น่ากลัว แถมยังถูกยุบพรรค ก่อนเลือกตั้ง ช่องว่างของการจัดการคะแนนในภาคสนามเกิดขึ้น แต่หัวคะแนนก็รู้จักกันทั้งนั้นถือว่าได้เปรียบคนอื่น

ดังนั้นจึงไม่ต้องทุ่มทุนทั้งแรงและเงินให้มากมายถ้าได้ก็เป็น ส.ส.ก็เป็น ถ้าไม่ได้ก็ไม่มีอะไรเสียหายเพราะถือว่าไม่ได้ทำการขัดใจใคร แบบนี้ดีที่สุดแล้ว

แต่เมื่อคะแนนการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 ออกมาอย่างที่ทุกคนได้เห็น การได้อันดับ 4 ก็ถือว่าเป็นการเสียหน้าพอสมควรแต่เหตุการณ์ก็ผ่านไปแล้ว

เมื่อมีอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นทำให้ ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ต้องลาออกจากปัญหาสุขภาพ การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ เป็นโอกาสแก้ตัว และสถานการณ์การเมืองทำให้การเลือกตั้งซ่อมที่นี่ จะมีผลที่แตกต่างกับครั้งแรกอย่างสิ้นเชิง..เพราะ

1.ตอนนี้รู้แล้วว่าใครเป็นรัฐบาล ใครเป็นนายกฯ ใครเป็น รมต.บ้าง ช่องว่างอำนาจอยู่ตรงไหน

2 คะแนนเสียงของรัฐบาลกับฝ่ายค้านที่สูสีกันทำให้เสียงปริ่มน้ำของรัฐบาลต้องการคะแนนของ ส.ส. ทุกคะแนนเพื่อสู้ในสภา และการแพ้หรือชนะยังเป็นตัวชี้วัด ตัวแสดงความนิยมทางการเมืองซึ่งรัฐบาลต้องการชัยชนะมาประคองภาพ เพื่อสู้กับฝ่ายค้านว่าประชาชนยังต้องการรัฐบาลนี้

3 คุณเผดิมชัย เป็นเจ้าถิ่น สู้ในพื้นที่มา 30 ปี ดูผลคะแนนของการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม ก็รู้แล้วว่าสามารถกลับมาเก็บชัยชนะกู้ชื่อเสียงตัวเองกลับมาได้ไม่ยาก และเป็นการโชว์ศักยภาพของตัวเอง ว่าแม้แพ้ไปแล้ว แต่ทำได้ เพราะนี่เป็นเขตของเขา คนก็ของเขา

ดังนั้นคุณเผดิมชัยจึงขอลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อม ทั้งๆ ที่คะแนนอยู่อันดับ 4 โดยมีเงื่อนไขว่าพรรคพลังประชารัฐต้องไม่ส่งคนลงสมัคร เพียงแค่นี้ โอกาสได้ชัยก็เปิดประตูกว้างแล้ว

 

การกำหนดยุทธศาสตร์ของทั้งสองฝ่าย

พรรคอนาคตใหม่ใช้สงครามทางอากาศเสนอการเลือกตั้งซ่อมที่นครปฐมให้มีผลต่อภาพรวมไปกระทบถึงการเป็นรัฐบาลและการบริหารที่ผิดพลาด กระแสที่สร้างขึ้นขยายวงกว้างไปทั้งประเทศ

แต่คนทั้งประเทศไม่ได้เลือกตั้ง ครั้งนี้มีเพียงคนนครปฐม เขต 5 เท่านั้น ถ้าจะให้ลงไปแข่งภาคพื้นดิน อนาคตใหม่เดินลงไปทั้งพรรคก็หลงทาง การรักษาคะแนนเก่าไว้ยังพอทำได้

และเมื่อ ปชป.ส่งลงแข่ง ก็ทำให้อนาคตใหม่ เบาใจขึ้น รวมคะแนนเมื่อแบ่งฝ่ายแล้วยังเหนือกว่า

ยุทธศาสตร์ของอนาคตใหม่จึงเหมือนการส่งโดรนไปโจมตีในเขตภูเขา ทหารราบบุกตามไปได้อย่างจำกัด

ส่วนคุณเผดิมชัยกำหนดยุทธศาสตร์ใหญ่อยู่ที่ภาคพื้นดิน จะเห็นว่าไม่มีกระแสข่าวทางการเมืองของคุณเผดิมชัยกระจายออกมาให้คนนอกรับรู้

แต่ในภาคพื้นดิน 193 หน่วยเลือกตั้ง ได้มีการจัดการอย่างเป็นระบบ การเลือกตั้งเฉพาะเขต 5 นครปฐมถือว่าเล็กมาก สำหรับคนที่เคยดูแลการเลือกตั้งทั้งจังหวัดมาแล้ว

ดังนั้นยุทธวิธีที่จะใช้ในการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้จึงไม่ได้ยากอะไร

1 ต้องรักษาคะแนนเสียงเดิมของตนเองประมาณ 12,000 คะแนน และพยายามหาเพิ่ม 10% จากฐานเก่า ในเวลาที่จำกัดพรรค ปชป.ไม่ใช่เป้าหมายหลักได้จาก ปชป.เท่าไรก็ได้ อย่างไรคะแนนของ ปชป.ก็ไม่ย้ายมาให้อนาคตใหม่อยู่แล้ว

2 ย้ายเสียงเดิมของพลังประชารัฐ 18000 คะแนนมาให้ได้ ผ่านหัวคะแนนเดิม ทุกคนต้องทำให้ได้ เพราะมีตัวเลขเดิมเป็นขั้นต่ำค้ำอยู่ ว่าหน่วยไหนได้เท่าไรในการเลือกตั้ง 24 มีนาคม

3 เจาะพื้นที่ของพรรคอนาคตใหม่ ผ่านหัวคะแนนที่เคยรู้จักในพื้นที่ เพราะเมื่อก่อนเคยสังกัดเพื่อไทย เช่นเดียวกับคุณเผดิมชัย 193 หน่วย ถ้าดึงมาได้หน่วยละ 15-20 คะแนน ก็จะได้ 3,000 กว่า คะแนน คิดไป-กลับ ความห่างของคะแนนจะกลายเป็น 6,000-7000

ถ้าคะแนนเดิมของคุณเผดิมชัย 12,000+ คะแนนพปชร. 18,000 จะได้ 30,000 ถ้าเจาะ อนค. ได้ 3,000 คุณเผดิมชัยจะได้ 33,000 ถ้ามีคะแนนเพิ่มจากที่อื่นอีก 2,000 จะได้ 35,000 ในขณะที่ อนค.จะเหลือ 31,000 

 

ปฏิบัติการจริงทำอย่างไร

1.ในเวลาสั้นๆ เช่นนี้ถ้าเป็นคนอื่นอาจทำไม่ได้แต่คุณเผดิมชัยทำได้ ระยะเวลา 30 ปีที่คลุกคลีอยู่กับการเลือกตั้งเขามี…แผนที่และลายแทง ของเสียงเลือกตั้งนครปฐม… หมายความว่ารู้ทางสภาพภูมิศาสตร์สภาพหมู่บ้านและรู้ว่าใครคือผู้มีชื่อเสียงใครคือคนที่ชาวบ้านนับถือ ปัจจุบันใครเอียงไปอยู่ฝ่ายไหน ใครดึงได้ใครดึงไม่ได้ ในขณะเดียวกันอำนาจรัฐที่ควบคุมถึงท้องถิ่นก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรกับคุณเผดิมชัย

2.วิธีการขอคะแนนมาสนับสนุนก็ไม่ยาก ก็คือให้เหตุผลว่าชาวบ้านควรจะเลือก ส.ส.ที่จะอยู่ฝ่ายรัฐบาลซึ่งจะทำให้ชาวบ้านได้รับการสนับสนุนในโครงการต่างๆ สวัสดิการที่รัฐบาลจะแจกได้สะดวกกว่า การอยู่พรรคชาติไทยพัฒนาก็ไม่ได้เป็นศัตรูโดยตรงกับคนของพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าคุณเผดิมชัยจะอยู่พรรคไหน เมื่อเป็น ส.ส.ก็ยังช่วยชาวบ้านเหมือนเดิม และบางทีอาจได้เป็นรัฐมนตรีในอนาคต

แม้แต่เจอคนที่เชียร์พรรคอนาคตใหม่พวกเขาก็ยังมีเหตุผลว่าพรรคอนาคตใหม่ ถ้าแพ้คราวนี้จำนวน ส.ส.ก็ได้เท่าเดิมคือ 81 คนโดยจะได้เลื่อน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์มาอีก 1 คน แทน ส.ส.เขตที่หายไป

3.จุดสำคัญของการเลือกตั้งครั้งนี้คือการดึงหัวคะแนนมารวมกันซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะส่วนใหญ่เคยเป็นผู้สนับสนุนคุณเผดิมชัยอยู่แล้ว เพียงแต่ครั้งนี้ต้องแบ่งพื้นที่ให้ละเอียดว่าใครอยู่ในหมู่บ้านใด หรือพื้นที่ใด และบริเวณนั้นสนับสนุนพรรคไหนเป็นส่วนใหญ่ จากนั้นจะต้องกำหนดเป้าหมายในการเจาะคะแนนของพรรคอนาคตใหม่ในพื้นที่นั้นๆ ถ้าสามารถเจาะคะแนนกลับมาได้ 1,000 ครอบครัว โอกาสชนะก็จะเป็นจริง

อย่าคิดว่า 1,000 ครอบครัวเป็นเรื่องยาก เพราะถ้าหารด้วยจำนวนหน่วยเลือกตั้ง 193 หน่วย แต่ละหน่วยเลือกตั้งก็ดึงมาเพียง 5-6 ครอบครัวเท่านั้น แต่ละครอบครัวอาจจะมี 2 ถึง 5 คะแนนแสดงว่าจะบรรลุเป้าหมายในการเจาะ 3-4 พันคะแนน

เป้าหมายที่เจาะคือผู้สูงอายุ พวกที่ถือบัตรคนจน เพราะนี่เป็นฐานเสียงที่ พปชร.คว้าไปเกินครึ่ง เพียงแต่ครั้งนี้ต้องให้ย้ายมาเลือกชาติไทยพัฒนา พรรครัฐบาลด้วยกัน

ส่วนหัวคะแนน จะไปเจาะไปหาคะแนนด้วยวิธีใด พวกเขาสามารถคิดกันเองว่าต้องพูดอย่างไรต้องเสนอนโยบายแบบไหน เท่าไร ต้องทำอะไรให้บ้าง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความขัดแย้งของพรรคอนาคตใหม่ ก็อาจจะดึงคะแนนกลับมาได้มากหน่อยแต่ก็คงเป็นหลักร้อยเท่านั้น

การเจาะคะแนนกลับมาจึงยังต้องอาศัยเกือบทุกพื้นที่ จึงจะรวมกันได้ 3,000 คะแนน ขึ้นไป

 

ผลของคะแนนที่ออกมาอาจวิเคราะห์ได้ว่า

การโยกย้ายคะแนนของฝ่ายรัฐบาลทำได้จริง เพราะหัวคะแนนก็คือคนเก่าที่เคยช่วยตระกูลสะสมทรัพย์มาก่อน

การเลือกตั้ง 24 มีนาคม ถูกแบ่งเป็น 3 ส่วน

ส่วนแรกเป็นสายก้าวหน้ากะว่าจะช่วยไทยรักษาชาติ แต่ถูกยุบ จึงหันไปช่วย อนค. ดันตามกระแส อนค.จนชนะ

ส่วนที่สองไปช่วย พปชร.ตามที่ถูกขอมา

ส่วนสุดท้ายยังอยู่กับเผดิมชัย พร้อมกับหัวคะแนนเดิม ดังนั้นเมื่อ 2 ส่วนกลับมารวมกันงานพื้นที่จึงเดินง่าย (แต่ในพื้นที่อื่นๆ จังหวัดอื่น อาจทำไม่ได้)

ปชป.รักษาฐานคะแนนของตัวเองได้ คะแนนของ ปชป.น่าศึกษามาก ทั้งๆ ที่เป็นตัวชี้ขาดแพ้ชนะ และรู้ว่าตัวเองแพ้แน่เมื่อใกล้วันลงคะแนนแต่คะแนนนิ่งมากเกือบคงที่

อนค.อาศัยกระแส ไม่มีฐานเดิม การถูกเจาะจาก หัวคะแนนเดิมของเพื่อไทย และชาติไทยพัฒนาที่ไปช่วยเผดิมชัย จึงเป็นเรื่องที่ป้องกันยากโดยเฉพาะในช่วงที่คนจนกำลังยากลำบาก การเสียคะแนนไป 6,000 ถือว่าไม่น้อย และคะแนนที่หายไปของ อนค. อาจจะมีถึง 2,000 ไม่ได้ไปลงให้เผดิมชัย เพราะถ้าไปลงคะแนนจะแพ้มากกว่านี้ แต่อาจไม่มาลงคะแนนให้พรรคใดเลย จะเป็นเพราะเหตุใดยังไม่รู้

แต่ถ้ามองในฐานะพรรคใหม่ ถือว่า อนค.เก่งมากแล้วที่ต้านการเจาะทะลวงได้ขนาดนี้

 

นี่เป็นการเตือนพรรคใหม่ๆ ทั้งหลายว่า ต้องวิเคราะห์ว่าคะแนนเสียงที่มาจากการเลือกตั้งครั้งเดียว มาจากไหน และไม่อาจนับเป็นฐานเสียงได้ทั้งหมด

ที่สำคัญที่สุดคือ การเลือกข้างยังดำรงอยู่ ฝ่ายใดก็ตามที่แตกกัน ตัดคะแนนกันเอง โอกาสแพ้มีมาก ถ้าร่วมมือกันก็ชนะได้ ( แต่เรื่องนี้ไม่สามารถจะห้ามคนสมัครในการเลือกตั้งท้องถิ่น เพราะไม่บังคับให้เป็นพรรค แต่การเลือก นายก อบจ. นายกเทศมนตรี ผู้ว่าฯ กทม. นายก อบต. ฝ่ายใดสามัคคีคนได้มากกว่า ย่อมได้เปรียบ)

ชัยชนะของคุณเผดิมชัยทำให้เขากลับสู่วงจรการเมืองและอำนาจอีกครั้ง

ปัญหาของพรรคอนาคตใหม่ มิได้อยู่ที่การแพ้เลือกตั้งซ่อมนครปฐม แต่อยู่ที่การโจมตีทางข้อกฎหมายต่างๆ และการชี้ขาดของศาล การแยกตัวออกของคนที่เคยสนับสนุนเป็นเรื่องปกติ เพราะเป้าหมายทางการเมืองอาจต่างกัน และการเสียสละตามอุดมการณ์ก็ต่างกัน