ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 25 - 31 ตุลาคม 2562 |
---|---|
ผู้เขียน | เสถียร จันทิมาธร |
เผยแพร่ |
วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู/เสถียร จันทิมาธร
เป้าหมาย จิ้งหวัง เซียวจิ่งเหยียน (16)
ระหว่างหนังสือ “บุรุษบูรพา ทำเนียบหลางหยา” กับซีรี่ส์ Nirvan in Fire อันหูเกอร์ กับ หลิวเทา นำแสดง มีรายละเอียดแตกต่างเล็กน้อย
เหมยฉางซูพบถิงเซิงในวังระหว่างถูกขันทีทำร้าย นั่นเป็นซีรี่ส์
แต่หนังสือกลับเป็นเหมยฉางซูนั่งรถออกจากวังและพบถิงเซิงถูกเหอเซินซิง บุตรเหอจิ้งจง เสนาบดีกรมมหาดไทยทำร้ายสาหัส
นั่นเป็นเรื่องเล็กน้อย เรื่องใหญ่อยู่ที่ความสนใจของเหมยฉางซูอันตรงกับจิ้งหวังมากกว่า
เมื่อแทงใจดำจิ้งหวัง เซียวจิ่งเหยียน ว่า “มิใช่เพราะมารดาของเขา หากแต่เพราะบิดาของเขา” มากกว่า
“กระหม่อมเห็นองค์ชายเป็นกังวลเรื่องถิงเซิงปานนี้ก็พอนึกได้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่จิงรุ่ยกลับนึกไม่ออกเพราะตอนนั้นเขายังเป็นแค่เด็กน้อยรู้จักแต่เรียนหนังสือ ฝึกวิชาฝีมือ ถึงเซิง 11 ขวบเกิดในเรือนขังไพร่ จะเป็นลูกกำพร้าของบิดาคนไหน ดูจากเวลาแล้วที่เหมาะที่สุดก็คือคนผู้นั้นนั่นเอง ท่านติดตามข้างกายเขาอยู่นานปี ความผูกพันสมควรแนบแน่น”
ดวงตาเซียวจิ่งเหยียนทิ่มแทงมาราวกับเข็มน้ำแข็ง น้ำเสียงปราศจากความนุ่มนวลอย่างสิ้นเชิง “ท่านไฉนรู้เรื่องพวกนี้ ท่าน ที่แท้เป็นใคร”
คำถามคือ ใครคือผู้ที่จิ้งหวัง เซียวจิ่งเหยียนติดตามข้างกายอยู่นานปี
ปริศนานี้คือกลยุทธ์โดยพื้นฐานของ “ไห่เยียน” ในการดำเนิน “บุรุษบูรพา ทำเนียบหลางหยา” เป็นปริศนาที่ไม่เพียงแต่จิ้งหวัง จิ้งเหยียนเท่านั้นที่สงสัย
ท่วงทำนองของเหมยฉางซูจึงเร้าอารมณ์อย่างยิ่ง
“รัชทายาทกับอวี้หวังมิใช่สหายของกระหม่อม พวกเขาเพียงต้องการหว่านล้อมให้เป็นพวกเท่านั้น องค์ชายทราบหรือไม่ว่าทำเนียบหลางหยาให้คำนิยมตัวกระหม่อมไว้อย่างไร
‘อัจฉริยะฉีหลิน คนใดได้ใจคนนั้นได้แผ่นดิน’
หากไม่ทราบแม้แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับองค์ชายทั้งหลาย ไหนเลยนับเป็นอัจฉริยะฉีหลินได้”
“กล่าวเช่นนี้ ก็แปลว่าท่านเจตนาเก็บรวบรวมข้อมูลความลับด้านนี้สำหรับแผนการสะสมเงินทุนของตัวเองในภายหน้า”
“มิผิด” เหมยฉางซูสำนอง
“เป็นฉีหลินมีอันใดไม่ดี ได้รับความเคารพเทิดทูน สร้างวีรกรรมผลงาน ไม่แน่วันหน้าอาจได้สร้างอารามเป็นอนุสรณ์ทิ้งชื่อไว้ตราบกาลนาน”
ดวงตาจิ้งหวังทอประกายลึกล้ำ น้ำเสียงเย็นชาถึงที่สุด
“เช่นนั้นท่านคิดเลือกรัชทายาท หรือเลือกอวี้หวัง”
เหมยฉางซูแหงนหน้าเล็กน้อย ทอดสายตามองทะลุกิ่งก้านใบไม้ขึ้นไป จับจ้องบนแผ่นฟ้าสีคราม เนิ่นนาน ค่อยถอนสายตากลับมาช้าๆ หยุดอยู่ที่ร่างของจิ้งหวัง
“กระหม่อมเลือกท่าน จิ้งหวัง”
“เลือกข้ารึ” จิ้งหวังเงยหน้าหัวเราะดังสนั่น ทว่า แววตากลับหม่นหมอง รันทด
“สายตาท่านย่ำแย่จริงๆ มารดาข้าเป็นแค่พระสนม มิได้เป็นผู้ดีสูงศักดิ์อันใด ข้าอายุ 31 ยังไม่ได้รับแต่งตั้งเป็นซินหวัง ตลอดมาคบหาคลุกคลีแต่กับชนชั้นทหาร ในราชสำนัก 3 กระทรวง 6 กรม ไม่มีเส้นสายความสัมพันธ์ ท่านจะเลือกข้าไปทำไม”
“คุณสมบัติของท่านนับว่าไม่ดีนัก” เหมยฉางซูเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “แต่เสียดายกระหม่อมไม่มีทางเลือกที่ดีไปกว่านี้”
“หมายความว่ากระไร” เป็นคำถามอันมากด้วยความฉงน
“รัชทายาทกับอวี้หวังล้วนเป็นผู้เพียบพร้อมที่สุด ไม่ว่าคนใดคนหนึ่งได้ครอบครองบัลลังก์ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก”
คำตอบจากเหมยฉางซูยิ่งเร้าอารมณ์
“ก็เพราะไม่ว่าคนใดคนหนึ่งได้ครอบครองบัลลังก์ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก กระหม่อมจึงไม่คิดเลือกพวกเขา หากอาศัยกำลังของกระหม่อมเพียงลำพังสามารถส่งคนผู้หนึ่งซึ่งไม่อยู่ในสายตาคนอื่นขึ้นบัลลังก์ได้ นั่นจึงแสดงให้เห็นถึงความสามารถของกระหม่อมได้ชัดเจน หรือมิใช่”
จิ้งหวังจ้องมองเหมยฉางซูแน่วนิ่ง แทบดูไม่ออกว่าคนผู้นี้กำลังพูดเล่นหรือพูดจริงกันแน่
“จิ้งหวังโปรดกล่าวตามสัตย์” เหมยฉางซูประสานสายตาเยือกเย็นกลับไป สีหน้าราวกับปีศาจร้ายที่กำลังล่อลวงคนให้ตกหลุม
“หรือท่านไม่คิดอยากเป็นจักรพรรดิ”
ประสบเข้ากับคำถามเช่นนี้ “ไห่เยี่ยน” บรรยายความนึกคิดของจิ้งหวัง เซียวจิ่งเหยียน ออกมาว่า เซียวจิ่งเหยียนในใจสั่นสะท้าน ลอบขบกรามแน่น
ในฐานะที่เป็นองค์ชาย หากกล่าวว่าไม่เคยมีใจคิดครอบครองตำแหน่งจักรพรรดิ นั่นไม่เป็นความจริง แต่หากกล่าวว่า เขาเอาแต่คิดถึงเรื่องนี้ตลอดเวลาจนกระทั่งเรื่องการช่วงชิงบัลลังก์กลายเป็นเป้าหมายสำคัญสูงสุดในชีวิต นั่นกลับไม่จริง
เพียงแต่ถ้าเขาสามารถตัดขาดเส้นทางขึ้นสู่จุดสูงสุดของรัชทายาทและอวี้หวังได้จริงๆ ไม่ว่าต้องจ่ายค่าตอบแทนด้วยสิ่งใดเขาก็ยินดี