ต่างประเทศ : ถึงวันแยกทาง เจ้าชาย “วิลเลี่ยม-แฮร์รี่”

ภาพในอดีต เมื่อที่ครั้ง 2 เจ้าชายพระองค์น้อยเสด็จเคียงข้างเจ้าหญิงไดอาน่า เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ผู้เป็นพระมารดา ยังคงติดตรึงอยู่ในใจใครหลายคน

โดยเฉพาะเมื่อครั้งงานพระราชพิธีศพของเจ้าหญิงไดอาน่า ที่เจ้าชายวิลเลี่ยมและเจ้าชายแฮร์รี่อยู่เคียงข้างกัน และสายพระเนตรที่พระเชษฐามองพระอนุชาด้วยความรัก ยังเป็นที่จดจำของหลายๆ คน

เมื่อวันเวลาผ่านไป เจ้าชายน้อยทั้งสองทรงเติบใหญ่ขึ้น ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายไปมีครอบครัว

หากแต่ช่วงเวลาปีกว่าหลังการเสกสมรสระหว่างเจ้าชายแฮร์รี่กับเมเกน มาร์เคิล หรือดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ในปัจจุบัน พระชายาเชื้อสายอเมริกัน กลับดูเหมือนทำให้เจ้าชายทั้งสองห่างออกจากกันทุกที

ข่าวการแตกร้าวดูเหมือนจะเริ่มต้นตั้งแต่ที่มีข่าวว่าเจ้าชายแฮร์รี่ย้ายออกจากพระราชวังเคนซิงตัน และไปอยู่ที่พระตำหนักฟร็อกมอร์

ก่อนที่ในเวลาต่อมา มูลนิธิการกุศลของเจ้าชายวิลเลี่ยมและแคเธอรีน ดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ถอดชื่อเจ้าชายแฮร์รี่และเมแกนออกจากมูลนิธิอย่างเป็นทางการ

ถือเป็นการแยกจากการทำงานด้านการกุศลร่วมกันระหว่างคู่ของเจ้าชายวิลเลี่ยมและเจ้าชายแฮร์รี่ ที่เคยสนิทสนมกันและทำงานร่วมมูลนิธิกัน จนได้รับการเรียกว่า “แฟบโฟร์”

 

การไม่ค่อยออกงานร่วมกัน และความห่างเหิน สัมผัสได้จากการเสพข่าวที่มีเข้ามาเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่มีอะไรยืนยันเรื่องนี้

กระทั่งล่าสุด เจ้าชายแฮร์รี่ประทานสัมภาษณ์กับ “ทอม แบรดบี” จากสถานีโทรทัศน์ไอทีวี ระหว่างที่พระองค์และพระชายาเสด็จเยือนแอฟริกา เจ้าชายแฮร์รี่ทรงยอมรับที่มีการเผยแพร่เป็นสารคดีความยาว 1 ชั่วโมง เมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา

โดยเมื่อแบรดลีถามถึงข่าวที่มีมากมายระหว่างเจ้าชายแฮร์รี่กับพระเชษฐา เจ้าชายแฮร์รี่ตรัสว่า ด้วยหน้าที่ ด้วยพระราชกรณียกิจ ด้วยความเป็นครอบครัว ภายใต้แรงกดดันเหล่านี้ จึงหลีกเลี่ยงที่จะเกิดปัญหาไม่ได้ แต่พระองค์ก็ยังคงเป็นพี่น้องกันอยู่ตลอดไป

“ตอนนี้ เราเดินกันคนละเส้นทางแล้ว แต่ผมก็รู้ว่า ผมจะเคียงข้างเขา และเขาก็อยู่เคียงข้างผมเสมอ เราอาจจะไม่ได้เจอกันบ่อยเหมือนที่เคยเป็น เพราะเราต่างก็ยุ่ง แต่ผมก็ยังรักเขามาก” เจ้าชายแฮร์รี่ตรัส และว่า แต่ยังคงมีวันดีๆ และวันแย่ๆ ในความสัมพันธ์ระหว่างสองพระองค์อยู่

ถือเป็นการออกมายอมรับเป็นครั้งแรก ถึงความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไประหว่างเจ้าชายทั้งสองแห่งราชวงศ์อังกฤษ นับตั้งแต่เกิดข่าวลือในช่วงหลายเดือนระหว่างเจ้าชายทั้งสอง ตั้งแต่เรื่องเหตุผลของการแยกที่ประทับ และความขัดแย้งระหว่างเจ้าชายทั้งสอง

รวมทั้งพระชายาของทั้งสองพระองค์ที่มีข่าวว่าไม่ถูกกัน

 

ขณะที่เมแกนเองก็มีข่าวลือว่า ไม่ค่อยถูกกับแคเธอรีน พระชายาในเจ้าชายวิลเลี่ยมเช่นกัน

แต่การประทานสัมภาษณ์ของเมแกนต่อไอทีวีครั้งนี้ เมแกนตรัสถึงชีวิตส่วนพระองค์ว่า เวลาช่วงปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก และพระสหายชาวอังกฤษของพระองค์ก็เคยเตือนแล้วว่า อย่าได้เสกสมรสกับเจ้าชายแฮร์รี่ เพราะพวกแท็บลอยด์ หรือหนังสือพิมพ์หัวสีทั้งหลายจะ “ทำลายชีวิต” ของพระองค์

“ตอนที่ฉันได้เจอกับเจ้าชายแฮร์รี่ครั้งแรก เพื่อนฉันมีความสุขมาก เพราะฉันมีความสุข แต่เพื่อนๆ ก็บอกฉันว่า พวกเขาแน่ใจว่า เจ้าชายแฮร์รี่จะเป็นผู้ชายที่ดี แต่ไม่ควรที่จะแต่งงานด้วย เพราะพวกแท็บลอยด์จะทำลายชีวิตฉัน”

หากแต่พระองค์ก็ไม่สนใจคำเตือนเหล่านั้น เพราะพระองค์เป็นชาวอเมริกัน ไม่เข้าใจว่า สื่ออังกฤษทำงานอย่างไร จนกระทั่งได้เจอกับพระองค์เอง

 

โดยเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เมแกนได้ทรงยื่นเรื่องฟ้องร้อง “เมล์ ออน ซันเดย์” แท็บลอยด์ชื่อดังของอังกฤษ ข้อหาเผยแพร่จดหมายที่พระองค์เขียนถึงโธมัส มาร์เคิล ผู้เป็นพ่อ อย่างผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นจดหมายที่เมแกนเขียนขึ้นหลังเข้าพิธีเสกสมรสกับเจ้าชายแฮร์รี่เมื่อกลางเดือนพฤษภาคม 2561 ที่นายโธมัสไม่ได้เดินทางไปร่วมพิธีเสกสมรส เพราะขายรูปและเรื่องของนายโธมัสให้กับปาปารัซซี่นำไปตีพิมพ์ จนกลายเป็นข่าวอื้อฉาว

รอยเตอร์สรายงานว่า ในเอกสารคำให้การของเมแกนและเจ้าชายแฮร์รี่ ได้พูดถึงการฟ้องดำเนินคดีทางกฎหมายว่า เพื่อตอบโต้การกระทำที่เป็นการ “กลั่นแกล้งรังแก” จากสื่อของอังกฤษบางสื่อ และว่า “ถึงแม้การฟ้องร้องนี้อาจไม่ใช่วิธีการที่ปลอดภัย แต่ก็เป็นวิธีที่ถูกต้อง”

เจ้าชายแฮร์รี่ระบุไว้ตอนหนึ่งว่า “สิ่งที่ข้าพเจ้ากลัวที่สุดคือ กลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ข้าพเจ้าเคยเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคนที่ข้าพเจ้ารักถูกกระทำเหมือนเป็นสินค้า กระทั่งถึงจุดที่พวกเขาได้รับการปฏิบัติราวกับไม่ใช่มนุษย์ ข้าพเจ้าเคยสูญเสียแม่ และตอนนี้ข้าพเจ้ากำลังเห็นภรรยาของข้าพเจ้าตกเป็นเหยื่อของผู้ที่มีอิทธิพลแบบเดียวกัน”

ซึ่งสิ่งที่เจ้าชายแฮร์รี่เคยประสบมา คือเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับเจ้าหญิงไดอาน่า พระมารดาของพระองค์ ที่ถูกคุกคามจากสื่อเป็นอย่างมาก นับตั้งแต่เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มกุฎราชกุมารแห่งราชวงศ์อังกฤษ กระทั่งเจ้าหญิงไดอาน่าเข้าเป็นหนึ่งในสมาชิกของราชวงศ์อังกฤษ

และสิ้นพระชนม์ลงจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อปี 2540 หลังถูกพวกปาปารัซซี่ขับรถไล่ล่าเพื่อตามถ่ายรูปพระองค์

เช่นนั้นแล้ว เจ้าชายแฮร์รี่เองคงไม่อยากให้เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยขึ้นมาอีก จึงได้ทรงลุกขึ้นมาต่อสู้กับการคุกคามของสื่อ ต่อชีวิตส่วนพระองค์

ส่วนเรื่องพระเชษฐา คงต้องรอดูกันต่อไปว่าจะลงเอยอย่างไร