จิตต์สุภา ฉิน : ตามล่าฆาตกรด้วยสมาร์ตวอตช์

จิตต์สุภา ฉินFacebook.com/JitsupaChin
Man controlling device via his smartwatch

ปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมามีข่าวที่โลกอินเตอร์เน็ตให้ความสนใจและติดตามอย่างใกล้ชิดก็คือการเสียชีวิตของพริตตี้ลัลลาเบลที่เผยให้เห็นถึงอีกมุมดำมืดของสังคม

คดีในครั้งนี้มีเรื่องราวในแง่มุมของเทคโนโลยีเข้าไปเกี่ยว ตรงที่มีการเสนอขึ้นมาว่าหากต้องการรู้ว่าคุณลัลลาเบลเสียชีวิตกี่โมงก็น่าจะสามารถใช้ข้อมูลที่เก็บบันทึกอัตราการเต้นของหัวใจจากสมาร์ตวอตช์ที่เธอสวมใส่อยู่ได้

นี่ไม่ใช่คดีแรกที่มีการนำข้อมูลที่เก็บมาโดยอุปกรณ์แวร์เอเบิลอย่างสมาร์ตวอตช์เข้ามาช่วยในการสืบหาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 

โทนี่ ไอเยลโล ชายวัยเก้าสิบกว่า ที่แม้จะเคยผ่านการผ่าตัดสะโพกและหัวเข่ามาแล้ว แต่เขาก็ยังมองว่าตัวเองเป็นชายชราที่ยังทำอะไรได้คล่องแคล่วว่องไวมากกว่าคนอื่นทั่วไปในวัยเดียวกัน

เขาพบและตกหลุมรักอะเดล นาวาร์รา ในตอนที่ทั้งคู่ต่อคิวจ่ายเงินค่าเนื้ออยู่ที่เคาน์เตอร์เดียวกันและเอ่ยปากขอออกเดตกับเธอในคืนวันเดียวกันนั้นเลย

ความสัมพันธ์เป็นไปอย่างราบรื่น โทนี่และอะเดลต่างก็เป็นม่ายทั้งคู่ อะเดลอายุมากกว่าโทนี่สองปี แต่เธอก็ไม่ใช่คนแก่ที่เลอะเลือนอะไร ไม่นานหลังจากนั้นเธอย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของโทนี่ซึ่งบังเอิญมากที่ถัดออกไปเพียงแค่สองบล็อกบนถนนเส้นเดียวกันเป็นบ้านของแคเรน ลูกสาววัย 67 ปีของอะเดลที่อาศัยอยู่ลำพังคนเดียว มีเพียงแมวสองตัวเท่านั้นที่คอยเป็นเพื่อนเคล้าเคลียให้เธอไม่เหงาจนเกินไป

เมื่อแคเรนหายไปและไม่มาเข้างานที่โรงพยาบาลซาน โฮเซ่เลย เพื่อนร่วมงานจึงเกิดความเป็นห่วงและแวะมาหาที่บ้าน

ประตูหน้าบ้านของแคเรนไม่ได้ล็อกเอาไว้ และเมื่อเพื่อนร่วมงานของเธอเปิดประตูห้องกินข้าวเข้าไปก็ต้องพบกับภาพสุดสยอง ศพของแคเรนถูกมัดติดเอาไว้กับเก้าอี้ ขาทั้งสองข้างแยกออก ศีรษะหงายพาดอยู่บนพนักพิงของเก้าอี้และปกคลุมไปด้วยเลือดจากบาดแผลถูกทุบอย่างแรงจนแทบไม่สามารถระบุตัวตนของเธอได้

ในขณะที่มือขวาของเธอก็กำมีดทำครัวที่ใบมีดยาวกว่า 8 นิ้วเอาไว้ด้วย ลำคอของแคเรนถูกปาด ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ถึงสองครั้งด้วยกัน

มีดในมือของเธอทำให้ดูรูปการณ์ผิวเผินเหมือนเธอฆ่าตัวตาย แต่เก้าอี้ที่หล่นกระจัดกระจายอยู่บนพื้นแสดงให้เห็นถึงการต่อสู้ดิ้นรนที่ขัดแย้งกัน ลิ้นชักในห้องนอนและห้องครัวถูกเปิดหรือกระชากออกมาทิ้งไว้บนพื้นแต่ข้าวของข้างในกลับเป็นระเบียบและไม่ผ่านการรื้อค้น

เธอถูกปาดคอหลังจากเสียชีวิตไปแล้ว

 

เบาะแสที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เพิ่มขึ้นมาหลังจากที่นำร่างของเธอไปชันสูตร มาจากนาฬิกาสมาร์ตวอตช์ Fitbit ที่เธอสวมใส่และคอยทำหน้าที่ติดตามการเคลื่อนไหวและอัตราการเต้นของหัวใจของเธออยู่ตลอด ผู้พิพากษาเซ็นอนุมัติให้บริษัทส่งมอบข้อมูลที่บันทึกได้จากนาฬิกามาให้ จึงพบว่าอัตราการเต้นของหัวใจแคเรนพุ่งสูงขึ้นและตกฮวบลงไปจนหยุดนิ่งสนิทที่เวลา 3:28 น. ของวันที่ 8 กันยายน ห้าวันก่อนที่ศพของเธอจะถูกพบ

นอกจากข้อมูลที่ได้จากนาฬิกา Fitbit แล้ว ตำรวจก็ยังได้วิดีโอจากกล้องวิดีโอวงจรปิด Ring ของ Amazon (ที่ก่อนหน้านี้ตำรวจในแคลิฟอร์เนียยื่นข้อเสนอให้พยานในคดีอาชญากรรมต่างๆ ออกมาให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพื่อแลกกับการได้รับกริ่งประตูไฮเทคที่ทำหน้าที่เป็นกล้องวงจรปิดตัวนี้ไปเป็นการแลกเปลี่ยน) ภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นว่าบ่ายวันที่แคเรนเสียชีวิต มีรถยนต์คันหนึ่งมาจอดอยู่หน้าบ้าน

และชายผู้หนึ่งที่ถืออาหารที่เพิ่งอบใหม่ๆ ในถุงซิปล็อกและพิซซ่าที่ห่อฟอยล์เอาไว้ก็เดินเข้าไปในบ้าน

คนคนนั้นก็คือ โทนี่ ไอเยลโล

 

โทนี่ให้การว่า ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่เขาแวะเอาพิซซ่าไปให้แคเรน เขายืนอยู่นอกบ้านและได้ยินเสียงแตรรถ เมื่อเงยหน้าขึ้นเขาก็เห็นรถยนต์สีขาวที่ดูเหมือนจะเป็นรถของแคเรนขับผ่านไปโดยมีใครสักคนนั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับด้วย

ตำรวจไล่ตรวจกล้องวงจรปิดของบ้านทุกหลังในละแวกนั้นอย่างละเอียด และไม่พบร่องรอยของรถยนต์คันที่โทนี่อ้างถึงเลย มีเพียงแค่รถยนต์ของเขาเองเท่านั้นที่ปรากฏอยู่ในคลิปจากกล้องของบ้านหลังตรงข้ามที่อยู่เยื้องกันเป็นแนวทแยง กล้องวิดีโออัดบันทึกเฉพาะช่วงเวลาที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ในเฟรม และช่วงเวลาระหว่าง 3:33 น. ถึง 3:35 น. นั้น รถของโทนี่ก็หายไป

ข้อมูลจาก Fitbit ระบุว่า แคเรนไม่ได้ก้าวเท้าเดินอีกเลยหลังจากเวลา 3:13 น. อัตราการเต้นของหัวใจเธอเร่งสูงขึ้นในเวลา 3:20 น. และหยุดเต้นโดยสิ้นเชิงในเวลา 3:28 น. ตำรวจสรุปคดีว่าเธอถูกฆาตกรรมอย่างโหดร้ายในบ้านของตัวเองในระหว่างที่เธอกำลังรับประทานอาหารมื้อสุดท้าย เศษของพิซซ่ายังคงค้างอยู่ที่เท้าของเธอด้วยซ้ำ

ตำรวจบุกเข้าจับกุมโทนี่ ผู้ซึ่งให้การปฏิเสธอย่างเหนียวแน่น เมื่อตำรวจพูดถึง Fitbit ในฐานะที่เป็นหลักฐานที่ใช้มัดตัวเขาได้อย่างแน่นหนาว่าแคเรนเสียชีวิตในระหว่างที่เขายังอยู่ในบ้านของเธอ เขาก็ส่ายหัวด้วยความงุนงง เขาไม่รู้ว่า Fitbit คืออะไร

และไม่เข้าใจว่าการทำงานของมันมาเกี่ยวข้องอะไรกับเขา

โทนี่ยังคงยืนกรานว่าแคเรนยังมีชีวิตอยู่ตอนที่เขาเดินออกจากบ้านของเธอ

แต่ตำรวจค้นบ้านของโทนี่และพบมีดชนิดเดียวกันกับที่ค้างอยู่ในมือของแคเรนอีกเล่ม

พร้อมกับเสื้อเชิ้ตเปื้อนคราบเลือดที่อยู่ในตะกร้าผ้าของเขา ซึ่งในที่สุดแล้วเมื่อตรวจสอบก็พบว่าเป็นเลือดของแคเรน

 

อย่างไรก็ตาม คดีนี้ก็ไม่ได้จบง่ายอย่างที่คิด ทนายความทางฝั่งของโทนี่โต้เถียงและตั้งข้อสงสัยถึงความแม่นยำในการเก็บข้อมูลของนาฬิกาสมาร์ตวอตช์ ข้อมูลที่เก็บมาด้วยอุปกรณ์แวร์เรเบิลนั้นเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งานทั่วไปอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่การที่จะใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีเพื่อตัดสินว่าใครสักคนหนึ่งมีความผิดจริงหรือไม่ก็ยังเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนเกินไป

แม้ว่านาฬิกาสมาร์ตวอตช์อาจจะทำหน้าที่คล้ายกับกล่องดำที่บ่งชี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้คนที่อยู่ข้างหลังได้รับรู้ แต่ผลการวิจัยก็ระบุว่ามันอาจจะไม่ได้ทำหน้าที่ได้ละเอียดแม่นยำขนาดนั้น

การวิจัยหนึ่งบอกว่าอุปกรณ์ประเภทนี้ทำงานได้ดีที่สุดถ้าหากผู้สวมใส่เป็นผู้ใหญ่ที่เดินด้วยความเร็วเฉลี่ยปกติ แต่ถ้าไปอยู่บนข้อมือของผู้สูงวัยกว่านั้นก็จะทำงานได้แม่นยำน้อยลง โดยเฉพาะคนที่ใช้ไม้เท้าหรือเครื่องช่วยค้ำพยุง

เรื่องนี้จบลงที่คดีปิดเนื่องจากโทนี่เสียชีวิตไปก่อนที่การตัดสินคดีจะสิ้นสุด เขาจึงยังสามารถคงสถานะของความเป็นผู้บริสุทธิ์เอาไว้ได้ และคงจะไม่มีใครบอกได้อีกต่อไปว่าตกลงแล้วเกิดอะไรขึ้นกับแคเรนกันแน่

แต่เราน่าจะยังได้เห็นการใช้อุปกรณ์สวมใส่ได้ หรืออุปกรณ์ไฮเทคประเภทอื่นๆ เข้ามามีบทบาทกับรูปคดีมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนี้ไปแน่นอน