ความพ่ายแพ้จากการเลือกตั้ง”ซ่อม” ในพื้นที่ เขต 5 นครปฐม เป็นบท เรียนอันทรงความหมายยิ่งในทางการเมืองต่อพรรคอนาคตใหม่

ก่อนอื่นต้องยอมรับว่า นี่คือความเป็นจริง แพ้จริง

ไม่ว่าจะแพ้เพราะว่าอีกฝ่ายแอบอิงอยู่กับ”อำนาจรัฐ” ไม่ว่าจะแพ้ เพราะว่าอีกฝ่ายพลิกฟื้นและทวงคืนคะแนนและความนิยมที่เคยมีหวนกลับ

แต่ที่พรรคอนาคตใหม่ปฏิเสธไม่ได้ คือแพ้จริง ตกเป็นรองจริง

หากพรรคอนาคตใหม่นำเอาปัญหาที่ประสบในพื้นที่เขต 7 นครปฐม ไปประสานเข้ากับปัญหาที่ประสบอย่างต่อเนื่องจากพระราช กำหนดกระทั่งร่างพรบ.งบประมาณ

ก็จะปลุกให้พรรคอนาคตใหม่ “ตื่น” จากภาวะงงงวย และ “รู้”ใน ความเป็นจริงพื้นฐานที่ต้องประสบ

 

อย่างน้อยที่สุดปัญหาอันเนื่องจาก “พระราชกำหนด” ปัญหาอันเนื่องจาก “ร่างพรบ.งบประมาณ” ก็ทำให้องค์ประกอบภายในพรรค อนาคตใหม่สำแดงตัวตนออกมา

อาการในแบบของ น.ส.กวินนาค ตาคีย์ อาจไม่มีอะไรสลับซับซ้อน อ่านออกได้โดยง่าย

แต่อาการในแบบ น.ส.ศรีนวล บุญลือ ไม่ง่ายเลย

ยิ่งอาการในแบบ นายนิรมาน สุไลมาน นายจารึก ศรีอ่อน พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา นายอนาวิล รัตนสถาพร และ น.ส.จารุ วรรณ ศรัณย์เกตุ ยิ่งมากด้วยความละเอียด

จะใช้ท่าทีแบบเดียวกับกรณีของ น.ส.กวินนาค ตาคีย์ ไม่น่าจะเหมาะสม เพราะนี่คือสภาพความเป็นจริงที่ดำรงอยู่และยังมีบทบาท อยู่ภายในอย่างเด่นชัด

คล้ายๆกับที่ประสบในการเลือกตั้ง เขต 5 นครปฐม

 

พื้นที่เขต 5 นครปฐม มิได้มีแต่เขตเมือง มิได้มีแต่เขตคนรุ่นใหม่ ตรง กันข้าม ยังมีหลายส่วนยังดำรงคงความเป็นชนบทเอาอย่างเหนียวแน่น

เขตชนบทต่างหากที่พรรคอนาคตใหม่ยังไม่สามารถเจาะทะลวง เข้าไปได้

เขตชนบทอันเคยอยู่ในความยึดครองของพรรคไทยรักไทย

เขตชนบทอันเป็นพื้นที่อิทธิพลที่ตระกูล”สะสมทรัพย์” บ่มเพาะบารมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม

นี่คือพื้นที่การเมืองที่พรรคอนาคตใหม่ยังเข้าไปไม่ถึง