เทคนิคระงับ “สิ่งล่อใจ” ในระหว่างที่ทำงาน ที่เราต้องรู้เท่าทัน | ธุรกิจพอดีคำ

ธุรกิจพอดีคำ

กวีวุฒิ เต็มภูวภัทร www.facebook.com/eightandahalfsentences

“ล่อตา ล่อใจ”

ในวันธรรมดาวันหนึ่ง

คุณนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวเดิม ที่เดิม

ระหว่างที่คุณกำลังนั่งทำงานกับคอมพิวเตอร์

คุณเหลือบไปเห็นโทรศัพท์ของตัวเอง

ปรากฏว่ามีคนส่งข้อความเข้ามา เป็นเรื่องงานที่สำคัญมาก

คุณหยุดงานตรงหน้า เอื้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

ตอบข้อความนั้น

คุณไม่วางโทรศัพท์

รอคอยว่าคนอีกฝั่ง “Read (อ่าน)” รึยัง

ระหว่างที่รอ คุณก็เห็นข้อความอื่นๆ

เพื่อนเก่าส่งรูปสมัยเด็กมาให้ดู

คุณเปิดเข้าไปดู รูปช่างน่าเอ็นดูเสียนี่

เพื่อนเก่ากำลังนัดทานข้าวกันในอีกห้อง chat หนึ่ง

คุณเข้าไปบอกวันที่คุณว่าง

ดีจัง ได้เจอเพื่อนเก่า…คุณคิด

คุณเห็นวิดีโอน่าสนใจในเฟซบุ๊ก ที่โผล่ขึ้นมาในลิงก์ที่ห้อง “chat”

เลยกดเข้าไปดูสักหน่อย

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ผมได้มีโอกาสซื้อหนังสือมาหลายเล่มเลยครับ

เรียกได้ว่าทำลายสถิติของตัวเอง

อันนี้ไม่ได้ไปงานหนังสือด้วยนะครับ

แค่ไปร้านหนังสือตามปกติ

หนังสือภาษาอังกฤษ ซึ่งปกตินานๆ ก็จะมีน่าสนใจออกมาสักเล่มหนึ่ง

แต่ครั้งนี้ซื้อมา “สี่เล่ม” ด้วยกันครับ

จะอ่านหมดมั้ย คงต้องมาลุ้นกัน

ผมกลับบ้านมาไม่รอช้า

รู้อยู่ในใจแล้วว่าจะอ่านเล่มไหนเป็นเล่มแรก

เล่มที่จะเป็นประโยชน์สูงสุดกับตัวเองในเวลานี้

“InDistractable (ไม่สามารถโดนกวนใจได้)”

เขียนโดย “เนียร์ อายาล (Nir Eyal)”

เจ้าของหนังสือขายดีชื่อว่า “ฮุค (Hooked)”

ที่โด่งดังทั่วโลก

บอกเล่าเคล็ดลับการทำผลิตภัณฑ์ให้คนติดงอมแงม

แต่เล่มนี้กลับตรงกันข้าม

เขานำความเข้าใจจิตวิทยามาแนะนำว่า

ทำอย่างไรเราจึงหลีกเลี่ยงสิ่งกวนใจระหว่างวัน ให้เราสามารถทำงาน ทำหน้าที่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่วอกแวก

มีผู้คนเยอะมากที่อยากจะพัฒนาชีวิตตัวเองให้ดีขึ้น

อยากลดความอ้วน อยากทำสิ่งที่สนใจ แต่ก็จบวันด้วยการเลือกหนังใน Netflix

ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น

เนียร์บอกว่า คนเรามักจะไม่ผิดนัดกับคนอื่น พูดไว้แล้วก็ต้องไป ตามมารยาททางสังคม

แต่เรากลับผิดนัดกับ “ตัวเอง” บ่อยครั้ง

เช่น บอกว่าจะตื่นไปออกกำลังกาย สุดท้ายก็มีข้ออ้างต่างๆ นานา

หลายครั้งข้ออ้างที่แสนจะดูดี

อย่างมีงานด่วน มีประชุมด่วน งานเยอะ

ก็ล้วนแต่เป็นการผิดนัดกับตัวเอง เพื่อที่จะรับนัดของคนอื่น

ไม่ได้มีอะไรผิด แค่การที่เราเลือกใช้เวลา ก็มองได้หลายมุม

เนียร์บอกอีกว่า ให้ถามตัวเองบ่อยๆ ว่า

ตารางสิ่งที่เราทำอยู่ในปัจจุบัน

มันรับใช้เรา ทำให้เราถึงเป้าหมายที่วางไว้

หรือว่า เรา “รับใช้” มันกันแน่

ทำเสร็จแล้วทุกอย่าง ชีวิตเราดีได้อย่างที่คาดหวังหรือเปล่า

เรากำลังเติมเต็มชีวิตคนอื่น แต่ชีวิตเรานั้น กลับโดนเบี้ยวนัดตลอดรึเปล่า

อีกเรื่องที่ง่ายๆ อย่างการเช็กอีเมล

เคยมั้ยครับ ว่างๆ ก็หยิบมือถือขึ้นมาเช็กอีเมล

มีใครส่งอะไรมาให้รึเปล่าน้า

เหมือนจะเป็นสิ่งที่ดี

แต่แท้จริงแล้ว กลับทำให้งานตรงหน้าไม่เสร็จสักที

มีงานวิจัยบอกไว้ว่า

ถ้าเราหยุดทำสิ่งตรงหน้า แล้วไปเช็กอีเมล

เวลาจะกลับมาทำสิ่งตรงหน้าให้ได้แบบเดิม

จะต้องใช้เวลาประมาณ 45 วินาที

ลองคิดดูว่า คุณโดนกวนใจไปทำอย่างอื่นกี่ครั้งในหนึ่งวัน

งานตรงหน้า ที่ควรจะเสร็จในไม่กี่ชั่วโมง

ก็อาจจะต้องมาทำต่ออีกวันหนึ่ง ใช้เวลามากกว่าที่ควรจะเป็น

อีกเทคนิคหนึ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับอีเมล

เราจะลดเวลาการใช้อีเมลของเราได้

เราต้องเริ่มจาก “การส่งอีเมล” ให้น้อยลง

หลายครั้งที่เรามีอีเมลเยอะ

เพราะเราส่งอีเมลออกไปหาคนเยอะ

ทำให้เขาต้องตอบเรากลับมา

บางเรื่อง คุณสามารถคุยโทรศัพท์ให้จบไปเลยก็ได้

บางเรื่อง คุณเดินไปคุยเลยก็ได้

การที่ส่งอีเมลไป ทำให้อีเมลที่ตอบกลับมีปริมาณมาก

และการที่ต้องเอื้อมมือไปหยิบมือถือบ่อยๆ นี่แหละ

ทำให้งานตรงหน้าไม่เสร็จเสียที

มีงานวิจัยบอกว่า คนเราแบ่งเวลาเช็กอีเมลรวดเดียว จะเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่าการมานั่งตอบทีละอันๆ เมื่อคนส่งเข้าอีเมลเข้ามาทันที

จัดเวลาไว้ ครึ่งชั่วโมงนี้ ฉันจะตอบอีกอีเมลให้หมด

ส่วนเวลาอื่นๆ ถ้าไม่ด่วนจริงๆ ก็ยังไม่ต้องตอบ

เพราะเรื่องด่วน คนโทร.เข้ามาได้เสมอ

นี่แค่เรื่องอีเมลนะครับ

ยังมีอีกหลายเทคนิค ไว้เอามาแบ่งปันกันในตอนหน้า

คุณจะตอบงานเพื่อนในข้อความที่เขาส่งมา

แต่รู้ตัวอีกที กำลังซื้อของออนไลน์ในเฟซบุ๊กอยู่

นี่แหละครับ “สิ่งล่อใจ (Distraction)” ที่เราต้องรู้เท่าทัน