อุรุดา โควินท์ / อาหารไม่เคยโดดเดี่ยว : ข้าวต้มไม่อาจแทนโจ๊ก

สองสัปดาห์แล้วที่เราอยู่กับช่าง เพื่อซ่อมแซมดูแลหลายส่วนในบ้าน เริ่มตั้งแต่ซ่อมทางขึ้นบ้านซึ่งโดนปลวกกินก่อนที่เราจะมาอยู่ ทางขึ้นบ้านทำด้วยไม้ เจอทั้งแดดและฝน

ตอนที่เรียกช่างมาดู ทั้งฉันและช่างเห็นตรงกันว่า ไม่ใช่แค่ปลวก แต่ไม้อาจผุจากน้ำฝนและแดดจ้า ครั้นเรารื้อไม้ออกมา ก็พบว่าทุกแผ่นที่ผุมีปลวกกิน ช่างว่า มันพังเพราะปลวกล้วนๆ แล้วช่างก็เดินทั่วบ้าน ก่อนกลับมาแนะนำว่า ที่ดินผืนนี้ควรได้รับการกำจัดปลวกอย่างเป็นระบบ

ฉันไม่ได้เชื่อช่างทันที แต่เชื่อหลังจากที่เขาชี้จอมปลวกขนาดใหญ่ใต้บ้านให้ดู

เสร็จจากซ่อมไม้ เราจึงเรียกบริษัทกำจัดปลวกมา แล้วฉันก็ได้ความรู้ใหม่เกี่ยวกับวงจรชีวิตของปลวก ชนิดของปลวก เราตัดสินใจกำจัดปลวกอย่างต่อเนื่องหนึ่งปี

ต่อด้วยให้ช่างขึ้นหลังคา เราได้ยินเสียงฝนลงฝ้าเพดานมาตลอดฤดูฝน ถ้ารอให้ถึงฝนหน้าก็อาจต้องซ่อมฝ้าเพดานด้วย

มีต้นไม้ยืนต้นตายก่อนเรามาอยู่สองต้น และมีอีกสองต้นที่กิ่งใหญ่ของมันพาดผ่านหลังคา กิ่งลิ้นจี่ แม้ไม่เปราะนัก แต่ถ้ามีพายุ ก็อาจหักลงมาได้

เอาละ หาคนมาจัดการ ตัดเท่าที่จำเป็นก่อน ส่วนที่เหลืออีกราวสิบต้น เราปล่อยให้มันแผ่ร่มเงาตามสะดวก

เรามีต้นลิ้นจี่รุ่นปู่ทั้งหมด 14 ต้น เป็นลิ้นจี่ที่แทบไม่ได้รับการตัดแต่งกิ่งเลย ฉันเห็นด้วยกับคนตัดต้นไม้ว่าเราควรแต่งกิ่งทุกต้น ตัดแบบให้แตกใหม่ครึ่งต้น แต่นั่น นอกจากจะร้อนไปราวสองปี ยังหมายถึงเราต้องใช้เงินก้อนใหญ่กับการตัดต้นไม้

ฉันเลือกตัดเท่าที่จำเป็น แล้วค่อยทยอยตัดเพิ่มปีละ 4-5 ต้น กว่าจะได้ตัดต้นสุดท้าย ต้นไม้ต้นแรกที่แต่งกิ่งก็แตกทรงพุ่มใหม่สวยงาม ด้วยวิธีนี้ นอกจากได้เก็บเงิน เรายังได้เก็บความร่มเย็นไว้ด้วย

สุดท้าย เรากัดฟันจัดการกับสระบัว ทำความสะอาด แล้วให้ช่างประปามาทำน้ำพุสองจุด เพื่อเพิ่มออกซิเจนให้น้ำ

ตอนนี้บ้านของเราจึงมีเสียงน้ำ ซึ่งฉันนั่งฟังมาราว 10 นาที ไม่น่าเชื่อว่าเสียงน้ำช่วยให้รู้สึกได้ง่ายๆ ว่าวันนี้จะเป็นวันที่ดี

 

มื้อเช้าเรามีโจ๊ก ฉันเคี่ยวซุปไว้ตั้งแต่วานเย็น ใช้กระดูกหมู หัวหอมทั้งลูก และหัวผักกาด เคี่ยวไฟอ่อนอยู่หนึ่งชั่วโมง โดยใส่เกลือหิมาลายันลงหม้อไปนิดหน่อย

โจ๊กอร่อยหาซื้อยาก เราต้องทำเอง เช่นเดียวกับช่างฝีมือดี มีความรับผิดชอบ ซึ่งตอนนี้เราควานหาตัวพวกเขาได้ครบทุกช่าง จากที่เราไม่รู้จักแม้แต่ช่างเดียว

ตอนนี้ฉันไม่กลัวอีกแล้ว ตรงส่วนไหนของบ้านจะพัง หรือปั๊มน้ำเสีย เพราะมือถือของฉัน มีเบอร์โทรศัพท์ของช่างให้อุ่นใจ

“ไม่แน่นะ อีกหน่อยเราอาจรับดูแลซ่อมแซมบ้านแบบครบวงจร ราคามิตรภาพ ช่างฝีมือดี” ฉันบอกเขา

“ตอนนี้เรามีเบอร์ช่างเยอะ แต่อย่าทำเลยนะ ไม่น่าจะสนุก” เขาว่า

ฉันหัวเราะ “เป็นชมพูการช่างให้บ้านตัวเองก็พอโนะ เอาเวลาที่เหลือมาทำกับข้าวดีกว่า”

ความคิดเรื่องน้ำพุมาจากเขา ตอนแรกฉันลังเล เพราะไม่อยากเสียเงินอีก ทั้งไม่แน่ใจว่าจำเป็น แต่ครั้นมันเสร็จ ฉันก็ตระหนักว่า เสียงน้ำที่เคลื่อนไหวนี่ละ ที่จะมอบพลังงานดีๆ ให้ฉันทุกวัน

เขาสมควรได้รับรางวัลเป็นโจ๊ก เขาชอบมาก ถามฉันก็หลายหน เมื่อไรจะได้กินโจ๊ก

วันนี้ไงล่ะ อากาศเย็นลงมาก คล้ายฤดูหนาวกำลังมา

 

บนเตามีหม้อต้มข้าว ฉันใส่ข้าวเหนียวลงไปนิดหน่อย ใช้น้ำซุปที่เคี่ยวไว้เมื่อคืน เคี่ยวข้าวด้วยไฟอ่อนไปเรื่อยๆ กระทั่งข้าวเละและข้นมาก จึงค่อยใส่หมูสับ หมักไว้เมื่อคืนเหมือนกัน ด้วยซีอิ๊วขาว พริกไทย และน้ำมันงา ใส่หมูสับลงไปทีละน้อย แล้วคนให้หมูสุก เติมเกลือลงหม้อ เสร็จแล้วฉันก็ปิดเตา

น้ำซุปที่เคี่ยวด้วยกระดูก หอมหัวใหญ่ และหัวผักกาด ทำให้โจ๊กมีรสชาติดีมาก ไม่ต้องชิมฉันก็แน่ใจ

ซอยขิงรอไว้แล้ว ต้นหอมผักชีก็ด้วย ตอนนี้เหลือแต่ทอดหมี่ขาว ซึ่งถือเป็นเสน่ห์ของโจ๊ก ใช้น้ำมันร้อนจัด ใส่หมี่ขาวแบบดิบลงไปทีละน้อย หมี่จะฟูอย่างเร็ว รีบตักขึ้นมาพัก

ตักโจ๊กใส่ชามดิน โรยพริกไทย ต้นหอมผั-กชี ขิงซอย และหมี่ขาวทอด

บนโต๊ะมีขวดซีอิ๊วขาว พริกแช่น้ำส้ม เผื่อว่าอยากจะเติม

ฉันชอบตักโจ๊กในถ้วยเล็ก กินหมดค่อยตักใหม่ เพราะจะได้กินโจ๊กหลายๆ แบบ ใส่ไข่ถ้วยหนึ่ง ไม่ใส่ไข่ถ้วยหนึ่ง หรือไม่ก็ปรุงถ้วยหนึ่ง ไม่ปรุงถ้วยหนึ่ง ถ้ามีถ้วยที่สาม ฉันมักแอบใส่พริกป่น ซึ่งไม่มีใครทำกันหรอก แต่ฉันชอบ

“ไม่ได้กินโจ๊กนานมาก” เขาว่า

“มันไม่หนาวอ่ะ” ฉันแก้ตัว จริงๆ ก็คือ ถ้าให้เลือกระหว่างข้าวต้มกับโจ๊ก ฉันเลือกข้าวต้ม

กับเขานั้นไม่ใช่

โจ๊กไม่อาจแทนข้าวต้ม และข้าวต้มก็ไม่ใช่โจ๊ก

ตักถ้วยที่สองให้เขา ตอกไข่ออนเซ็นลงไปฟองหนึ่ง “กินเร็วจัง”

เขายิ้ม “ลูกจีน กินร้อนเก่ง”

เห็นเขากินอร่อย ฉันก็รู้สึกผิด ถ้าเขาชอบ ฉันควรทำบ่อยๆ มันเป็นอาหารพื้นๆ ที่ต้องการความใส่ใจ

และความใส่ใจนั่นละ ที่ในตลาดไม่มีขาย