วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู /เสถียร จันทิมาธร /เหตุไฉน ต้องช่วย ถิงเซิง (15)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู/เสถียร จันทิมาธร

เหตุไฉน ต้องช่วย ถิงเซิง (15)

 

คํามั่นที่ว่า “ข้าต้องหาวิธีพาเจ้าออกมาให้ได้” อันออกจากปากเหมยฉางซู คนที่ตื่นตกใจที่สุดกลับเป็นจิ้งหวัง เซียวจิ่งเหยียน เพราะมีความชัดเจนในฐานะของเด็กคนนี้

จึงยิ่งชัดเจนถึงความยุ่งยากในการพาถิงเซิงออกมาจากเรือนขังไพร่

หลายปีที่ผ่านมา เซียวจิ่งเหยียนซึ่งเป็นถึงองค์ชาย ไม่ว่าใช้ความพยายามเพียงไหนก็ยังไม่อาจบรรลุเป้าหมายที่จะพาถิงเซิงออกมาเลี้ยงดูในวังตัวเองได้ แล้วชายหนุ่มคนนี้ซึ่งเป็นเพียงสหายสนิทคนหนึ่งของคุณชายใหญ่ เซียวจิ่งรุ่ยแห่งจวนหนิงกั๋วโหว

ต่อให้เซียวจิ่งรุ่ยช่วยอีกแรง เกรงว่ายังคงไม่เกิดประโยชน์ ทำให้ถิงเซิงต้องผิดหวัง ต้องผิดหวังอีกครั้งเปล่าๆ

“ท่านซูคงเป็นผู้มีจิตใจเมตตาทนดูเด็กน้อยถูกทารุณมิได้” จิ้งหวังกล่าวด้วยน้ำเสียงอันชืดชา

“แต่คนในเรือนขังไพร่จำเป็นต้องได้รับพระราชทานอภัยโทษจากองค์จักรพรรดิจึงสามารถออกมาได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายดายอย่างที่ท่านคิด ท่านซูเข้าใจว่าคำพูดประโยคเดียวของหนิงกั๋วโหวก็ใช้ได้แล้วหรือ”

แท้จริงแล้วเหมยฉางซูเองก็เข้าใจดังที่อธิบายต่อเซียวจิ่งรุ่ย

“จิ้งหวังกล่าวถูกต้อง ทุกคนในเรือนขังไพร่ล้วนมีโทษทัณฑ์ของตัวเอง ไม่ง่ายเหมือนที่ท่านเห็นใครบนท้องถนนแล้วนึกสงสารก็ซื้อกลับมา เรื่องนี้อย่าได้พูดกับโหวเยเด็ดขาด แล้วห้ามเอ่ยถึงเรื่องนี้กับใครก็ตาม เข้าใจหรือไม่”

 

หากเซียวจิ่งรุ่ยไม่เข้าใจผิด “ท่านไม่อยากให้พวกเราช่วยแล้วท่านจะช่วยเขาได้ยังไง หรือคิดจะไหว้วานรัชทายาทกับอวี้หวัง”

คงไม่เป็นเหตุให้บานปลาย

จิ้งหวังเลิกคิ้วทันใด ดวงตาสาดประกายคมกริบดั่งมีดดาบขึ้นมาวูบหนึ่ง เอ่ยเสียงเย็นยะเยียบว่า “ที่แท้ท่านซู สนิทสนมกับทั้งรัชทายาทและหวี้หวัง ข้ากลับเสียมารยาทแล้ว”

เหมยฉางซูชำเลืองเขาแวบหนึ่ง มิได้นำพาใส่ใจ ยังคงพูดกับเซียวจิ่งรุ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“จิ่งรุ่ย ท่านเชื่อข้า มีเพียงภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ ข้าถึงยิ่งมั่นใจว่าจะช่วยถิงเซิงออกมาได้ บุตรของไพร่ที่มีความผิดติดตัวเช่นเขา ยิ่งคนที่มีฐานันดรสูงศักดิ์ไปขอพระราชทานอภัยโทษ ฝ่าบาทยิ่งทรงคลางแคลง หากมิใช่เพราะเหตุนี้จิ้งหวังคงช่วยเขาออกมานานแล้ว

ท่านรับปากข้า ขอให้ทำเป็นไม่เคยรู้เรื่องนี้ ต่อไปอย่าได้เอ่ยถึงอีก ได้หรือไม่”

เมื่อเซียวจิ่งรุ่ยจำเป็นต้องจากไปเพราะโหวเยกลับมาถึงจวน เหมยฉางซูจึงหันไปพูด “จิ้งหวัง ใช่ยินดีอยู่ต่อสักครู่หรือไม่ เกี่ยวกับถิงเซิงยังมีบางเรื่องคิดสอบถาม”

แววตาของจิ้งหวังเป็นประกาย ไม่แน่ใจว่าชายหนุ่มขี้โรคท่าทางประหลาดคนนี้เป็นใครกันแน่

 

“ไห่เยี่ยน” บรรยายฉากตอนนี้ตามสำนวนแปล ลีหลินลี่ ว่า เจ้าของบ้าน (หมายถึงเซียวจิ่งรุ่ย) คล้อยหลังไป 2 คนซึ่งยังรั้งอยู่ในลานสวนกลับมิได้เปิดการสนทนาในทันที

จิ้งหวังพินิจคนบนเก้าอี้ยาวใต้ต้นไม้ด้วยใบหน้าเย็นชา แสดงออกถึงความระแวงเต็มเปี่ยม

เทียบกับจิ้งหวังแล้วท่าทีของเหมยฉางซูกลับผ่อนคลายกว่ามาก ทางหนึ่ง หันสั่งเฟยหลิวให้ออกไปนอกลานสวน ทางหนึ่ง เลือกหนังสือเล่มหนึ่งออกมา ไล่ให้ถิงเซิงไปนั่งอ่านตรงมุมหนึ่งในสวน จากนั้นค่อยเคลื่อนย้ายสายตามาที่ร่างขององค์ชายท่านนั้นพร้อมกับรอยยิ้มเจือจาง

“จิ้งหวังแม้มีความรู้สึกไม่ดีต่อกระหม่อมก็ไม่จำเป็นต้องแสดงออกชัดเจนเช่นนั้น อย่างน้อยตอนนี้องค์ชายกับกระหม่อมก็มีเป้าหมายเดียวกัน คือช่วยถิงเซิง”

“นี่คือสิ่งที่ข้าประหลาดใจ” แววตาจิ้งหวังทอประกายสงสัยเต็มเปี่ยม “ท่านไฉนต้องทุ่มเทเพื่อช่วยเหลือถิงเซิงปานนี้ หรือเพราะแค่เห็นใจ”

“แน่นอน ไม่ใช่เท่านี้”

เหมยฉางซูหันไปมองเงาร่างผอมบางซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือแวบหนึ่ง แววตาทอประกายอ่อนโยนถึงที่สุด

“เขามีคุณสมบัติดีมาก กระหม่อมอยากรับไว้เป็นนักเรียน”

“ในโลกนี้มีเด็กที่คุณสมบัติ กว่าเขามากมายก่ายกอง อาศัยสหายที่ท่านคบหาหลายคนนี้ทั้งคุณชายจวนหนิงกั๋วโหว รัชทายาท อวี้หวัง นักเรียนคุณสมบัติดีเด่นปานใดหรือจะหาไม่ได้”

“แล้วองค์ชายเป็นเพราะอะไรจึงคอยปกป้องถิงเซิงเล่า” เหมยฉางซูย้อนถาม

“องค์ชายผู้สูงศักดิ์องค์หนึ่งถึงกับบุกจวนหนิงกั๋วโหวเพื่อบ่าวไพร่ตัวเล็กๆ คนหนึ่ง เกรงว่าคงไม่ใช่เพราะแค่ความเห็นใจกระมัง”

การโต้ตอบระหว่างจิ้งหวัง เซียวจิ่งเหยียน กับเหมายฉางซูทรงความหมายยิ่ง

 

เหตุผลที่จิ้งหวัง เซียวจิ่งเหยียน อ้างต่อเหมยฉางซูก็คือ “ข้าชมชอบมารดาของถิงเซิง นี่เรียกว่ารักแม่พานให้รักลูก”

“เป็นความจริงที่ท่านรักแม่พานให้รักลูก แต่ต้องมิใช่เพราะมารดาของเขา”

เหมยฉางซูปิดเปลือกตาลงมาเล็กน้อย ใบหน้าราวกับสวมใส่หน้ากากใบหนึ่ง ปราศจากอารมณ์ใดๆ

“แต่เป็นบิดาของเขา”

จิ้งหวังสะท้านเฮือกทั้งตัว กล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุกขึ้นลงอย่างห้ามไม่อยู่ 2 มือที่ตกห้อยข้างกายกำแน่น