จิตต์สุภา ฉิน : “สปาเสมือนจริง” อนาคตแห่งความผ่อนคลาย

จิตต์สุภา ฉินFacebook.com/JitsupaChin

ในขณะที่ฉันกำลังนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่ตอนนี้ มือข้างหนึ่งก็พิมพ์ดีดก๊อกๆ แก๊กๆ เพื่อให้มืออีกข้างข้ามไปนวดคลึงเฟ้นบ่าไหล่ที่ปวดเมื่อยจากการยกของย้ายออฟฟิศมาทั้งวัน

ใจก็พาลหลุดลอยไปนึกถึงว่าจะดีสักแค่ไหนกันนะถ้าตอนนี้ฉันกำลังนอนอยู่บนเตียงสปาที่ภายในห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นอโรมาหอมๆ เสียงเพลงบรรเลงเพราะๆ และมีคนกดนวดตามจุดต่างๆ ของร่างกายให้

อันที่จริงแค่นึกจินตนาการถึงสัมผัสของนิ้วมือที่กรีดลงตามจุดที่เมื่อยล้าต่างๆ ก็ทำให้ฉันรู้สึกสดชื่นขึ้นมาได้นิดหนึ่งแล้ว

แต่ในยุคที่เทคโนโลยีเสมือนจริง หรือ Virtual Reality เก่งกาจขึ้นทุกวัน ก็ไม่รู้ว่าจะแค่นึกวาดฝันให้อยู่ในหัวไปเฉยๆ ทำไม ในเมื่อความจริงเสมือนทั้งหมดเหล่านั้นสามารถถูกสร้างขึ้นมาได้ให้อยู่ในรูปแบบสามมิติ เพื่อที่ตาของเราจะได้มองเห็น ในขณะที่หูฟังเสียงบรรยากาศแวดล้อมไปด้วยได้

สิ่งนั้นก็คือ Virtual reality spa หรือสปาเสมือนจริงค่ะ

 

สปาเสมือนจริงก็คือการที่เราสวมอุปกรณ์สวมศีรษะแสดงภาพเสมือนจริง ให้สิ่งที่เราเห็นอยู่ตรงหน้าคือภาพวิวทิวทัศน์ที่ผ่อนคลาย ไม่ว่าจะเป็นสวนสีเขียวขจี มุมมองเงยหน้ามองท้องฟ้าแล้วเห็นกิ่งก้านสาขาของต้นไม้ใหญ่ที่แผ่เข้ามาแซมอยู่ทั้งซ้ายและขวา ภาพวิวนอกหน้าต่างของทะเลทรายที่มีคลื่นเป็นริ้วๆ สวยงามหยอกล้อกับท้องฟ้าสีอำพันในยามพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน

ในขณะที่ตัวเราเองก็แวดล้อมไปด้วยสระว่ายน้ำส่วนตัวในห้องพัก

ไม่ใช่แค่ตาเท่านั้น แต่เราสามารถใช้ทุกสัมผัสได้ครบถ้วน หูจะได้ยินเสียงเพลงธรรมชาติของลมและฝนที่เข้ากับภาพบรรยากาศรอบๆ ตัว หรือจะเลือกเป็นเสียงเพราะๆ ของใครสักคนที่มากระซิบข้างหูเพื่อนำให้เราหายใจเข้า หายใจออก ทำสมาธิให้จิตใจโปร่งใส พัดลมที่พัดเอื่อยๆ จำลองลมอ่อนๆ ที่มาปะทะเข้ากับใบหน้า และก็ยังนำพากลิ่นหอมธรรมชาติของน้ำมันหอมสกัดให้มาหยอกล้อที่ปลายจมูก

ทั้งหมดนี้ตบท้ายด้วยแรงสั่นสะเทือนเบาๆ ไล่จากหัวลงไปถึงเท้าของเก้าอี้นวดอัตโนมัติที่เรานั่งอยู่

 

สิ่งนี้ก็คือประสบการณ์สปาเสมือนจริง ที่มีให้บริการแล้วจริงภายใต้ชื่อ Relax VR ที่ลูกค้าในลอสแองเจลิสสามารถเข้าไปพักผ่อนสมองและจิตใจได้ภายในเวลา 30 นาที

สั้นพอที่พนักงานบริษัทจะสามารถดอดไปทำได้ภายในช่วงเวลาพักเที่ยง เคลียร์สมองให้แจ่มใส

แล้วกลับไปทำงานต่อในช่วงบ่ายได้พร้อมความกระปรี้กระเปร่าที่ชาร์จมาแล้วอย่างเต็มที่

นอกจากความได้เปรียบเรื่องการเข้า-ออกที่รวดเร็วแล้ว ลูกค้าที่เคยใช้บริการสปาเสมือนจริงก็บอกว่า เวลาเข้าไปในโลกเสมือนจริงปุ๊บ สิ่งที่พวกเขาคิดไม่ใช่การมานั่งจ้อว่าอะไรเหมือนจริงมากน้อยแค่ไหน แต่ทันทีที่สวมอุปกรณ์สวมศีรษะเข้าไปและเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า เราก็จะเพลิดเพลินไปกับการนั่งมองตามผีเสื้อสะบัดปีกบินผ่านไป

หรือมองทรายที่สะท้อนแสงอาทิตย์อยู่บนชายหาด ผลลัพธ์ที่ได้ทำให้สามารถพักผ่อนได้ลึกกว่าการไปนวดจริงๆ ด้วยซ้ำ

Relax VR เป็นบริษัทที่ตั้งอยู่ในซานฟรานซิสโก Sourabh Jain ผู้ก่อตั้ง มีประสบการณ์ในการฝึกโยคะและทำสมาธิ เขาได้รับแรงบันดาลใจในการทำสปาเสมือนจริงมาจากการได้ทดลองใช้ VR ครั้งแรก

ซึ่งเป็น VR ที่จำลองโลกใต้น้ำและเรือที่จมอยู่บนพื้นบาดาล

วินาทีที่ได้เห็นภาพจำลองเหล่านั้นก็ทำให้เขารู้สึกว่านี่คือเทคโนโลยีที่มีศักยภาพมากพอที่จะช่วยให้คนสามารถผ่อนคลายได้

ก็เลยนำไปต่อยอดเป็นธุรกิจสปาเสมือนจริงในที่สุด

 

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและเซาเธิร์น แคลิฟอร์เนีย เคยทำการศึกษาและพบว่าเทคโนโลยี VR สามารถช่วยทำให้สุขภาพใจของผู้ใช้ดีขึ้นได้จริง

ส่วนจะช่วยได้มากน้อยแค่ไหนก็จะขึ้นอยู่กับความสมจริงด้วย ดังนั้นถ้าหากสปาเสมือนจริงสามารถทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ในสวนสไตล์ญี่ปุ่นและมองไปที่ฝูงปลาคาร์พที่กำลังแหวกว่ายไปมาอยู่ในบ่อได้ก็จะยิ่งทำให้ความผ่อนคลายเพิ่มมากขึ้นได้ด้วย

ส่วนผลวิจัยของ Relax VR เองก็พบว่าเทคโนโลยีของบริษัทช่วยลดระดับความวิตกกังวลและอารมณ์ด้านลบของคนที่ได้ลองใช้งานลงได้ ยิ่งเมื่อผสมผสานเข้ากับเทคนิคการทำสมาธิและการจัดการความเครียดแล้วก็ทำให้เห็นผลชัดขึ้น

แต่ก็อาจจะเร็วเกินไปที่จะสามารถบอกได้ว่าสปาเสมือนจริงจะมีผลในการรักษาโรคทางใจได้

ในตอนนี้ประโยชน์ของมันอาจจะอยู่แค่การทำให้ผู้ใช้รู้สึกผ่อนคลายจากความเครียดได้ในช่วงเวลาที่ใช้มากกว่า

ในขณะที่ก็มีความเป็นห่วงว่า ถ้าหากใช้มากเกินไป อาจจะกลายเป็นการปล่อยให้ตัวเองหมกมุ่นอยู่กับการฝันกลางวันจนดึงตัวเองออกมาจากโลกเสมือนเพื่อกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงไม่ได้

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนกับว่าสปาเสมือนจริงถ้าหากใช้ในปริมาณที่เหมาะสมก็น่าจะสามารถช่วยให้เราจัดการความเครียดที่ต้องเผชิญในแต่ละวันได้ดีขึ้น โดยที่ใช้เวลาไม่นานและต้นทุนไม่เยอะ ซึ่งก็น่าจะเป็นคำถามว่าในที่สุดแล้วจะกระทบกับธุรกิจสปาแค่ไหน

แต่ในข้อมูลที่มีตอนนี้คือ บริษัท Relax VR ยังเน้นขายโปรแกรมการทำสปาเสมือนจริงนี้ให้กับสปาต่างๆ เพื่อนำไปใช้ให้บริการลูกค้าได้รอบด้านขึ้นและลดต้นทุนในการบริการได้

อาจจะเหมาะสำหรับลูกค้ากลุ่มมิลเลเนียมที่ขลุกอยู่กับเทคโนโลยีทั้งวันจนกายและใจตึงเครียด ก็สามารถแวะเข้าไปใช้บริการผ่อนคลายด้วยตัวเองได้ภายในเวลาสั้นๆ

เสร็จเมื่อไหร่ก็กลับออกไปทำงานต่อได้เลย ไม่จำเป็นต้องถอดเสื้อผ้าเปลี่ยนเป็นชุดนวด หรืออาบน้ำล้างน้ำมันออกจากตัว

(ส่วนนี่จะเป็นการใช้เทคโนโลยีหนึ่งเพื่อมาแก้ปัญหาที่เกิดจากการใช้อีกเทคโนโลยีหนึ่งหรือไม่นั้นไว้ค่อยว่ากันอีกที)

 

สําหรับตัวฉันเองก็ไม่เกลียดเลยที่จะมีสปา VR แบบนี้มาอยู่ใกล้ๆ ตัวสักเครื่อง

การมีชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่ที่รอบตัวมีแต่สิ่งก่อสร้างและต้นไม้ที่บางตาจนแทบจะหาไม่เจอ การจะหยุดพักจากความเครียดของการทำงานแล้วออกไปเดินเล่นพักสายตาท่ามกลางธรรมชาติเพื่อที่จะต้องกลับมาทำงานให้ทันภายในครึ่งชั่วโมงเป็นสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

ดังนั้น การใช้เทคโนโลยีเสมือนจริงเพื่อสร้างความรู้สึกให้ตัวเองเชื่อว่าเราหนีออกจากโลกแห่งการทำงานที่ตึงเครียดและไปนั่งฟังเสียงน้ำไหลเอื่อยๆ อยู่ริมแม่น้ำแค่สักครึ่งชั่วโมง

ก็น่าจะดีกว่าการไม่ได้ทำอะไรเลยไม่ใช่หรือ