วิเคราะห์ | ปรากฏการณ์ “แผ่นดินของเรา” เจาะ “เบื้องลึก-เบื้องหลัง-เครือข่าย” ฐานกำลัง “บิ๊กแดง”

ผ่านไปแล้วสำหรับอีกงานใหญ่ของกองทัพบก นั่นคือการบรรยายพิเศษโดย “บิ๊กแดง – พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์” ผบ.ทบ. หลังซุ่มเขียนบทความเชิงวิทยานิพนธ์มานานกว่า 3 เดือน จนตกผลึกจัดทอล์กเดี่ยวด้วยตนเอง กินเวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที ในหัวข้อ “แผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง”

งานนี้ได้เชิญบุคคลภายนอกมาร่วมฟังเต็มหอประชุมกิตติขจร บก.ทบ. ราชดำเนิน โดยมีเซเลบการเมือง ดารา-นักแสดง รวมทั้งคอลัมนิสต์ มารับฟังคับคั่ง

ได้แก่ “2 นก” สินจัย-ฉัตรชัย เปล่งพานิช “ดี้” นิติพงษ์ ห่อนาค “เฮียชู” ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เทพชัย หย่อง “ปอง” อัญชะลี ไพรีรัก “ต้อย” สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม “เป๊ปซี่” เสริมสุข กษิติประดิษฐ์ และสมชาย แสวงการ เป็นต้น

ส่วนที่ ทบ.ส่งเทียบเชิญไป แต่ไม่ได้มาร่วมงาน ก็มีอาทิ “โจ นูโว” จิรายุส วรรธนะสิน และ ดร.เสรี วงษ์มณฑา

แต่งานนี้มี “คนงอน” เพราะไม่ได้รับเชิญ คือ “จอห์น” วิญญู วงศ์สุรวัฒน์ ซึ่งทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์แสดงอาการงอนในลักษณะทีเล่น

ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า “จอห์น วิญญู” คือหนึ่งในไอดอลคนรุ่นใหม่ที่ “บิ๊กแดง” ให้ความสนใจ จึงอยากเชิญมาพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นถึงภารกิจของกองทัพ แต่ไม่ต้องมาเชียร์ทหาร เพื่อนำไปสร้างความเข้าใจกับคนรุ่นใหม่

หากมองกว้างๆ แขกที่มาร่วมงานบรรยายพิเศษของ ผบ.ทบ. ดูเหมือนจะเป็น “กองหนุนลุงตู่-ลุงแดง” ทั้งนั้น

อย่างไรก็ดี ในงานยังได้เชิญสื่อไทยและต่างประเทศมารับฟังด้วย หนึ่งในนั้นคือ “โจนาธาน เฮด” ผู้สื่อข่าวบีบีซีประจำประเทศไทย

พร้อมกันนี้ได้เชิญนิสิต นักศึกษา นักเรียน และประชาชนรอบ บก.ทบ. มาร่วมฟังการบรรยายเช่นกัน

ก่อนเริ่มงาน “บิ๊กแดง” ออกตัวก่อนเลยว่าพูดไม่ค่อยเก่ง โดยเบื้องหลังการบรรยายครั้งนี้ ผบ.ทบ.แอบซุ่มทำการบ้านเตรียมตัวมาพอสมควร ทั้งการเตรียมบทพูดต่างๆ

รวมทั้งให้ลูกน้องไปหาภาพข่าวคุณพ่อ “บิ๊กจ๊อด-พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์” อดีต ผบ.ทหารสูงสุด สมัยถูกยิงเมื่อครั้งต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ที่จังหวัดราชบุรี ปี 2515

มีรายงานว่า “บิ๊กแดง” ซักซ้อมบนเวทีหอประชุมจนถึงตี 2 ก่อนเริ่มงานจริงช่วง 10 โมงเช้า วันที่ 11 ตุลาคม เพื่อจัดลำดับภาพ ข้อมูล และเสียงดนตรีประกอบ

“ผมเป็นคนพูดไม่ค่อยเก่ง อาจพูดในที่ประชุม สั่งการลูกน้อง แต่พอกลับบ้านก็ไม่ค่อยได้พูด เพราะต้องฟังแต่ภรรยาพูด ไม่มีโอกาสได้พูดมากนัก วันนี้โอกาสดีที่ภรรยาได้มาฟังผมด้วย และผมไม่เคยบรรยายพิเศษแบบนี้มาก่อน นี่เป็นครั้งแรกของผม อาจซ้อมน้อยไปหน่อย” พล.อ.อภิรัชต์กล่าว

ทั้งนี้ “ดร.อ้อ-รศ.กฤษติกา คงสมพงษ์” นายกสมาคมแม่บ้าน ทบ. ก็ได้นำคณะแม่บ้านกองทัพบกมารับฟังด้วย โดยนั่งอยู่ด้านหน้าติดเวทีเคียงข้าง “2 นก” แห่งครอบครัวเปล่งพานิช ในระยะสายตาที่ “บิ๊กแดง” สามารถมองเห็น

แน่นอนว่าหลังจบการบรรยาย มี “คนเดือดร้อน” เพียบ ตามที่ “บิ๊กแดง” เปรยไว้

โดยเฉพาะพรรคอนาคตใหม่ ที่แม้ ผบ.ทบ.จะไม่ได้ระบุชื่อคนและพรรค แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าพรรคตกเป็นเป้าหมายการโจมตีหลักในหอประชุมกิตติขจร

ทั้งประเด็น “เงาปริศนา” ที่ถ่ายภาพคู่กับ “โจชัว หว่อง” แกนนำม็อบฮ่องกง ทำให้ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ต้องออกแถลงการณ์แจงที่มาที่ไปของภาพนั้นทันที (หลังถูกทางการจีนและ “บิ๊กแดง” นำรูปดังกล่าวมาวิจารณ์พร้อมๆ กัน)

จากนั้น “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เลขาธิการพรรค ก็ท้าชนเปิดเวทีบรรยายด้วยหัวข้อที่ล้อไปกับของ “บิ๊กแดง” คือ “แผ่นดินของเราในมุมมองประชาธิปไตย : บทบาทของประชาชนในการสร้างชาติ” ที่พรรคอนาคตใหม่ ในวันที่ 12 ตุลาคม

การที่ “บิ๊กแดง” คำรามผ่านเวทีไม่ใช่เรื่องเกินคาดนัก เพราะที่ผ่านมา ผบ.ทบ.เคยส่งสัญญาณเช่นนี้มาแล้วตั้งแต่ต้นปี 2562 ที่โต้กลุ่มคนอยากเลือกตั้งว่า “อย่าล้ำเส้น”

ต่อมา ช่วงต้นเดือนเมษายนก็ได้ออกมาซัดคนที่ไปเรียนต่างประเทศแล้วมีแนวคิดจะมาเปลี่ยนแปลงการปกครองว่าเป็นพวก “ซ้ายจัด ดัดจริต” รวมทั้งตอบโต้พรรคเพื่อไทยที่หาเสียงผ่านนโยบายจะตัดงบฯ กองทัพ-ยกเลิกเกณฑ์ทหารว่าให้ไปฟังเพลง “หนักแผ่นดิน”

สำหรับการขึ้นเวทีบรรยายพิเศษครั้งล่าสุด วาทะเดิมๆ ได้ย้อนหวนกลับมาทั้งหมด และถูกเพิ่มเติมด้วยวาทะใหม่ๆ เช่น ชอบอ้าง 2475 มาชี้นำ, ผึ้งแตกรัง, ลูกพี่ใหญ่หนีไปต่างประเทศ, พวกฮ่องเต้ซินโดรม, ชักศึกเข้าบ้าน และล้างสมองคนรุ่นใหม่ เป็นต้น

พล.อ.อภิรัชต์ได้แบ่งนักการเมืองออกเป็นกลุ่มๆ ดังคำบรรยายที่ว่า

“พวกนักวิชาการ อาจารย์บางคน ที่คบคิดกับพวกคอมมิวนิสต์เดิม เป็นมาสเตอร์มายด์ เป็นคลังสมอง ร่วมกับนักเรียนนอก ซ้ายจัด ดัดจริต ไปเรียนในประเทศที่เคยล่าอาณานิคม อบรมสั่งสอน ไร้จรรยาบรรณ ชอบอ้างตัวเลข 2475 เป็นตัวชี้นำ อ้างว่าตัวเองเป็นประชาธิปไตย แต่มีวาทกรรมจาบจ้วง

“หรือจะเป็นนักการเมืองบางคน นึกถึงประโยชน์ส่วนตัวและพวก ไม่นึกถึงประโยชน์ประเทศ หรือนักการเมืองบางคนที่อยู่ในภาคใต้ เคยมาเกาะแข้งเกาะขาเพื่อนพ่อผม ตั้งพรรคการเมืองมา 20 ปี วันนี้กลับมาเป็นใหญ่เป็นโตอีกครั้ง กลับเอาเรื่องศาสนา การแบ่งแยกดินแดนมาหาเสียงในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้

“หรือจะเชื่อกลุ่มนักการเมือง ผึ้งแตกรัง ลูกพี่ใหญ่หนีไปต่างประเทศ หรือจะเชื่อนักธุรกิจ เจ้าของโรงงาน ที่เกิดมาคาบช้อนเงินช้อนทอง ชีวิตไม่เคยลำบาก พวกฮ่องเต้ซินโดรม เคยชุมนุมกับกลุ่มเผาบ้านเผาเมือง สมคบคิดกับชาวต่างชาติ ชักศึกเข้าบ้าน เจาะพฤติกรรมล้างสมองคนรุ่นใหม่ เป็นฐานให้ตัวเองเข้าสู่การเมือง มีพฤติกรรมล้มล้างชาติและสถาบัน

ทั้ง 3 กลุ่มนี้ไม่ผิด ถ้าจะขึ้นเป็นผู้นำประเทศ ไม่ใช่ไม่เคยมี แต่ขอให้เขาไม่มีพฤติกรรมล้มล้างสถาบัน ล้มล้างการปกครอง หาประโยชน์ส่วนตัว ก็เชิญมานำประเทศสู่ความเจริญ”

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในหอประชุมกิตติขจรถูกเทียบเคียงกับเหตุการณ์ “ขวาพิฆาตซ้าย” ในอดีต

รวมทั้งมีการวิเคราะห์ว่าเป็นการ “ตบเท้า” ของทหารที่มีนัยยะไม่อาจมองข้าม เพราะ “บิ๊กแดง” มี “สถานะสำคัญ” พ่วงอยู่ด้วย

นี่ยิ่งตอกย้ำสิ่งที่พรรคฝ่ายค้านต้องเผชิญ โดยเฉพาะพรรคอนาคตใหม่และ “ธนาธร” ที่มีชะตากรรมแขวนอยู่บนเส้นด้าย ส่วนพรรคเพื่อไทยยังคงอยู่ในสภาวะอาฟเตอร์ช็อกกับเหตุการณ์ “บิ๊กเซอร์ไพรส์” เมื่อต้นปี

หนึ่งในผู้ฟังของ “บิ๊กแดง” ที่ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กแสดงความรู้สึกแง่บวกคือ “ดี้ นิติพงษ์” ซึ่งได้จับมือและทักทาย ผบ.ทบ. ว่า “ขอเป็นกำลังใจให้นะเพื่อน”

โดยอดีตนักแต่งเพลงดังระบุว่า พล.อ.อภิรัชต์เป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกับตน ที่มีตำแหน่งหน้าที่ต้องรับผิดชอบบนบ่ามาก และบอกสังคมว่ากำลังเผชิญกับอะไร ตนมองเห็นความอึดอัดคับข้องใจของ “บิ๊กแดง” จึงรู้สึกเห็นใจ

ก่อนเริ่มบรรยาย “บิ๊กแดง” ได้กล่าวถึง “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” เพื่อนรัก โดยให้ไปถาม “ชูวิทย์” ว่าทำไมถึงเลิกเล่นการเมืองแล้ว

ก่อนหน้านี้ไม่นาน อดีตเจ้าพ่ออ่างก็เพิ่งเชิญ พล.อ.อภิรัชต์ไปเป็นประธานงานฉลองสมรสของ “เติม เติมตระกูล” ลูกชายของตน ตอกย้ำถึงความสัมพันธ์แนบแน่นกว่า 30 ปี

ระหว่างบรรยาย ผบ.ทบ.ยังกล่าวถึง “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” หรือ “อาเหลิม” ว่า ตนรู้จัก สนิทกัน ตั้งแต่รุ่นพ่อ (พล.อ.สุนทร) ที่ ร.ต.อ.เฉลิมและลูกต้องหนีไปต่างประเทศหลังรัฐประหาร 2534 นั้นลำบากแค่ไหน กว่าจะกลับมาไทยได้?

สายสัมพันธ์นี้ต้องย้อนไป 28 ปีก่อน สมัย รสช. ที่มี “บิ๊กจ๊อด” เป็นประธาน ทำรัฐประหารล้มรัฐบาล “น้าชาติ – พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ”

ขณะนั้น ร.ต.อ.เฉลิมเป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ จึงต้องลี้ภัยไปอยู่สิงคโปร์และเดนมาร์ก พร้อมครอบครัว ก่อนจะประสานขอกลับบ้านเกิดกับ “บิ๊กจ๊อด” และได้รับอนุญาต

นี่อาจเป็นสาเหตุที่ส่งผลให้อดีตสารวัตรประเทศไทยเลือกจะโลว์โปรไฟล์ตัวเองลงไปมากในช่วงหลายปีนี้

ทั้งหมดสะท้อนภาพ “เน็ตเวิร์ก-กองหนุน” ของ “บิ๊กแดง” ยังไม่นับรวมฐานเอฟซีที่ไม่ได้มาร่วมงานอีก เห็นได้จากการตั้งเพจ “เอฟซีบิ๊กแดง” บนโลกโซเชียล

นี่ถือเป็นการ “จัดตั้งมวลชน” ของ พล.อ.อภิรัชต์ ที่มากคอนเน็กชั่น และต้องจับตามองบทบาทในอนาคตของ ผบ.ทบ.ให้ดี

เพราะการขึ้นเวทีบรรยายครั้งนี้ถือเป็นเพียงการ “เปิดหน้าชน” ครั้งใหญ่ยกแรกๆ กับสถานการณ์บ้านเมืองที่ยังไม่นิ่งและอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน

เมื่อมีครั้งแรกแล้วย่อมมีรอบต่อไป ดังที่ “บิ๊กแดง” เกริ่นไว้บนเวที