วิเคราะห์ | ศึกงบประมาณ 2563! ทะลวงฟัน “รัฐบาล” ปลุก “ดงงูเห่า-ฟาร์มลิง”?

การอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ในกรอบวงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ที่เกิดขึ้น 17-19 ตุลาคม 2562 โดยฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายค้าน ฝ่ายละ 18 ชั่วโมง รวม 36 ชั่วโมง ส่วนการแถลงรายละเอียดงบประมาณของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ใช้เวลาอีก 2 ชั่วโมง รวมทั้งสิ้น 38 ชั่วโมง ขณะที่เวลาชี้แจงของคณะรัฐมนตรี 6 ชั่วโมง ถูกรวมอยู่ในโควต้า 18 ชั่วโมงของฝ่ายรัฐบาล

ด้วยเวลาที่มีจำกัดนี้เอง จึงทำให้ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านต้องใช้เวลาอย่างคุ้มค่าที่สุด

จึงมีการจัดวางกลยุทธ์ในแต่ละฝ่ายอย่างเข้มข้น

ทั้งนี้ สิ่งหนึ่งที่ถกเถียงมาตลอดทั้งสัปดาห์คือสถานะของพรรคไทยศรีวิไลย์และพรรคประชาธรรมไทยที่เคยประกาศเป็น “ฝ่ายค้านอิสระ” จะใช้สิทธิอภิปรายของฝั่งใดนั้น “วิรัช รัตนเศรษฐ” ประธานวิปรัฐบาล ระบุว่าให้อยู่ในโควต้าของรัฐบาล

เพราะไม่มีฝ่ายค้านอิสระ มีแต่ “ฝ่ายรัฐบาลอิสระ”

ในสภาวะ “สภาเสียงปริ่มน้ำ” เช่นนี้ทำให้มีการ “ตีรวน” ให้เกิดภาพร่าง พ.ร.บ.งบประมาณอาจไม่ผ่าน เพราะแพ้เสียงโหวตในสภา ถึงขั้นที่รัฐบาลจะมีเพียง 2 ทางเลือกคือ ลาออก หรือยุบสภา

แต่ในวงการการเมืองเป็นที่รู้กันว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณผ่านแน่นอน แต่จะผ่านด้วยเสียงเท่าใดนั้น เป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาลที่จะต้องไปหา “คะแนนเสียง” เหล่านั้นมา

โดยตัวแปรหลักหนึ่งก็คือ “พรรคเล็กๆ” นั่นเอง ที่มาร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะจาก 2 พรรค 2 คน ที่เคยประกาศเป็น “ฝ่ายค้านอิสระ” ไปแล้ว นั่นก็คือ “เต้” มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ และ “พิเชษฐ สถิรชวาล” หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย

ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวของพรรคเล็กเกิดขึ้นที่ทำเนียบตั้งแต่สัปดาห์ก่อน หลัง “เสี่ยติ่ง” สัมพันธ์ เลิศนุวัฒน์ หัวหน้าพรรคพลเมืองไทย ในฐานะที่ปรึกษารองนายกฯ (พล.อ.ประวิตร) และ “พิเชษฐ สถิรชวาล” ได้ปรากฏกายพร้อมกันที่ทำเนียบ

จึงทำให้เกิดการวิจารณ์ถึง “พลังงูเห่า” หรือไม่ ในการมาช่วยฝ่ายรัฐบาลยกโหวตร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ เพราะก่อนหน้านี้ “พิเชษฐ” เคยประกาศเป็นฝ่ายค้านอิสระไปแล้ว

ในสัปดาห์นี้ที่ทำเนียบ นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ได้ปรากฏตัวเช่นกัน โดย “นพ.ระวี” ออกมาระบุตรงกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ว่าพรรคเล็กไม่ได้พบและพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร โดย นพ.ระวีระบุว่า มาพบกับ “เสี่ยติ่ง สัมพันธ์” ซึ่งไม่ได้มาพูดคุยในเรื่องร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ แต่มาเพื่อขอให้ พล.อ.ประวิตรช่วยผลักดันนโยบายต่างๆ ของพรรคเล็ก

ซึ่ง นพ.ระวีก็เชื่อมั่นว่าพรรคเล็กจะโหวตไปในทางเดียวกันในการสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ โดยย้ำว่าไม่มีเงื่อนไขใดๆ พร้อมกันนี้ระบุว่า ไม่ทราบถึงกระแสข่าวพรรคฝ่ายค้านบางส่วนจะมายกโหวตร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ แต่มองว่าหากโหวตให้ก็จะถูกเรียกว่ากลุ่มงูเห่า พร้อมยืนยันว่าพรรคเล็กไม่ได้มีหน้าที่ช่วยรัฐบาลหางูเห่า

“ไม่ได้มีหน้าที่หางูเห่าให้ เพราะไม่ได้เป็นผู้เพาะฟาร์มงูเห่า มีแต่เพาะฟาร์มลิง” นพ.ระวีกล่าว

“ไม่ได้มีเงื่อนไข ถ้าจะเป็นเงื่อนไขก็คงจะกลายเป็นเรื่องลิงกินกล้วยไม่อิ่มสักที แต่ทางพรรคพลังธรรมใหม่มีฟาร์มกล้วยอยู่ที่บ้านแล้ว” นพ.ระวีกล่าว

ทั้งนี้ “พิเชษฐ” ออกมาระบุถึงกรณีที่ฝ่ายรัฐบาลให้เวลา 2 พรรคฝ่ายค้านอิสระ 20 นาทีในการอภิปรายว่า อย่างน้อยในอนาคตไม่ให้การทำการเมืองถูกโน้มน้าวไปทางใดทางหนึ่ง จึงเกิดคำถามต่อมาว่า 2 พรรคฝ่ายค้านอิสระจะยกโหวตร่าง พ.ร.บ.งบประมาณให้รัฐบาลหรือไม่ โดย “พิเชษฐ” ระบุว่า การใช้เวลาของรัฐบาลในการอภิปรายไม่ได้ผูกมัดว่าจะต้องเห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ

แม้จะถูกมองว่าเป็นการหักหลังกันก็ยอม เพราะทุกอย่างต้องยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก

ด้านพรรคพลังประชารัฐ ได้จัดติวเข้ม ส.ส.ในการประชุม ส.ส.พรรค เพื่อเตรียมความพร้อมในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ โดยมี “วิรัช รัตนเศรษฐ” ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค เป็นประธานในที่ประชุม ส.ส.พรรค โดยมีตัวแทนสำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง มาชี้แจงและให้ข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมแก่ ส.ส.ด้วย ซึ่ง “วิรัช” ได้เปิดเผยว่า นายกฯ เปิดโอกาสให้ ส.ส.ในสภาได้อภิปรายอย่างเต็มที่ และสั่งให้รัฐบาลพร้อมรับข้อสังเกตของฝ่ายค้านไปพิจารณาด้วย

ฟากฝั่งพรรคฝ่ายค้านนำโดยพรรคเพื่อไทยได้ตั้ง “12 หมู่ทะลวงฟัน” หรือ “นายหมู่” ขึ้นมา ทั้งนี้ “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ได้ซักซ้อมขุนพลเพื่อมาอภิปราย พ.ร.บ.งบประมาณในสภาโดยชี้ถึงหัวใจหลักของการอภิปรายการจัดงบประมาณครั้งนี้ไม่สามารถตอบโจทย์การแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศได้

ทั้งนี้ “สุทิน คลังแสง” ประธานวิปฝ่ายค้าน ได้ระบุถึงภาพรวมการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 4 ประเด็นหลักคือ การใช้งบฯ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนหรือไม่ แก้ปัญหาตอบโจทย์ประเทศได้สูงสุดหรือไม่ ใช้งบประมาณได้ถูกต้องตามระเบียบหรือไม่ และจัดงบประมาณมีความโปร่งใสถูกต้องหรือไม่

โดยรูปแบบการอภิปรายจะใช้วิธีแบบ “ลูกเสือ” เริ่มจากมีผู้อภิปรายทั่วไปก่อน จากนั้น “นายหมู่” จะเป็นผู้เติมเต็มสรุปข้อมูลเป็นบางช่วง

ส่วนพรรคอนาคตใหม่ได้จัดมือทะลวงร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ โดย “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้ระบุถึงจุดบกพร่องในการจัดสรรงบประมาณของรัฐบาลที่มีความผิดพลาด ไม่มีประสิทธิภาพ ที่พบหลายจุด

ทั้งนี้ ได้ย้ำถึงฐานคิดใหม่ในการใช้งบประมาณต้องตั้งอยู่บน 4 หลัก 1.ลดงบฯ ดำเนินการลง 2.เพิ่มงบฯ ลงทุน 3.เปลี่ยนการตัดสินใจให้ท้องถิ่น 4.สร้างสวัสดิการและความมั่นคงชีวิตให้เป็นสวัสดิการถ้วนหน้า

ท่ามกลางกระแสข่าวจะมี “งูเห่า” เกิดขึ้นฟากฝั่งฝ่ายค้าน ที่จะไปยกมือโหวตให้ฝ่ายรัฐบาล จึงต้องดูว่าใครคิดจะ “ลองของ” หรือ “ลองดี” หรือไม่

ซึ่งพรรคฝ่ายค้านได้ย้ำหนักแน่นถึง “มติพรรค” ต้องเป็นสิ่งที่ “ลูกพรรค” จะต้องยอมรับ เพราะสิ่งเหล่านี้ตอกย้ำถึงเสถียรภาพของฝ่ายค้านเอง ในสถานการณ์ “สภาเสียงปริ่มน้ำ” ที่ทุกเสียงของแต่ละฝั่งสำคัญยิ่ง จึงทำให้ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านต้องให้ “ขุนพล” ของตัวเองเข้าประชุมให้ครบถ้วน

อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตรได้แสดงท่าทีชัดเจนเชื่อมั่นแต่ไก่โห่ว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณจะผ่าน 100 เปอร์เซ็นต์ พร้อมท้าเดิมพันกับสื่อเลยว่าผ่านแน่นอน

ผู้ที่ตกเก้าอี้ลำบากจึงอยู่ที่พรรคฝ่ายค้านที่จะต้อง “คุมเกม” ไม่ให้มี “งูเห่า” เกิดขึ้น ไม่เช่นนั้นจะ “เสียเชิง” ในสภาทันที จึงมีสภาวะ “ตีรวน” เกิดขึ้นก่อนการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณนั่นเอง

ทั้งนี้ หากร่าง พ.ร.บ.งบประมาณไม่ผ่านในวาระแรก ผู้ที่เดือดร้อนไม่ใช่ใคร แต่เป็นประชาชนและรัฐบาลนั่นเอง ซึ่งจุดนี้เอง พล.อ.ประยุทธ์ทราบดีถึงความได้เปรียบ จึงเปรยตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้ฝั่งฝ่ายค้านออกมาซัด พล.อ.ประยุทธ์กลับทันที

“วันนี้งบประมาณยังไม่ได้พิจารณา ต้องรอนำเข้าวาระการพิจารณาภายในเดือนนี้ หวังว่าคงผ่าน ถ้าไม่ผ่านคนเดือดร้อนกันทั้งประเทศ เกษตรกรก็เดือดร้อน คงไม่ใช่ผมคนเดียว เพราะฉะนั้น ทุกอย่างต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างกัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

“อย่ากลัวว่าประเทศจะเดือดร้อนหากงบฯ ไม่ผ่าน คนจะเดือดร้อนคือ พล.อ.ประยุทธ์นั่นเอง ท่านเคยแต่อ่านและพูดฝ่ายเดียวให้ สนช.ฟัง แต่นี่สภาที่มาจากประชาชน ต้องผ่านงบประมาณที่ทำเพื่อพี่น้องจริงๆ” นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทยกล่าว

ศึกการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกของ พล.อ.ประยุทธ์ที่จะต้องชี้แจงงบประมาณต่อสภา ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้ง โดยที่ผ่านมาช่วง 5 ปียุค คสช. ได้พิจารณาผ่านโดย สนช. ที่เป็นสภาตรายาง ทำให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณผ่านโดยง่ายกว่ารัฐบาลปกติ โดยสิ่งที่ฝ่ายค้านอภิปรายย่อมมีผลต่อฝ่ายรัฐบาลจะต้องนำไปพิจารณาทบทวนในวาระต่อไป

แน่นอนว่าฝ่ายค้านก็จะใช้โอกาสนี้อภิปรายตอบโต้ฝ่ายรัฐบาลไปในตัว เพื่อให้มีประเด็น “ติดปลายนวม” ไว้บ้าง ไม่เช่นนั้นก็จะไม่ต่างจาก “สภาฝักถั่ว” เช่นในยุค คสช. รวมทั้งเรียกเรตติ้งชิงไหวชิงพริบในสภา ในการ “สอนมวยรัฐบาล” ไปในตัว

แน่นอนว่าเกมนี้มีทั้ง “คนเกิด” และ “คนดับ” ในสภา โดยมีประชาชนเป็นผู้ตัดสินศึกครั้งนี้