รายงานพิเศษ / ปฏิบัติการปลุกผี ปฏิบัติการบิ๊กแดง ประกาศศึกคอมมิวนิสต์ใหม่ ‘ผบ.ทบ.’ Hybrid กับนักธุรกิจ ‘ฮ่องเต้ Syndrome’ กระชากโฉมขบวนการล้มเจ้า

รายงานพิเศษ

 

ปฏิบัติการปลุกผี

ปฏิบัติการบิ๊กแดง

ประกาศศึกคอมมิวนิสต์ใหม่

‘ผบ.ทบ.’ Hybrid

กับนักธุรกิจ ‘ฮ่องเต้ Syndrome’

กระชากโฉมขบวนการล้มเจ้า

พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์

ปฏิบัติการเดี่ยวไมโครโฟน ตั้งโพเดียม และเดินทอล์ก ของบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. พ่วงบทบาท ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ครั้งแรกในชีวิตนี้

มีนัยยะสำคัญในทางการเมือง ที่ลึกซึ้ง และถือเป็นการเปิดหน้าประกาศทำศึกกับกลุ่มล้มรัฐบาล และขบวนการหมิ่นสถาบัน สายล้มเจ้า อย่างเต็มรูปแบบ

เพราะครั้งนี้ไม่ใช่การให้สัมภาษณ์สื่อ หรือตั้งโพเดียมแถลงข่าวเช่นที่ผ่านมา

แต่เป็นการตั้งใจ เพราะนอกจากเชิญสื่อในประเทศแล้ว ยังเชิญสื่อต่างประเทศ รวมทั้งตัวแทนส่วนราชการ ตำรวจ ทหาร มหาดไทย องค์กรต่างๆ ครู อาจารย์ นักเรียน นักศึกษา มวลชน และศิลปินดาราด้วย เพื่อเป็นการหาแนวร่วมในปฏิบัติการต่อจากนี้

ด้วยเพราะในการบรรยายวันนั้น มีการเปิดไฟเขียวให้ไลฟ์สดได้ มุ่งหวังชิงพื้นที่สื่อโซเชียลด้วย

ที่สำคัญ มีการเตรียมการล่วงหน้ากว่า 2 เดือน นับตั้งแต่ พล.อ.อภิรัชต์บอกกับสื่อครั้งแรกว่า กำลังเขียนบทความที่คล้ายๆ วิทยานิพนธ์ ประสบการณ์ทางการเมือง การทหาร ในยุคที่ผ่านมาของตนเอง จนถึงสงครามโซเชียล

ที่ พล.อ.อภิรัชต์เผยว่า ตนเองได้ศึกษามาตั้งแต่เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 รู้ตื้นลึกหนาบางดี

จนเป็นที่มาของการพูดถึงการใช้ Big Data Analytics ในการทำให้ข้อมูลบางเรื่อง เช่น เหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง ที่ค้นหาได้ยากจนทำให้เด็กๆ ยุคใหม่ที่เกิดมา ไม่รู้ว่าเคยเกิดเหตุการณ์เผาบ้าน เผาศาลากลางจังหวัดขึ้น

และมีการใช้ Big Data Analytics ใช้ fake news สร้างข่าวลวง เป็นการร่วมมือกันของพวกคอมมิวนิสต์เดิมที่เป็น Mastermind พวกซ้ายดัดจริต เรียนจบต่างประเทศ แต่ก็เป็นประเทศที่เป็นเจ้าอาณานิคมในอดีตนั่นแหละ แล้วก็มีนักวิชาการไร้จรรยาบรรณ คอยปลูกฝัง คอยฝังชิพ โดยใช้โซเชียลมีเดียสร้างความคิดความเชื่อที่ผิด

จึงเรียกได้ว่า พล.อ.อภิรัชต์จัดเต็มกับปฏิบัติการครั้งนี้

 

และต้องไม่ลืมว่า ก่อนที่ พล.อ.อภิรัชต์จะขึ้นเวทีบรรยายในวันที่ 11 ตุลาคม นั้น ในวันที่ 9 ตุลาคม พล.อ.อภิรัชต์ได้เชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม มาเปิด “ห้องบวรเดช-อาคารศรีสิทธิสงคราม” ที่ บก.ทบ. เพื่อรำลึกนายทหารผู้จงรักภักดี ก่อกบฏล้มรัฐบาลคณะราษฎร หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วงมาก่อนแล้ว

แต่มีการบิดเบือนว่า เป็นการตั้งชื่อตามไอเดีย พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งๆ ที่ พล.อ.ประยุทธ์แค่แนะนำให้ปรับปรุงอาคารพิพิธภัณฑ์ ทบ.นี้มาใช้งาน ด้วยการสร้างห้องรับรอง ห้องประชุม ห้องจัดเลี้ยง และลิฟต์แก้วเท่านั้น

“ผมเป็นคนตั้งชื่อเอง” บิ๊กแดงสยบข่าวลือ

แต่ก็เรียกว่า เป็นปฏิบัติการปักหอกที่หัวใจ ของฝ่าย 2475 ฝ่ายประชาธิปไตย ด้วยการยกย่องทหารที่พยายามยึดอำนาจ ล้มรัฐบาลคณะราษฎร

ก่อนที่ พล.อ.อภิรัชต์จะมาขยี้ต่อบนเวทีบรรยายพิเศษ “แผ่นดินของเรา ในมุมมองด้านความมั่นคง” ถึง “พวกที่อ้าง 2475 ปากบอกเป็นประชาธิปไตย แต่ใช้วาจาจาบจ้วง”

คราวนี้ บิ๊กแดงยิงหมัดตรงไปที่พวก “คอมมิวนิสต์เดิม” แต่ถูกฝังชิพ ฝังหัว

แม้จะไม่ได้พูดออกมา แต่ พล.อ.อภิรัชต์ได้บัญญัติศัพท์เรียกพวกแนวคิดคอมมิวนิสต์ในยุคใหม่นี้ว่า “คอมมิวนิสต์ใหม่”

ด้วยการงัดทฤษฎี Hybrid warfare ชี้ทุกเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น ล้วนเชื่อมโยงกัน พร้อมต่อจิ๊กซอว์ เครือข่ายโยงใย นักวิชาการ นักการเมือง นักธุรกิจ “ฮ่องเต้ซินโดรม” กับแนวคิด “คอมมิวนิสต์เดิม” ที่ยังฝังชิพในหัว ซ้ายจัดดัดจริต จบนอก ประเทศอาณานิคม อ้างประชาธิปไตย อ้าง 2475 แต่จาบจ้วง คิดล้มล้างสถาบัน ปั่นสมองคนรุ่นใหม่ หวังแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 1 ให้โดมิโน่ไปกระทบมาตราอื่น โดยเฉพาะหมวดที่เกี่ยวกับสถาบัน

แม้ พล.อ.อภิรัชต์จะไม่ได้เอ่ยชื่อนักวิชาการ นักการเมือง หรือนักการเมืองคนใด แต่บุคคลที่ถูกพูดถึง ฟังดูก็รู้ว่าหมายถึงใคร

 

ปฏิบัติการครั้งนี้ แม้อาจจะพาดพิงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้ใช้ชีวิตอยู่ต่างแดน ทั้งการยุบ ศอบต. สาเหตุสำคัญของปัญหาชายแดนภาคใต้ และระบุว่า เป็นลูกพี่ใหญ่หนีไปต่างประเทศ เพื่อเหน็บนักการเมืองบางคนก็ตาม

แต่เป้าหมายสำคัญของ พล.อ.อภิรัชต์ ไม่ได้อยู่ที่นายทักษิณ ที่ดูแผ่ว อ่อนแรง หมดยุคไปแล้ว แต่อยู่ที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่

เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ พล.อ.อภิรัชต์พุ่งเป้าไปที่นายธนาธร รวมทั้งนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคด้วย โดยเฉพาะการพูดเรื่อง การ Propaganda ในโซเชียลมีเดีย เช่นเดียวกับที่คอมมิวนิสต์ยุคเก่าเคยใช้

แต่ขึ้นเวทีสไตล์ “สตีฟ จอบส์” คราวนี้ พล.อ.อภิรัชต์ใช้ถ้อยคำที่รุนแรง และพุ่งหมัดตรงเข้าใส่

โดยเฉพาะเงาในภาพถ่ายคู่กับโจชัว หว่อง นักเคลื่อนไหวชาวฮ่องกง ที่ฮ่องกง จน “บิ๊กแดง” ตั้งคำถามว่า “ไปให้กำลังใจ หรือสมคบคิดอะไรกันหรือไม่”

แถมมองข้ามช็อตไปถึงขั้นที่ว่า อาจมีการใช้การชุมนุมแบบฮ่องกงโมเดลในเมืองไทย หากในอนาคตมีการยุบพรรคอนาคตใหม่ และตัดสิทธิ์ทางการเมือง จากคดีความต่างๆ ที่รออยู่

“ผมถามน้องๆ นิสิต นักศึกษาว่า ถ้าวันหนึ่ง ‘คนที่มันผิดหวัง’ คนที่ยั่วยุปลุกปั่น คนที่ใช้โซเชียล คนที่ใช้การโฆษณาชวนเชื่อ propaganda มา Manipulate ปั่นสมองน้องๆ ให้ออกมาแบบฮ่องกง น้องๆ จะออกมามั้ยครับ” พล.อ.อภิรัชต์กล่าว

รวมทั้งการใช้คำว่า “ฮ่องเต้ซินโดรม” เมื่อพูดถึงนักธุรกิจ เจ้าของโรงงาน คาบช้อนเงินช้อนทองมาตั้งแต่เกิด ชีวิตไม่เคยเจอความลำบาก

โดยเป็นการนำคำนิยามทั่วไปของคำว่า “ฮ่องเต้ซินโดรม” เป็นคำที่ใช้เรียกพฤติกรรมเด็กยุคใหม่ ที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างเอาอกเอาใจ มากเกินไป เวลาเจอเรื่องที่ไม่ได้ดั่งใจ จะเกิดอาการไร้มารยาท ไร้ความเกรงใจผู้อื่น และมักควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้นั้น เอามาใช้ทางการเมือง

รวมทั้งยังต้องการที่จะเตือนไปยังเด็กๆ รุ่นใหม่ด้วย เพราะล้วนแต่จะตกเป็นเหยื่อการปลุกปั่นทางโซเชียล เพื่อหวังผลทางการเมือง

แต่สิ่งที่เป็นธงนำในการพูดครั้งนี้ คือการเตือนให้ประชาชนรับทราบว่า คอมมิวนิสต์ยังไม่ตาย และให้ร่วมมือกับกองทัพในการแก้ปัญหาความมั่นคง

อันเป็นที่มาของการตั้งคำถามว่า ประชาชนจะให้ใครมาแก้ปัญหาความมั่นคง

 

“นักวิชาการหรืออาจารย์บางคนที่คบคิดกับพวกคอมมิวนิสต์เดิม รวมหัวกับนักเรียนนอก ซ้ายจัดดัดจริตที่ไปเรียนจบจากประเทศล่าอาณานิคม ชอบอ้างเลข 2475 และชอบอ้างว่าตนเป็นนักประชาธิปไตย แต่มีวาทกรรมจาบจ้วง หรือท่านจะเลือกให้กลุ่มนักการเมืองที่เอาพวกพ้อง ไม่ห่วงผลประโยชน์ของชาติ และยังมีนักการเมืองในภาคใต้ที่เคยเกาะแข้งเกาะขาพ่อผมในสมัยก่อน อาศัยบารมีของนายทหารใหญ่ไปตั้งพรรคการเมือง และวันนี้ก็กลับมามีบทบาทอีกแล้ว หรือท่านจะเลือกนักการเมืองที่เป็นเหมือนผึ้งแตกรังที่ลูกพี่ใหญ่หนีไปอยู่ต่างประเทศ หรือจะเชื่อนักธุรกิจที่เกิดมาก็คาบช้อนเงินช้อนทอง ไม่เคยลำบาก พวกฮ่องเต้ซินโดรมเคยไปร่วมชุมนุมเผาบ้านเผาเมือง มีพฤติกรรมล้มล้างชาติ สถาบัน”

บิ๊กแดงพุ่งชนคอมมิวนิสต์ ด้วยการทำให้ผู้ฟังเห็น ด้วยการพูดไปน้ำตาคลอไป เมื่อเล่าถึงบิ๊กจ๊อด พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทหารสูงสุด บิดาผู้ล่วงลับ เมื่อครั้งถูกคอมมิวนิสต์ยิง ฮ.จนบาดเจ็บ ขณะที่ตัวเขาเองอายุ 12 ขวบ ที่ยังไม่รู้เรื่องอะไร

แต่ก็สะท้อนปมในใจและความรู้สึกที่มีต่อคอมมิวนิสต์ ที่ทำให้เขาตัดสินใจที่จะเป็นทหารอย่างพ่อ เป็นนักบิน ฮ. ทบ.อย่างพ่อ จนมาเป็นทหาร เรียนรู้ประวัติศาสตร์ในอีกด้านหนึ่ง จนฝังใจเรื่องคอมมิวนิสต์จนทุกวันนี้

“ระบบคอมมิวนิสต์สอนให้คนเป็นพวกหัวเดิมๆ กลับออกมาเป็นนักการเมือง เป็นนักวิชาการแล้วก็ยังฝังชิพในหัว ในเรื่องการเป็นคอมมิวนิสต์อยู่ ถึงแม้ว่ายุคคอมมิวนิสต์จะสิ้นสุดไปเมื่อปี 2531 และยอมวางอาวุธ แต่อย่าลืมว่ายังไม่หมด ยังฝังในหัวอยู่ของใครบางคน”

“นักวิชาการ อาจารย์บางคนที่คบคิดกับพวกคอมมิวนิสต์เดิมทำตัวเป็นคลังสมอง ร่วมกับ ‘นักเรียนนอก ที่ซ้ายจัดดัดจริต’ ที่จบการศึกษาจากประเทศที่เคยล่าอาณานิคม อบรมสั่งสอนแบบไร้จรรยาบรรณ ชอบอ้างเลข 2475 เป็นตัวชี้นำและอ้างตนเป็นนักประชาธิปไตย แต่มีวาทกรรมจาบจ้วง” พล.อ.อภิรัชต์กล่าว

จึงไม่แปลกที่คราวนี้บิ๊กแดงจะสบถคำว่า “หนักแผ่นดิน” ออกมา หลังจากที่เคยแนะนำเพลงหนักแผ่นดิน เพลงในยุคคอมมิวนิสต์มาแล้ว และยังคงเปิดในวิทยุเสียงตามสายที่ บก.ทบ. วันละ 3 เวลา จนทุกวันนี้

“พวกที่เอาใจเด็กๆ ว่าไม่ต้องเกณฑ์ทหาร ด่าทหาร ตัดงบฯ ทบ. งบฯ ทหาร อาวุธยุทโธปกรณ์ซื้อมาทำไม…หนักแผ่นดิน” บิ๊กแดงระบุ

รวมถึงการประกาศจุดยืนที่ไม่มีวันที่จะยอมให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 1 เพราะมาตรานี้เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ เกี่ยวข้องกับบรรพบุรุษที่เสียเลือดเนื้อรักษาขวานทองนี้เอาไว้

“ผมเชื่อว่าแม้ผมจะตายไป แล้วมีทหารรุ่นใหม่เกิดขึ้นมา ก็จะไม่ยอมให้มีการแก้ เพราะไม่มีรัฐธรรมนูญฉบับไหนในโลกที่บอกให้แบ่งแยกดินแดนได้ จะแก้มาตราไหนก็แก้ แต่ถ้าแก้มาตราที่ 1 จะกระทบกับมาตราอื่นอีกมาก และกระทบกับสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย นี่เป็นความชาญฉลาดของนักวิชาการที่ไม่ยอมบอกตรงๆ ว่าต้องการแก้ไขเรื่องอะไร” บิ๊กแดงจัดเต็ม

นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่บิ๊กแดงตั้งชื่อหัวข้อบรรยายว่า “แผ่นดินของเราฯ”

 

การบรรยายพิเศษครั้งนี้ของบิ๊กแดง เป็นแค่การใช้รูปแบบที่แตกต่างตามยุคสมัย ในปฏิบัติการทางการเมืองที่แยบยลขึ้น

เพราะหากย้อนไปเมื่อครั้งยังเป็นนายทหารหนุ่มๆ ตั้งแต่เป็น ผบ.พัน จนถึงผู้การกรม ร.11 รอ. บิ๊กแดงเคยปฏิบัติการดับเครื่องชนมาแล้วหลายครั้ง เพื่อปกป้องกองทัพ และสถาบัน

ทั้งการตั้งโต๊ะแถลงข่าว ฉะ เสธ.แดง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล นายทหาร จปร.รุ่นพี่ ที่เลือกข้างเสื้อแดง โจมตีบิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ในเวลานั้นอย่างรุนแรง ถึงขั้นที่ห้องทำงาน ผบ.ทบ.ถูกยิงด้วยเอ็ม 79 แม้ตอนนั้นจะไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใครก็ตาม

รวมถึงการกระซิบข้างหูนายจักรภพ เพ็ญแข ที่พูดจาจาบจ้วงหมิ่นสถาบัน ด้วยวาทะที่ว่า “อย่ามายุ่งกับในหลวงของผม”

และมีบทบาทการเป็นขุมกำลังหลักในการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 เมื่อครั้งที่เป็นผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.1 รอ.) ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ผบ.ทบ.ในเวลานั้น แต่งตั้งเกื้อหนุนมาตลอด

ด้วยการเจรจากับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในเวลานั้นเพื่อยอมให้เปิดทางให้ พล.อ.อภิรัชต์ ขึ้นมาเป็น ผบ.พล.1 รอ.

แล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ยอมตามที่ขอ โดยหารู้ไม่ว่า เป็นแผนส่วนหนึ่งของการเตรียมรัฐประหารในเวลาต่อมา

อันสะท้อนถึงความไว้วางใจที่ พล.อ.ประยุทธ์มีต่อ พล.อ.อภิรัชต์มายาวนาน

เพราะหลังปฏิบัติการบรรยายพิเศษแล้ว พล.อ.อภิรัชต์โดนถล่มหนักอีกครั้ง รวมทั้งมีการปลุกกระแสให้ปลด ถอดถอน ผบ.ทบ. ที่สร้างความขัดแย้งขึ้นมาอีก

ทั้งบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประยุทธ์ ต่างไม่สนใจเสียงวิจารณ์

โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ที่ไม่เพียงไม่ตำหนิใดๆ พล.อ.อภิรัชต์ น้องรักแล้ว ยังเห็นว่าเป็นเรื่องการปลูกฝังความรักชาติ เข้าใจประวัติศาสตร์ บ้านเมืองของเรามีความเป็นมาอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นการแก้ปัญหาภาคใต้

“ขอให้ทุกคนระมัดระวังเท่านั้นเอง ซึ่งผู้ฟังต้องแยกแยะเอาเอง” นายกฯ กล่าว

 

แต่ที่แน่ๆ พล.อ.อภิรัชต์ได้เปิดหวูดส่งสัญญาณในการทำศึกแล้ว

“บอกแล้วว่า มีคนเดือดร้อนแน่” บิ๊กแดงเปรยหลังการบรรยาย

เพราะนอกจากนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาฯ พรรคอนาคตใหม่ จะตั้งโพเดียมแถลงโต้แล้ว นายธนาธรก็ออกมาแจงเรื่องนายโจชัว หว่อง แกนนำพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ ออกมาโจมตี ผบ.ทบ. กันอย่างรุนแรง ว่าเป็นการยุ่งเกี่ยวการเมือง และเรียกร้องให้ รมว.กลาโหม ตั้งคณะกรรมการสอบสวน ปลด ถอดถอน ถึงขั้นที่เชิญไปชี้แจง และมีม็อบหน้า บก.ทบ.

แม้แต่การปลุกกระแส ขุดคุ้ย เรื่องในอดีต และครอบครัวของบิ๊กแดง ซึ่งเป็นเรื่องที่บิ๊กแดงยอมไม่ได้

“ด่าผม ไม่พอใจผม ไม่เป็นไร แต่ขออย่าทำร้ายประเทศ” บิ๊กแดงระบุ

รวมไปถึงการอภิปรายงบประมาณ 2563 ที่ฝ่ายค้านจ้องถล่มงบฯ กลาโหม การจัดซื้ออาวุธ และโดยเฉพาะ รถเกราะ Stryker ของบิ๊กแดง ที่บางส่วนจัดซิ้อโดยงบฯ กลาง

แม้ พล.อ.อภิรัชต์จะเก็บตัวเงียบตามคาด หลังทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้แล้ว แต่ในกองทัพรู้กันดีว่า นี่เป็นการเริ่มต้นการทำสงครามกับคอมมิวนิสต์ใหม่ โดยที่บิ๊กแดงต้องการแนวร่วมในการสู้ศึกครั้งนี้

อีกทั้งมีสัญญาณว่า บิ๊กแดงเอาจริง และกำลังเดินหน้า ตรวจสอบข้อมูล ความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม ด้วยมีข้อมูลทางการข่าวว่า มีการเสนอผลประโยชน์บางอย่างให้ต่างชาติ และมีต่างชาติบางประเทศในยุโรป เกี่ยวข้องถึงขั้นที่พร้อมจะให้สถานะผู้ลี้ภัยทางการเมือง กับนักวิชาการและนักการเมือง นักธุรกิจ ที่สมคบคิดกัน

นี้เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่บิ๊กแดงพูดถึงบทบาทหน้าที่ทหาร และเตือนพวกที่ชอบด่าทหาร ว่า “หากคุณไม่ใช่คนที่เต็มใจ และพร้อมที่จะจับอาวุธขึ้นมาเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติแล้วละก็ ขอจง ‘หยุด’ วิพากษ์วิจารณ์คนที่กำลังทำหน้าที่นั้นอยู่”

 

แต่แน่นอนว่า ในกองทัพเองก็มีนายทหารจำนวนไม่น้อย ที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางของ พล.อ.อภิรัชต์ ที่ออกมาสร้างความขัดแย้ง และการวิพากษ์วิจารณ์การเมือง

แต่ทหารในกองทัพ ต่างก็รู้ว่า ทำไม พล.อ.อภิรัชต์จึงต้องปฏิบัติการครั้งนี้

   เพราะยังคงมีภาคต่อ ที่เข้มข้นรออยู่เบื้องหน้า