เรื่องจริง “ไม่ตลก” ของซันนี่ สุวรรณเมธานนท์

หลายคนบอกว่า ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ เป็นคนตลก

แต่เดี๋ยวก่อน พอถามเจ้าตัวถึงเรื่องนี้ เขาก็หุบรอยยิ้มสว่างในทันที แล้วบอกอย่างขึงขัง

“ผมเป็นคนซีเรียส เป็นคนจริงจังครับผม”

อย่าเพิ่งหัวเราะ, เพราะหลายอย่างที่ได้ฟังจากการสนทนาครั้งนี้ บ่งบอกว่าเขามีพาร์ตนั้นอยู่ในตัวไม่น้อย

ชีวิตที่มีแต่สุข จะสนุกตรงไหน

กับ 15 ปีในวงการ ซันนี่บอกว่า เขามีความสุขและสนุกมากกับการทำงาน -ขณะที่ 38 ปีในชีวิตจริง ก็เป็นเช่นเดียวกัน

อย่างในผลงานเรื่องล่าสุด ละคร “รักฉุดใจนายฉุกเฉิน” ที่กำลังออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่องวัน 31 ทุกคืนวันศุกร์และเสาร์ เวลา 20.10 น. ที่นอกจากจะแฮปปี้กับงานดีๆ เขายังเชื่อว่าเนื้อหาของเรื่อง “จะให้ประโยชน์ต่อการเป็นมนุษย์ของคน”

มนุษย์ซึ่งชีวิตไม่ได้มีแค่ “ไม่กี่มุม”

“มันไม่ได้มีความรู้สึกแบบว่าเป็นของตัวเอง ฉันรักคนนี้ ฉันต้องได้อะไรบ้าง อันนี้มันมีมากกว่านั้น มากกว่าแค่มองตัวเอง แล้วละครเรื่องนี้ก็จะบอกแบบนั้น”

ส่วนกับเรื่องตัวเอง ซันนี่บอกว่า ชีวิตเขาก็เหมือนคนทั่วไป ที่มีทุกข์บ้าง มีสุขบ้าง คละเคล้าไม่เคยขาด

“จริงๆ จะทุกข์ จะสุข มันก็คือชีวิตนะครับ”

“ซึ่งโอเค ผมชอบ”

ด้วยรู้สึกว่า “ชีวิตมันจะมันอะไร ถ้าสุข สนุกสนานอยู่อย่างเดียว มันต้องผ่านอะไรมาให้เราได้เรียนรู้ ได้เข้าใจ ได้เปลี่ยน แบบว่าได้พัฒนาตัวเอง ไม่งั้นเราก็กลายเป็นคนที่โดนสปอยล์ เอาแต่ใจตลอดเวลา”

ดังนั้น สำหรับเขาแล้ว เวลามีทุกข์ จึงไม่รู้สึกว่ามีปัญหา

และไม่คิดด้วยว่าต้องหาทางรับมือ

“จริงๆ” เขาย้ำพลางยิ้ม

“คือมันทนได้ ก็เลยไม่รู้ว่าต้องยังไง สุขก็เข้าใจ ทุกข์ก็เข้าใจ แล้วก็สุขกับมัน”

ขณะเดียวกันในมุมของเขา “ความทุกข์” ก็ถือเป็น “ความสุข” ประการหนึ่ง

“เพราะเรารู้สึกว่า เราได้เจอ ได้ผ่าน ได้ประสบการณ์ ใครจะอะไรยังไง ใครไม่เข้าใจ เข้าใจผิด ไม่เป็นไร ผมรับได้ แล้ววันหนึ่งเขาจะเข้าใจเอง”

“ถ้าวันหนึ่งเขาทำแบบนั้น แล้วมันเปลี่ยนเป็นจุดแรงบันดาลใจให้ชีวิตเขาดีขึ้น ผมว่าคุ้ม ถ้าด่าผม แล้ววันหนึ่งชีวิตเขาดีอ่ะ คุ้ม แลกกันได้”

ให้เกียรติกันและกัน เรื่องที่ควรจะเป็น

ระหว่างการสนทนา เราได้ถามเขาไปว่า ถึงตอนนี้ เขารู้สึกว่าชีวิตยังขาดอะไรไหม หรือฝันอยากได้ อยากมีอะไรอีกบ้าง

“ไม่ๆ” คือคำตอบมาเร็ว

จากนั้นส่วนขยายก็ตามมา โดยว่า “ถ้าเรื่องชีวิตตัวเองคงไม่ เรามีสิ่งที่รัก คือการแสดง ก็อยากอยู่ในภาพยนตร์ที่เขาทำด้วยใจรัก ภาพยนตร์ที่ดีๆ อะไรแบบนี้”

“แค่นั้นเองถ้าเป็นเรื่องส่วนตัว”

“ถ้าเป็นเรื่องอื่นๆ ก็อยากเป็นคนที่ดีขึ้นในทุกๆ วัน อยากจะเป็นจุดช่วยเหลือคนอื่นได้ โลกจะสวยงามเพราะการที่เราสละบางส่วนของตัวเอง เพื่อช่วยเหลือคนอื่น แล้วอยากให้คนอื่นคิดอะไรแบบนี้”

ทั้งยังว่า “มันมีหลายอย่างที่คนชอบคิดลบใส่กัน เราไม่เข้าใจแกน ว่ามันไม่มีใครหรอกอยากเกิดมาเป็นผู้ร้าย ปัญหาชอบเกิด แบบที่คิดว่าเขาต้องไม่ดีแน่ๆ เลยแบบนั้น หรือว่าฉันฉลาดกว่าเธอแน่ๆ เลย เพราะว่าพูดอะไรมา ฉันไม่เห็นด้วย กลายเป็นว่า คนนี้เป็นคนโง่ คุณยังคิดได้เลย แล้วคุณรู้ได้ยังไง ว่าเขาจะคิดแบบคุณไม่ได้”

การให้เกียรติคนอื่น คือเรื่องที่ “ควรจะเป็น” ในความเห็นของเขา

และด้วยแนวคิดนี้ กระแสดราม่าที่เกือบจะมี จากเรื่องนั้น โน้น นี่ ที่เผอิญมีชื่อเขาเข้าไปเกี่ยวข้องจึงมักจะสลาย

ด้วยพอโดนจ่อไมค์ถาม คำตอบที่เขาให้ก็กลายเป็นเรื่องชวนยิ้มไปเสียอย่างนั้น

“ผมไม่ได้โผล่มาเล่นมุขนะ” นี่เขาออกตัว

“แต่ผมว่าเรื่องมันไม่จำเป็นต้องซีเรียสไง มันเป็นเรื่องที่คนดูแล้วควรจะรู้สึกสบายใจ เราจะไปทำอะไรให้มันเป็นแง่ลบใส่คนอื่นทำไม”

“สิ่งที่เราทำได้กับคนอื่น ก็คือเรื่องดีๆ พูดดีๆ ถึงคนนั้น คนนี้ พูดไม่ดีใส่คนอื่นเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอยู่แล้วหรือเปล่า”

“อยากให้ผมด่าคนออกรายการอย่างนั้นเหรอ”

เรื่องของความนิยม และสาวๆ

ในฐานะนักแสดงคนดัง แถมยังเป็นหนุ่มหล่อ แน่นอนว่าที่ผ่านมาชื่อของซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ จะเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ อย่างไรก็ดี กับเรื่องนี้เขามีความคิดเห็นว่า เอาเข้าจริง “ก็ไม่รู้หรอก ว่าเขาคิดอะไร”

“ถ้าสมมุติเห็นตามโซเชียลหรืออะไร เขาก็อาจจะแบบพิมพ์ไปอย่างนั้นก็ได้ ก็ไม่รู้ว่าเขาชื่นชมเราในแง่ไหน”

“แค่หวังว่าคนชอบผลงาน มันก็ดีแล้วครับ มันคือการวิน-วิน เขารู้สึกดีกับสิ่งที่เขาได้เห็น เราก็โอเคไปด้วย”

ส่วนตำแหน่งขวัญใจ ประเภทผู้ชายแห่งชาติ หรืออะไรเทือกๆ นี้ ซันนี่บอกปนหัวเราะว่า อย่าเลย

“เดี๋ยวจะผิดหวังกันทั้งชาตินะครับ”

“เหมือนแบบคาดหวังกับคนหนึ่ง ว่าคุณต้องได้เหรียญทองโอลิมปิกนะ ไม่ได้กลับมา โดนด่าอีก”

ถามซันนี่ว่า ณ วันนี้เขาวางแผนชีวิตอะไรไว้ให้ตัวเองบ้าง คำตอบที่มาพร้อมรอยยิ้มนิดๆ ที่มุมปากคือ ชีวิตเขาไม่เคยวางแผนอะไรไว้เลยสักอย่าง

ถ้าจะมีก็แค่ “อยากตั้งหน้าตั้งตาเป็นคนที่ดีขึ้น อยากมีจิตสำนึกที่ดี อยากเป็นคนดีแค่นั้น”

“นั่นคือการวางแผน”