“โตโยต้า วีออส”-“มาสด้า 3” ใหม่ ร่วมด้วย-ช่วยเขย่า “ตลาดเก๋ง” ต้นปี

สันติ จิรพรพนิต

อย่าเข้าใจผิดว่าผมจะนำรถทั้ง 2 รุ่นนี้มาเปรียบเทียบ หรือ “เวอร์ซัส” (VS-Versus) มาปะทะกันแต่อย่างใด เพราะทั้งคู่เก๋งที่อยู่คนละเซ็กเมนต์

โดย “โตโยต้า วีออส” อยู่ในกลุ่ม “ซับคอมแพ็ก” หรือซิตี้คาร์ ส่วน “มาสด้า 3” เป็น “คอมแพ็กคาร์” หรือรถนั่งขนาดกลาง (จริงๆ น่าจะเรียกรถนั่งขนาดเล็กมากกว่า แต่เพราะเมืองไทยซอยรุ่นต่างๆ ซับซ้อนเหลือเกิน และมีรถเล็กกว่าออกมาหลายรุ่น จึงดันขึ้นไปสู่กลุ่มเก๋งกลาง ตามขนาดและความจุเครื่องยนต์)

ที่ต้องนำทั้ง 2 รุ่นมาเอ่ยถึงในฉบับนี้ เพราะช่วงเกือบๆ ปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทั้ง 2 ค่ายส่งรถรุ่น “ไมเนอร์เชนจ์” ออกสู่ตลาดไล่ๆ กัน

จะว่าไปแล้วตั้งแต่เดือนแรกของปี 2560 กลุ่มผู้สื่อข่าวสายรถยนต์ ถือว่างานชุกทีเดียว เพราะมีรถใหม่ๆ ทั้งโมเดลเชนจ์ และไมเนอร์เชนจ์ ออกมาถี่ยิบ

รุ่นแรกของปีคือ “ฮอนด้า ซิตี้” ไมเนอร์เชนจ์ ตามมาด้วย “นิสสัน โน้ต” อีโคคาร์ โมเดลใหม่

จากนั้นก็เป็นโตโยต้า วีออส กับมาสด้า 3 ตามลำดับ

ก่อนปิดท้ายสิ้นเดือนด้วยเมอร์เซเดส-เบนซ์ “อี-คลาส” เจเนอเรชั่นที่ 10 รุ่นประกอบในประเทศ

ด้วยความที่วีออส และมาสด้า เปิดตัวใกล้เคียงกันมาก ผมจึงเกิดอาการ “รักพี่เสียดายน้อง”

จึงตัดสินใจนำทั้ง 2 รุ่นนำเสนอในฉบับเดียวกันเสียเลย

เริ่มกันที่ “โตโยต้า วีออส” เจ้าตำนาน “ซิตี้คาร์” เมืองไทย เพราะตั้งแต่เปิดตัวรุ่นแรกเมื่อปี พ.ศ.2540 ในชื่อ “โซลูน่า” ก่อนปรับเป็น “โซลูน่า วีออส” สุดท้ายเหลือ “วีออส” เฉยๆ

ผู้บริหารโตโยต้า เคลมว่าเป็นรถซิตี้คาร์ที่ขายดีที่สุด มียอดสะสมในไทยนับถึงสิ้นปี 2559 ที่ผ่านมา จำนวน 847,910 คัน

วีออส เวอร์ชั่นปัจจุบันเปิดตัวมาช่วงปี พ.ศ.2556 โดยเลือกไทยเป็นประเทศแรกที่เปิดตัว

ในปี 2559 ปรับโฉมเล็กน้อย พร้อมใส่เครื่องยนต์บล็อกใหม่ สามารถใช้พลังงานสูงสุดถึง “E85”

จนในการปรับโฉมล่าสุดด้านหน้าถือว่าเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เรียกว่าแทบจะเป็นโมเดลเชนจ์ ก็ว่าได้

กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ สีเทาดำ เมทัลลิก กันชนหน้า-หลังดีไซน์ใหม่เช่นกัน

ไฟหน้าดีไซน์ใหม่แบบโปรเจ็กเตอร์รมดำ พร้อม LED Light Guide ติดตั้งไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime Running Lights แบบ LED แนวขวางจากของเดิมวางอยู่ชายด้านล่าง และไฟตัดหมอกหน้า

ไฟท้ายยังคล้ายเดิมแต่เพิ่มแถบโครเมียมดีไซน์ใหม่พาดขวางยางเชื่อมไฟท้ายแบบ LED ทั้ง 2 ฝั่ง

กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวปรับและพับเก็บด้วยไฟฟ้า

ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 195/50 R16

ภายในเน้นความสปอร์ตด้วยโทนตกแต่งสี “ดำแดง” พวงมาลัยหุ้มหนัง ตกแต่งด้วยแถบเปียโนแบล็กพร้อมสวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียง มาตรวัดดีไซน์สปอร์ตพร้อมสัญลักษณ์ ECO แสดงผลเมื่อขับขี่แบบประหยัด จอแสดงข้อมูลขับขี่ MID (Multi-information display)

เครื่องเล่นวิทยุ DVD / CD / MP3 / WMA พร้อมจอสัมผัสขนาด 7 นิ้วพร้อมระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth และช่องต่อ USB รวมทั้งเป็นจอส่งภาพจากกล้องมองหลังเวลาข้าเกียร์ถอย

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมจอแสดงผลแบบ LCD หัวเกียร์และฐานเกียร์ ตกแต่งเปียโนแบล็ก

หากใครไม่ชอบสีดำแดงแบบสปอร์ต ยังมีการตกต่งภายในสีเบจ หรือ “ไอวอรี่” ให้เลือกเหมือนเดิม

ใช้เครื่องยนต์บล็อกเดิม 2NR-FBE DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว DUAL VVT-i ความจุ 1.5 ลิตร ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT พร้อมระบบ Sport Sequential Shift 7 สปีด ให้กำลังสูงสุด 108 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 140 นิวตัน-เมตร ที่ 4,200 รอบต่อนาที รองรับพลังงานสูงสุดถึง “E85”

ระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือในการขับขี่ต่างๆ ครบเครื่อง อาทิ ระบบเบรก ABS ระบบเสริมแรงเบรก BA ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบควบคุมการทรงตัว VSC ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC ฯลฯ

“โตโยต้า วีออส” ไมเนอร์เชนจ์ มีให้เลือก 4 รุ่นย่อย ราคา 609,000-789,000 บาท

ราคาเริ่มต้นอาจมองว่าสูงกว่าคู่แข่งในตลาด เพราะ “วีออส” ไมเนอร์เชนจ์นี้ ไม่มีเกียร์ธรรมดาให้เลือกนั่นเอง

มาถึงรถ “มาสด้า 3” ถือเป็นรถธงที่ทำให้มาสด้าเลื่องชื่อไปทั้งโลก เนื่องจากออกแบบได้สวยหยด ยิ่งเมื่อรวมกับเทคโนโลยีเครื่องยนต์ใหม่ “SKYACTIV” ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นพัฒนาการขั้นสุดยอดของเครื่องยนต์แบบ “สันดาป” หรือเครื่องยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงและออกซิเจนทำให้เกิดการเผาไหม้

ทำให้ตั้งแต่รุ่นแรกที่ออกมาเมื่อปี พ.ศ.2547 จนถึงปัจจุบันมาสด้า 3 มียอดขายทั่วโลกกว่า 5 ล้านคัน

ส่วนในเมืองไทยซัดเข้าไปประมาณ 6.2 หมื่นคัน

มาสด้า 3 ใหม่ ยังใช้แนวคิดการออกแบบ “โคโดะ ดีไซน์” และเทคโนโลยี SKYACTIV-VEHICLE DYNAMICS

แม้โดยภาพรวมภายนอก-ภายใน เหมือนจะปรับเปลี่ยนไปไม่มาก แต่ก็พอจะเห็นความแตกต่างจากตัวเก่าบ้าง เช่น กระจังหน้า กันชนหน้า ไฟตัดหมอก ที่ถูกดีไซน์ใหม่ ไฟหน้าแบบ LED โปรเจ็กเตอร์ พร้อม Daytime Running Light ดีไซน์ใหม่

ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED ดีไซน์ใหม่ ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว

กันชนท้ายดีไซน์ใหม่ในรุ่น 5 ประตู

ภายในห้องโดยสาร ใช้เบาะหนังทูโทน น้ำตาล-ดำ แผงประตูที่เพิ่มวัสดุสีเงิน สีดำวาว Piano Black และคอนโซล พวงมาลัย มาตรวัดความเร็ว ดีไซน์รูปแบบใหม่

โดยเฉพาะจอ “Active Driving Display” หรือจอใสที่จะเปิดขึ้นบริเวณด้านบนคอนโซลหน้าหน้าเพื่อให้คนขับเห็นรายละเอียดความเร็ว ฯลฯ เปลี่ยนเป็นแบบสีและมองเห็นชัดเจนมากขึ้นในทุกสภาพแสง ทั้งเพิ่มระบบเบรกมือไฟฟ้า

แต่ทีเด็ดทีขาดไม่พ้นเทคโนโลยีความปลอดภัย “i-ACTIVSENSE” ที่อัดเข้ามาแน่นคัน เรียกว่าเทียบเคียงกับรถระดับหรูได้เลย

อาทิ ALH (Adaptive LED Headlamps) ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ ปรับการทำงานของไฟสูง-ต่ำ แยกอิสระซ้าย-ขวา โดยจะคำนวณตามสภาพความมืดของถนนและแสงไฟหน้าจากรถที่แล่นสวนมา เพื่อความปลอดภัย

MRCC (Mazda Radar Cruise Control) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมปรับระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถคันหน้า

SBS (Smart Brake Support) ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ

DAA (Driver Attention Alert) ระบบช่วยเตือนเมื่อผู้ขับเหนื่อยล้าขณะขับขี่

LAS (Lane-Keep Assist System) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน

LDWS (Lane Departure Warning System) ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน

SCBS (Smart City Brake Support) ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ

SCBS-R (Smart City Brake Support-Reverse) ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง ฯลฯ

เรียกว่าใส่ระบบความปลอดภัยไฮเทคมาแบบไม่บันยะบันยัง

ส่วนเครื่องยนต์แบบสกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว Dual S-VT ให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้า แรงบิด 210 นิวตัน-เมตร เกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ 6 สปีด เติมน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุด E85

“มาสด้า 3” ไมเนอร์เชนจ์มีให้เลือก 4 รุ่นย่อย ราคา 847,000-1,119,000 บาท เท่ากันทั้งรุ่น 4 ประตู และ 5 ประตู