ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 4 - 10 ตุลาคม 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ |
เผยแพร่ |
ไปชมงานแสดงศิลปกรรมที่เมืองเวนิส อิตาลี ระหว่าง 19-23 กันยายนที่ผ่านมา ด้วยเวลาน้อยนิดแค่ห้าวัน ขอเล่าสู่กันฟังคร่าวๆ ละกันนะ
งานนี้รู้จักกันในชื่อว่า “เวนิส เบียนนาเล่” ออกเสียงว่า เวนิส เบียนนาเล่ เติมไม้เอกตรงคำเลเท่านั้น
งานเขามีทุกสองปี ปีนี้เป็นครั้งที่ 58 แปลว่า งานนี้มีอายุถึง 116 ปีแล้ว คือเริ่มมีงานก็ตกราว พ.ศ.2446 โน่น
ปีนี้เขาจัดระหว่างเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม หกเดือนพอดี เป็นช่วงอากาศดีน่าไปเดินเล่น ใครอยากไปเดินเล่นชมงานยังมีเวลานะ
เขามีคำนิยามงานปีนี้ว่า “May You Live In Interesting Times” ประมาณว่า คุณอยากอยู่ในเวลาที่น่าสนใจไหม
ช่วงขณะที่น่าสนใจ ประมาณนี้ประมาณนั้น
ที่น่าสนใจของคนมีเวลาสั้นๆ อย่างเราก็คือ เดินๆ และเดิน
ด้วยเมืองเวนิสเป็นเกาะ มีลำคลองใหญ่น้อยซอยอยู่ในแผ่นดินซึ่งเต็มไปด้วยตึกและโบสถ์วิหารคริสต์ ช่องทางเดินระหว่างตึกอาคารก็จะเป็น “ซอยซอกตรอกตีมตึกบีบเบียด” นั่นแล้ว ผนังตึกเป็นอิฐกะเทาะปูนตระหง่านอยู่ทั่วไปจนเหมือนจะเป็นต้นแบบผนังอิฐเปลือย ดังมีอยู่ในบ้านเรานี้
ทางเดินเชื่อมคลองจะเป็นสะพานโค้งให้คนข้ามและให้เรือลอดล่องท่องไปได้ทั่ว สะพานหนึ่งในนี้คือสะพานข้ามคลองที่ย่านรีอัลโต้ ว่าเป็นต้นแบบที่เรามาสร้างสะพานหันที่พาหุรัดใน กทม.นี่ไง
คลองที่รีอัลโต้นี้มีชื่อว่า “คานาลกร๊านเด้” ต้องใส่ไม้ตรีไม้โทกำหนดเสียงด้วยจะได้ถูกสำเนียงอิตาลีเขา คานาล ก็คือแคนนอลที่แปลว่าคลอง กร๊านเด้ ก็คือแกรนด์แปลว่าใหญ่หลวง ฉะนั้น คานาล กร๊านเด้ ก็ “คลองหลวง” บ้านเรานี่เอง
เสน่ห์ของย่านรีอัลโต้นอกจากเป็นทำเลร้านค้าคึกคักคนคับคั่งแล้ว ถ้ายืนบนสะพานหันหน้าเข้าคลอง ริมคลองฝั่งขวามีร้านอาหารไทยชื่อร้านคือ “คานาล กร๊านเด้” ชื่อเดียวกับคลองนี่เลย
เจ้าของร้านเป็นสาวไทย ชื่อเล่นว่า “ปิ๊ก” ชื่อจริงคือ ธิติพร ทวีรุ่งเรือง ว่าตั้งร้านมาจะสิบห้าปีแล้ว มีลูกค้าแน่นตลอดแทบทั้งวัน
ดูจะ “ทวีรุ่งเรือง” สมสกุลดี นอกจากอาหารอิตาเลียนรสมาตรฐานแล้วยังมีรายการอาหารไทยรสแซบพอให้หายคิดถึงบ้านอยู่หลายรายการด้วย
โดยเฉพาะส้มตำผสมน้ำปลาร้าต้มสุก หอมหิวไม่หายเลยจริงๆ อีกขนานคือแกงอ่อมผักรวม นี่ก็แซบหลายเด้อ ชิมแล้วให้นึกถึงไข่มดแดงบ้านเฮา นี่ถ้าร่วงรังมาลงชามสักหน่อยก็ไม่ต้องคิดถึงค่าเครื่องบินที่อยากไปกินประจำกันแล้ว
คุณปิ๊กเป็นคนอุดรฯ อีสานบ้านเฮา จึงมีแม่ครัวชนิด “รสแท้รสแม่ทำ” มาประจำเป็นเสน่ห์ร้านคานาล กร๊านเด้ ดีแท้
ที่ว่ามานี่แหละคือ “ช่วงขณะน่าสนใจ” หนึ่งในเวนิส เบียนนาเล่ สี่ห้าวันที่ผ่านมา
งานจริงคือ นิทรรศการศิลปกรรมที่เขาเชิญศิลปินจากทุกประเทศทั่วโลกมาแสดง
แน่นอน รวมทั้งประเทศไทยและศิลปินไทยด้วย
สถานที่จัดงานหลักคือบริเวณสวนสาธารณะใหญ่ ชื่อสวนจิอาร์ดินี มีอาคารหลากหลายให้แต่ละประเทศมาจัดแสดง ดังเรียกเป็นพาวิเลียน เช่น ไทยพาวิเลียน เป็นต้น
สวนศิลปะแห่งนี้มีประวัติเชื่อมสัมพันธ์อิตาลี-ไทย สำคัญคือ พระปิยมหาราชเคยเสด็จมาทรงนำแบบอย่างการเขียนรูปใต้เพดานโดมมาใช้ในโดมรัฐสภาไทยที่พระที่นั่งอนันตสมาคม บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้านั้น ศิลปินชาวอิตาลีผู้เขียนรูปต้นแบบนี้ชื่อกาลิเลโอ ดินี ซึ่งมาเริ่มเขียนใต้โดมรัฐสภาไทยด้วย
มีผลงานมากมายในกรุงเทพฯ ที่ได้อิทธิพลจากอิตาลี ทั้งสถาปัตยกรรม จิตรกรรม และประติมากรรม ศิลปินจากอิตาลีมีชื่อรุ่นต่อมาสมัยรัชกาลที่หก คือ ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ผู้ร่วมก่อตั้งมหาวิทยาลัยศิลปากร และเป็นประติมากรงานสำคัญๆ เช่น พระบรมรูปทรงม้า เป็นต้น
ยังมีสถานแสดงงานศิลปกรรมอีกหลายแห่งกระจายอยู่ทั่วซึ่งไม่ไกลกันนัก เหมาะจะเดินไปชมให้ทั่ว ซึ่งผู้สนใจบางคนมาพำนักอยู่เวนิสเป็นเดือนเพื่ออยู่ชมงานนี้โดยเฉพาะ
เนื้อหางานของแต่ละประเทศส่วนใหญ่จะเน้นไปที่เรื่องราวที่เป็นปัญหาของโลกปัจจุบัน ทั้งภัยธรรมชาติและภัยจากมนุษย์ด้วยกันเอง นี่แหละสำคัญนัก
ศิลปินคือนักสร้างสรรค์ภูมิปัญญาโดยแท้ ด้วยงานดีๆ ของเขาจะช่วยกระตุ้นเตือนความรู้สึกนึกคิดของคนได้ ความรู้สึกนึกคิดที่ดีจะเป็นองค์รวมของภูมิปัญญานั่นเอง
เสียดายที่บ้านเราขาดการปูพื้นฐานเรื่องศิลปกรรมอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่เรามีพื้นฐานเอกลักษณ์อยู่แล้วทั้งรูปแบบและเนื้อหา
หอศิลป์ดีๆ และพื้นที่ให้งานศิลปะดีๆ ได้ปรากฏ
นี่แหละที่บ้านเรายังขาดอยู่
เมืองศิลปะ
ผนังอิฐ อันเปลือยอิฐ
ที่ปูนปิด กะเทาะปูน
สมบัติ อันสมบูรณ์
สิ่งบอกเล่า กาลเวลา
น้ำเข้ม ทะเลเขียว
ก็เลี้ยวเข้าถึงชายคา
คูคลอง อันคล่องคลา
คือ ทะเล อันจำแลง
วารวัน ยังวนเวียน
ไป่แปรเปลี่ยน ไป่แปลกแปลง
สรรพศิลป์ อันส่องแสง
จึงเฉิดฉัน ตะวันฉาย
เติมเสน่ห์ ให้เวนิส
ให้จิตวิญญาณ ได้สาธยาย
ตัวตน บ่ พ้นตาย
แต่ศิลปะ สิกลับเป็น!
เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์