เผยแพร่ |
---|
ผลสะเทือนจากการตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯกทม.ในนาม “กลุ่มอิสระ” ของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ส่งผลสะเทือนอย่างลึก ซึ้งในทางการเมือง
โดยเฉพาะต่อพรรคเพื่อไทย
1 สัมผัสได้จากท่าทีของ ส.ส.ภาคกทม. และ 1 สัมผัสได้จากปฏิกิริยาอันกระทบต่อ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ถึงขั้นต้องน้ำตา ซึมด้วยความสะเทือนใจ
อาจเป็นเพราะพื้นที่กทม.มีความละเอียดอ่อนต่อพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นพิเศษ
อาจเป็นเพราะการตัดสินใจของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ คือสรุป
คือ สรุปว่ามีปัญหาดำรงอยู่ภายในพรรคเพื่อไทยที่ยังไม่สามารถ บริหารจัดการได้อย่างราบรื่นด้วยเวลาอันรวดเร็ว
ต้องยอมรับว่าองค์ประกอบภายในพรรคเพื่อไทยมีความต่อเนื่องมาจากพรรคพลังประชาชน พรรคไทยรักไทย
นั่นก็คือ การก่อรูปในแบบ”โฮลดิ้ง คัมปะนี”
นั่นก็คือ การนำเอาโครงสร้างในแบบ”ธุรกิจ”มาปรับประสานเข้ากับ “การเมือง”
เป็นการประกอบส่วนจากแต่ละ”มุ้ง”หรือแฟ็คชั่นเข้ามา
การบริหารโดย นายทักษิณ ชินวัตร อาจราบรื่นเพราะเปี่ยมด้วยศักย์ความเป็นผู้นำ แต่เมื่อมาถึง นายสมัคร สุนทรเวช ก็เริ่มจะไม่แข็งแกร่งเหมือนเดิม
ยิ่งมาถึงยุคของพรรคเพื่อไทยก็เริ่มไม่แน่ว่าจะสามารถบริหารจัดการได้โดยราบรื่น
ตัวอย่างก่อนการเลือกตั้งเดือนมีนาคมนับว่าเด่นชัด
เด่นชัดจากกรณีของพรรคไทยรักษาชาติ เด่นชัดจากกรณีพรรคประชาชาติ เด่นชัดจากกรณีพรรคเพื่อชาติ หรือแม้กระทั่งพรรคเศรษฐ กิจใหม่ก็ตาม
เหมือนกับจะเป็นการแยกกันเดินเพื่อรวมกันเข้าตี แต่ในนั้นก็มีรอยร้าวบางประการดำรงอยู่
ระดับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ย่อมมองออก อ่านทะลุ
การตัดสินใจของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ คือการยอมรับความเป็นจริงเมื่อต้องเผชิญกับพื้นที่กทม.อันแหลมคมยิ่ง
และนี่มิใช่กรณีสุดท้ายสำหรับพรรคเพื่อไทย