รายงานพิศษ / เปิดทัพ 14 ขุนพลคอแดง ‘บิ๊กแดง-บิ๊กบี้-บิ๊กแก้ว-บิ๊กหนุ่ย’ กับภารกิจสุดขอบฟ้า เจาะศึกนอก ศึกในทัพเรือ จากคลื่นใต้น้ำ สู่สึนามิ

รายงานพิศษ

เปิดทัพ 14 ขุนพลคอแดง

‘บิ๊กแดง-บิ๊กบี้-บิ๊กแก้ว-บิ๊กหนุ่ย’

กับภารกิจสุดขอบฟ้า

เจาะศึกนอก ศึกในทัพเรือ

จากคลื่นใต้น้ำ สู่สึนามิ

พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์

ต้องยอมรับว่า ในบรรดา ผบ.เหล่าทัพนั้น บิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ กลายเป็น ผบ.ทบ.ที่มีพลังอำนาจมากกว่า ผบ.ทบ.ในยุคใด

ไม่ใช่เพราะคุมเหล่าทัพที่ใหญ่ที่สุด กำลังพลมากที่สุดกว่า 2 แสนคน

ไม่ใช่เพราะนั่งเป็น ผบ.ทบ. 2 ปี

ไม่ใช่เพราะเป็นลูกชายของบิ๊กจ๊อด พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทหารสูงสุด

ไม่ใช่เพราะแค่เป็นน้องเลิฟน้องรักสายตรงของนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมเท่านั้น

แถมเป็นนายกฯ และ รมว.กลาโหม อย่างบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เคยเป็นหัวหน้า คสช.นำรัฐประหาร และเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยตนเองมายาวนาน 5 ปี และได้เป็นต่อหลังการเลือกตั้ง

แต่ที่สำคัญที่สุดคือ พล.อ.อภิรัชต์เป็นทั้งนายทหารพิเศษประจำกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ทม.รอ.) และเป็น ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (ผบ.ฉก.ทม.รอ.904) และคณะกรรมการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์

ที่สำคัญ เป็น ผบ.ทบ. และ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ที่มีบทบาทสำคัญในการทำให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย

รวมทั้งการเปลี่ยนผ่านกองทัพไปสู่การเป็นหน่วยในพระองค์ ที่เริ่มจาก ร.1 รอ. และ ร.11 รอ. อย่างค่อยเป็นค่อยไป สู่การเป็น ทม.รอ.1 และ ทม.รอ.11

และการปรับโครงการกองทัพบก รองรับการถ่ายโอน ด้วยการขยับชั้น พล.ร.11 รอ. ขึ้นมาเป็นกำลังทหารราบ กำลังรบหลักของกองทัพภาคที่ 1 แทนกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.)

แต่หัวใจสำคัญคือ การบริหารจัดการใน ฉก.ทม.รอ.904 ตั้งแต่การคัดเลือกนายทหาร และการฝึกหลักสูตร ทม.รอ.เป็นเวลา 3 เดือน

ก่อนที่จะเป็น “นายทหารคอแดง” ที่นอกจากมีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง สมาร์ต เป๊ะแล้ว ยังมีความจงรักภักดี และปฏิบัติตนตามบท “ราชสวัสดิ์” ในสมัยรัชกาลที่ 6

จนวันนี้ กองทัพจึงมีนายทหารคอแดงที่เป็นระดับคีย์แมนสำคัญรวม 14 นาย ที่ถือเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนตามพระบรมราโชบาย

นำโดย 1. พล.อ.อภิรัชต์ ที่เป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ที่ต้องจับตามองว่า เมื่อเกษียณจาก ผบ.ทบ. ในกันยายน 2563 แล้ว พล.อ.อภิรัชต์จะมีตำแหน่งสำคัญใดรองรับ แต่คาดกันว่า จะมีสถานภาพพิเศษ

ทั้งนี้ มีการตั้ง ฉก.ทม.รอ.904 ส่วนแยก ที่ บก.ทบ. เพื่อความสะดวกในการประสานงาน

และ 2. บิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผช.ผบ.ทบ. ที่เพิ่งขึ้นมาจากแม่ทัพภาคที่ 1 และเคยเป็นรอง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ขยับมาเป็นหัวหน้าสำนักงาน ฉก.ทม.รอ.904

ทั้งนี้ เป็นที่รู้กันดีว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์เตรียมจ่อขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ต่อจาก พล.อ.อภิรัชต์ในปลายปี 2563

ท่ามกลางกระแสข่าวลือการยืดเวลาเกษียณอายุราชการ

โดยมี 3. บิ๊กหนุ่ย พล.ท.ธรรมนูญ วิถี แม่ทัพภาคที่ 1 คนใหม่ ทำหน้าที่รอง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 แทน ในฐานะที่เป็นแม่ทัพคุมกำลัง และเพื่อน ตท.22 ของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ และน้องรักของ พล.อ.อภิรัชต์ แต่เพราะเกษียณกันยายน 2564 จึงทำให้ถูกมองว่าไม่มีโอกาสได้เป็น ผบ.ทบ.

และยังมี 4. บิ๊กต่อ พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์ แม่ทัพน้อยที่ 1 เป็นรอง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ที่กำลังถูกจับตามองว่าจะขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 คนต่อไป และย่อมหมายถึงการเข้าไลน์การเป็น ผบ.ทบ.ในอนาคตด้วย เมื่อ พล.อ.ณรงค์พันธ์ที่มีอายุราชการถึงกันยายน 2566 ส่วน พล.ท.เจริญชัย ตท.23 เกษียณกันยายน 2567 แถมเป็นนายทหารเสือราชินี น้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ด้วย

รวมทั้ง 5. รองอ๊อบ พล.ต.ทรงวิทย์ หนุนภักดี รองแม่ทัพภาคที่ 1 ที่ก็เป็นรอง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ตั้งแต่เดิม และเป็นนายทหารคอแดงอีกคนที่ถูกจับตามองว่าจะเข้าไลน์เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และ ผบ.ทบ.ในอนาคต

ที่อาจจะเป็นไปได้ทั้งการเป็นต่อจาก พล.ท.เจริญชัย ที่เกษียณ 2567 ส่วน พล.ต.ทรงวิทย์ เตรียมทหาร 24 เกษียณกันยายน 2568

ท่ามกลางการถูกจับตามองว่า การเรียนจบโรงเรียนนายร้อยเวอร์จิเนียร์ VMI จะเป็นอุปสรรคในการขึ้นเป็น ผบ.ทบ.หรือไม่ เพราะสถานการณ์เปลี่ยนจากที่แต่ก่อนจะมีการอ้างประเพณี กีดกันไม่ให้นายทหารที่จบจากต่างประเทศมาได้จบจากโรงเรียนนายร้อย จปร. เป็น ผบ.ทบ. ที่ก็พลาดเก้าอี้ ผบ.ทบ.มาแล้วหลายคน

ทั้ง พล.อ.วิจิตร สุขมาก อดีต รมว.กลาโหม และบิ๊กเสือ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ อดีต ผช.ผบ.ทบ. ที่จบจากโรงเรียนนายร้อยทหารบกสหรัฐอเมริกา เวสต์ปอยต์ และ พล.อ.สำเภา ชูศรี อดีต ผบ.ทหารสูงสุด และ พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ อดีต เสธ.ทบ. ที่จบจากโรงเรียนนายร้อย Saint Cyr แซงซีร์ จากฝรั่งเศส

และยังมี 6. รองโต พล.ต.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง รองแม่ทัพภาคที่ 1 ที่เติบโตมาจากสายบูรพาพยัคฆ์ พล.ร.2 รอ.

  1. รองบุ๋ม พล.ต.สุวิทย์ เกตุศรี รองแม่ทัพภาคที่ 1 ทหารม้า ที่เพิ่งขึ้นมาจาก ผบ.พล.ม.2 รอ.
  2. ผบ.หนุ่ย พล.ต.ธราพงษ์ มะละคำ ผบ.พล.ร.2 รอ.
  3. บิ๊กช้าง พล.ต.เอกรัตน์ ช้างแก้ว รอง ผบ.รร.นายร้อย จปร.
  4. บิ๊กเล็ก พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ รอง ผบ.รร.นายร้อย จปร. ที่ขยับมาจาก ผบ.พล.ร.2รอ.
  5. เสธ.เนี้ยว พล.ต.ทรงพล สาดเสาเงิน ผบ.พล.1 รอ.คนใหม่ ที่เป็นเสนาธิการ ฉก.ทม.รอ.904
  6. เสธ.รุณ พล.ต.กันตพจน์ เศรษฐารัศมี ผบ.พล.ม.2 รอ.คนใหม่
  7. เสธ.ตั้ง พล.ต.ธวัชชัย ตั้งพิทักษ์กุล ผบ.มทบ.11 คนใหม่

รวมทั้ง 14. บิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ เสนาธิการทหาร บก.กองทัพไทย ที่เพิ่งข้ามจากกองทัพบกไปหมาดๆ เพื่อไปจ่อคิวเป็น ผบ.ทหารสูงสุดคนใหม่ในปีหน้า ที่มีอายุราชการยาวถึงกันยายน 2566 เมื่อบิ๊กกบ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี เกษียณราชการกันยายน 2563

โดย พล.อ.เฉลิมพล ที่เป็นทหารม้า อดีต ผบ.พล.ม.2 รอ.คนนี้ เป็นเตรียมทหาร 21 น้องรักประดุจเพื่อนของ พล.อ.อภิรัชต์ ถูกมองว่าจะมาเสริมความแข็งแกร่ง และความเป๊ะให้กับกองบัญชาการกองทัพไทย แม้จะไม่ได้เป็นหน่วยกำลังรบ

นอกจากนั้น เดิมยังมีบิ๊กน้อย พล.อ.ภูมิใจ ชัยพันธุ์ ผบ.หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน (ผบ.อย.) แต่ก็ได้ขยับขึ้นมาเป็นพลอากาศเอก ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. และได้โอนย้ายจากทหารอากาศมาเป็นทหารบก ปฏิบัติหน้าที่นายทหารประจำสำนักงานผู้บัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์, นถปภ.รอ. แล้ว

การฝึกหลักสูตร ทม.รอ. อีกเฟสหนึ่ง กำลังจะเริ่ม ที่จะทำให้มีนายทหารในกองทัพบก กลายเป็นนายทหารคอแดง และจ่อเข้ามาช่วยงานใน ฉก.ทม.รอ.904 และเป็นนายทหารที่จะได้เติบโตในกองทัพบกในอนาคตอีกด้วย

ท่ามกลางการถูกจับตามองบทบาท พล.อ.อภิรัชต์ หลังบรรยายพิเศษ บทความเชิงวิทยานิพนธ์ ที่ พล.อ.อภิรัชต์เตรียมตัวมานาน 2 เดือน ในการคิดเขียน ทั้งปัญหาภาคใต้ ความมั่นคง และการเมืองในปัจจุบัน โดยเล็งไปที่ขบวนการหมิ่นสถาบันด้วย

โดยเฉพาะการนำชื่อ “บวรเดช” และ “ศรีสิทธิสงคราม” มาตั้งชื่อห้อง ที่อาคารพิพิธภัณฑ์ ทบ. ที่ปรับปรุงใหม่ โดยนายกฯ มาเปิดเมื่อ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่มีป้าย ร.1 รอ. และ ร.11 รอ. ติดที่ทางขึ้นด้วย

การตั้งชื่อนี้ เป็นการรำลึกถึงพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช อดีตเสนาบดีกระทรวงกลาโหม เป็นผู้นำกบฏบวรเดชพยายามยึดอำนาจจากรัฐบาลคณะราษฎร

และทหารสายเจ้า ที่มีความจงรักภักดี อย่าง พระยาศรีสิทธิสงคราม “ดิ่น ท่าราบ” แกนนำกบฏบวรเดชเมื่อปี 2476 พระยาศรีสิทธิสงครามเป็นพ่อของอัมโภชน์ ท่าราบ มารดาของบิ๊กแอ้ด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานท์ องคมนตรี อันเป็นการสะท้อนจุดยืนของกองทัพ ในการปกป้องสถาบัน

ในขณะที่กองทัพบกอยู่ในมือของ พล.อ.อภิรัชต์อย่างเบ็ดเสร็จในทุกๆ มิติ

 

ข้ามฟากไปที่กองทัพเรือ คลื่นใต้น้ำที่ก่อตัวมาตลอด 1 ปี ได้กลายเป็นสึนามิที่ถาโถมใส่บิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. ที่นั่งเป็นปีที่ 2

หลังสิ้นเสียงการมอบนโยบายเชิงให้โอวาท 1 ตุลาคม 2562 ที่หอประชุม ทร. ภาพถ่ายบ้านรับรอง ผบ.ทร. ที่ถูกถ่ายจากมุมบนจากหอประชุม ทร. ก็ถูกปล่อยผ่านสื่อ พร้อมข่าวการสร้างบ้านพัก ผบ.ทร.ที่ใหญ่โต ราวคฤหาสน์ 112 ล้าน

ด้วยเพราะหอประชุม ทร.ปิดปรับปรุงนานหลายเดือน พร้อมๆ กับการสร้างบ้านพักรับรอง ผบ.ทร. ที่ก็ใกล้จะเสร็จ

ไม่แปลก หากกำลังพลจะเข้าใจว่าเป็นบ้านพัก ผบ.ทร. เพราะสร้างบนพื้นที่เดิมที่เป็นบ้านพัก ผบ.ทร.มายาวนานกว่า 30 ปี แต่ด้วยความใหญ่โต จึงทำให้เกิดเสียงวิจารณ์และนำมาสู่การปูดข่าวผ่านสื่อ

จนทำให้บิ๊กต้อม พล.ร.ต.อภินันท์ เพ็งศรีทอง เจ้ากรมช่างโยธาทหารเรือ ที่เป็นผู้รับผิดชอบ ต้องตั้งโต๊ะแถลงยืนยันว่า ไม่ใช่บ้านพัก ผบ.ทร.อย่างเดียว แต่เป็นอาคารรับรองกองทัพเรือ ที่ไว้ต้อนรับแขกของ ทร. รวมทั้งผู้นำ ทร.ของมิตรประเทศ เพราะมีทั้งห้องประชุม วอร์รูม ห้องจัดเลี้ยง ห้องรับรอง และที่พัก

ที่เตรียมไว้ต้อนรับผู้นำทหาร ที่จะมาในช่วงการประชุม รมว.กลาโหมอาเซียนและคู่เจรจา ที่มีผู้นำทหารบางประเทศจะมาพบ พล.ร.อ.ลือชัยเป็นการส่วนตัว ที่คาดกันว่าจะเป็น รมว.กลาโหมจีนและผู้นำทหารจีนด้วย

อีกทั้งในห้วงการประชุมอาเซียนซัมมิท ที่จะมีผู้นำประเทศมหาอำนาจมาร่วม 11 พฤศจิกายน และการประชุม รมว.กลาโหมอาเซียน ADMM 17 พฤศจิกายน นั้น จะมีการใช้หอประชุม ทร. ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นที่ต้อนรับ

กองทัพเรือจึงต้องมีการแก้สัญญา จากที่ให้เสร็จ 25 พฤศจิกายนนี้ มาเป็น 1 พฤศจิกายน 2562 เพื่อให้เกิดความสวยสง่างาม และเป็นหน้าตาของประเทศ เมื่อยามที่ผู้นำประเทศต่างๆ มาเยือน เพราะอาคารรับรองนี้อยู่ติดกับหอประชุม ทร.เลย จึงต้องทำให้เสร็จเรียบร้อย ไม่เช่นนั้นจะกระทบความสวยงามของหอประชุม ทร.

ที่นี่จึงใช้งบประมาณถึง 112.5 ล้านบาท ที่รวมทั้งตัวอาคาร 65 ล้านบาท การตกแต่งภายใน 32.5 ล้านบาท และภูมิสถาปัตย์ด้านนอก ระบบป้องกันน้ำท่วมอีก 15 ล้านบาท ที่ ทร.ระบุว่า เปรียบเสมือนเป็นโรงแรมย่อมๆ ที่ใช้รับแขกบ้านแขกเมืองได้อย่างสมเกียรติ ด้วยความงดงามของแม่น้ำเจ้าพระยา และวิวหมื่นล้าน ที่ตรงข้ามเป็นพระบรมมหาราชวัง และด้านข้างคือ พระปรางค์วัดอรุณฯ

ด้วยเพราะ พล.ร.อ.ลือชัยมองว่า ไม่ควรจะสร้างเป็น ผบ.ทร.อย่างเดียว เพราะ ผบ.ทร.บางคนอาจมาพำนักอยู่ แต่บางคนก็ไม่ได้มาอยู่ แต่อยู่บ้านส่วนตัว เช่น พล.ร.อ.ลือชัยก็ไม่ได้มาอยู่ แต่ให้สร้างเป็นอาคารรับรองไว้รับแขกของ ทร.ได้ด้วย และใช้ศักยภาพของ ทร.ให้เต็มที่ เมื่อ ทร.โชคดีที่มีที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

หลังจากที่บ้านรับรอง ผบ.ทร.หลังเดิมทรุดโทรมชำรุดเสียหาย โดยเฉพาะที่ฐานราก หลังน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 แต่ก็ซ่อมแซมปรับปรุงเรื่อยมา จนกรมช่างโยธาทหารเรือเห็นว่า การซ่อมปรับปรุงไม่คุ้มค่า จึงเสนอให้สร้างใหม่ ประกอบกับมีภารกิจรับแขกบ้านแขกเมืองด้วย จึงเป็นการเร่งรีบ

“ไม่ได้ผิดอะไร เพราะเป็นงบฯ ของ ทร.เขาเอง เขาสร้างอาคารรับรองไว้เป็นของส่วนกลาง ไว้ใช้ประโยชน์ ใช้รับรองแขกได้” บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ระบุ

แต่ทว่า นั่นเป็น wake up call ให้ พล.ร.อ.ลือชัยรู้ว่า เกิดคลื่นใต้น้ำ และศึกภายในกองทัพเรือขึ้นแล้ว

 

เพราะตามมาด้วยการปล่อยภาพบ้านพักรับรอง 51 ล้านบาทบนเขา ที่หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) โดยอ้างว่าเป็นบ้านส่วนตัว ผบ.ทร. แต่ทว่า เป็นอาคารอเนกประสงค์และบ้านรับรอง ผบ.ทร. ที่สร้างไว้รับรอง ผบ.ทร. และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ที่มาปฏิบัติภารกิจที่สัตหีบ ชลบุรี โดยมีห้องประชุม ห้องปฏิบัติการทางทหาร ห้องจัดเลี้ยง พร้อมรับรองแขกของหน่วยและ ทร.ด้วย

และตามมาด้วยกลอนโจมตี เรื่องความเชื่อเรื่องดวงชะตา และฮวงจุ้ย ตามประสานายทหารที่ชื่นชอบปรัชญาจีนและอ่านสามก๊กหลายรอบ

และมีอีกหลายเรื่องตามมา

โดยมีเพจ CSiLA กลายเป็นช่องทางในการโจมตี พล.ร.อ.ลือชัยด้วย และมักจะโจมตีกองทัพและรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์มาตลอด จึงกลายเป็นศึกใน ทร. มาประสานสอดคล้องกับศึกนอกนั่นเอง

รวมทั้งการทำบุญที่วัดโมลีฯ ทุกวัน ก็เพื่อสนับสนุนพระเณรที่มาเล่าเรียนจำนวนมาก ไม่มีคนดูแล

ขณะที่ข้อสันนิษฐานของฝ่ายสนับสนุนบิ๊กลือ ที่ว่า เป็นผลจากการแต่งตั้งโยกย้ายของ ทร.ครั้งนี้

ล่าสุดที่ พล.ร.อ.ลือชัยล้างบาง จัดทัพใหม่หลายตำแหน่ง โดยที่บางตำแหน่งถูกขยับเพราะทำภารกิจไม่สำเร็จก็มี ผลงานไม่เข้าตาก็มี บางคนหวังตำแหน่งแต่ไม่ได้ ก็ไม่พอใจก็มี

จนเรียกตามกันเป็น ไข่นอกตะกร้า ที่ พล.ร.อ.ลือชัยไม่ได้เลือกลงใส่ตะกร้า ลงตำแหน่ง แต่ทว่า ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไข่ไม่ดี แต่แค่ไม่มีที่ลงในตะกร้าเท่านั้น แต่ให้ทำงานทำหน้าที่ไป ในวันหนึ่ง ก็จะได้เป็นไข่ในตะกร้า

บ้างก็สันนิษฐานไปถึงบทบาทของ พล.ร.อ.ลือชัยในสนามบินอู่ตะเภา ที่ไม่ยอมเกี้ยเซียะให้กลุ่มทุนใหญ่ แต่ยึดหลักการประมูลที่ถูกต้องตามระเบียบ

สำคัญคือ เกิดขึ้นหลังจากที่ พล.ร.อ.ลือชัยพูดถึงโครงการบางโครงการในอดีต ที่มีราคาสูงกว่าเรือดำน้ำ 1 ลำเสียอีก

รวมทั้งการเตือนว่า “ผมไม่ดุ แต่เด็ดขาด อย่าทำชั่วให้เห็น เพราะจะถูกเด็ดคอได้โดยไม่รู้ตัว แต่คนที่ถูกเด็ดคอจะรู้ตัวดีว่าทำอะไรไป”

จึงเปิดปฏิบัติการรุกกลับ หวังเด็ดคอ พล.ร.อ.ลือชัย ด้วยการปูดข่าว และหวังใช้กระแสโซเชียลที่มีบรรดาคนที่ไม่ชอบทหาร ต่อต้านรัฐบาล ต้าน คสช.เดิม ผสมโรงด้วย

 

ด้วยบุคลิกลักษณะที่เป็นคนแข็งกระด้าง ขวานผ่าซาก พูดตรง และใช้คำแรง จึงอาจมีส่วนกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยามุมกลับ ไม่นับรวมการมีความเชื่อในเรื่องดวงชะตา ฮวงจุ้ย อย่างมาก

โดยเฉพาะเมื่อปีแรกที่มาเป็น ผบ.ทร. ก็ประกาศนโยบาย “Stop the Past Start the New หยุดสิ่งเลวร้ายในอดีต แล้วเริ่มต้นในสิ่งที่ดีงาม วัฒนาสถาวร” ที่ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อย จากทหารเรือในยุคก่อนๆ

รวมทั้งการยุบ “ศูนย์ฝึกทหารใหม่” ที่ พล.ร.อ.ลือชัยเห็นว่ามีเรื่องผลประโยชน์ โดยแยกย้ายให้หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และ สอ.รฝ. เป็นหน่วยฝึกทหารเกณฑ์เอง ที่ส่งผลสะเทือนต่อกำลังพลเดิมไม่น้อย

รวมถึงนโยบายการให้แข่งขันไตรกีฬานาวีเฉลิมพระเกียรติ 5 สนามในปีที่ผ่านมา โดยกำหนดให้ ผบ.หน่วย ตั้งแต่ระดับ ผบ.พัน ผู้การเรือ ผบ.หน่วย ต้องร่วมแข่งขัน เพื่อแสดงความเป็นผู้นำ และต้องมีร่างกายที่แข็งแรง โดยที่ พล.ร.อ.ลือชัยที่เป็นนักวิ่งมาราธอนอยู่แล้ว ลงแข่งเองทุกสนาม ทั้งว่ายน้ำ ขี่จักรยาน และวิ่ง

จากที่เกิดความรู้สึกต่อต้านในช่วงแรกๆ เพราะต้องกลับมาฟิต และต้องมีการเตรียมทีมสำหรับลงแข่ง และมีค่าใช้จ่าย ค่าชุด ค่าจักรยาน ค่าเดินทาง ซึ่ง ผบ.หน่วยก็ต้องควักกระเป๋าอยู่แล้ว

แต่ต่อมาแรงต้านลดน้อยลง เพราะกลายเป็นการกระตุ้นให้ ผบ.หน่วยของ ทร.ออกกำลังกาย และดูแลรักษาสุขภาพร่างกายกันมากขึ้น ซึ่งเข้ากับ ยุคนี้ที่เป็นยุคเป๊ะ ที่ทหารจะต้องเป๊ะ

ถึงขั้นที่ พล.อ.พรพิพัฒน์ ผบ.ทหารสูงสุด และบุคคลสำคัญ มาร่วมแข่งขันด้วย จน พล.ร.อ.ลือชัยประกาศจะแข่งขันอีก 4 สนามในปีหน้า

 

ความจริง คลื่นใต้น้ำใน ทร.เริ่มก่อตัวตั้งแต่ศึกชิงเก้าอี้ ผบ.ทร. เมื่อปี 2561 นั่นแล้ว แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อ พล.ร.อ.ลือชัยได้เป็น ผบ.ทร.

แต่การพูดจริง ทำจริง เชื่อมั่นในตัวเองสูงของ พล.ร.อ.ลือชัย และการแต่งตั้งโยกย้ายทหาร กลายเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดคลื่นใต้น้ำ สะสมจนกลายเป็นสึนามิ

แต่สำหรับ พล.ร.อ.ลือชัยที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง มองสิ่งที่เกิดขึ้นว่ามีคน “กลัว” ว่า ผบ.ทร.จะเอาจริง เล่นงานจริง จึงหวังเตะตัดขา ผบ.ทร.เสียก่อน

“ทองแท้ ย่อมไม่กลัวไฟ …เมื่อผมลุกขึ้นยืนตรง เงาก็ต้องตรงตามไปด้วย เมื่อเราทำดี ก็ไม่ต้องกลัวการติฉินนินทา” พล.ร.อ.ลือชัยกล่าวสั้นๆ

จับตาดูว่า ศึกใน ทร. จะส่งผลต่อการชิงเก้าอี้ ผบ.ทร. จากนี้ไปอีก 1 ปีเต็มๆ หรือไม่ ในเมื่อมีแคนดิเดตถึง 3 คน ที่น้ำหนักสูสี แถมมีกองเชียร์แต่ละฝ่ายอีกเพียบ

“ถ้าใครให้ร้ายคนอื่น ถ้าผมรู้ โน่น จะไล่ให้ไปอยู่ท้ายแถวเลย” …ประหนึ่งจะถูกตัดคะแนน และหมดสิทธิ์ในการชิงเก้าอี้แม่ทัพเรือ

นี่ล่ะคือ บิ๊กลือ นายทหารเรือสไตล์ทหารบก น้องชายบิ๊กโชย พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี ที่ห้าวหาญ ห้าวเป้ง พอๆ กัน

           ที่กำลังถูกโฟกัสว่า จะฝ่าคลื่นสึนามิ และสยบคลื่นใต้น้ำในทะเลทัพเรือ ให้เป็นท้องทะเลสีครามที่เงียบสยบได้หรือไม่ และเช่นไร