“ขบวนการทำลายชาติ” ที่ต้องเชื่อ ? เมื่อ “มั่นคง” สำคัญกว่า “ปากท้อง” ?

“ขบวนการทำลายชาติ” ที่ต้องเชื่อ

หากมองความเป็นไปทางการเมืองโดยไม่เอาความชอบความชังส่วนตัวมาเป็นตัวชี้วัด ผลทั้งทางความคิดและความรู้สึกออกมาในแนวไม่ต่างกันนักว่า “รัฐบาลเริ่มอยู่ในสภาพตั้งรับ” อันหมายถึงความเชื่อถือศรัทธาเป็นในทางตกลงเรื่อยๆ และน่าจะฟื้นภาพลักษณ์ให้ขึ้น

เมื่อมองในมุมนี้ย่อมหมายว่า ความเสถียรภาพของรัฐบาลอยู่ในภาวะที่ไม่มั่นคงนัก

ชัดเจนว่าเหตุนั้นมาจากทั้งการเมืองที่เมื่อปรับเข้าสู่ “ระบบรัฐสภา” แล้ว รัฐบาลแม้จะมีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร แต่เป็นมากพอแค่ในระดับ “ปริ่มน้ำ” ซึ่งจะอ่อนไหวในทุกครั้งที่มีการโหวต และหากเป็นเรื่องสำคัญย่อมกระทบต่อการดำรงอยู่ต่อไป

และทางเศรษฐกิจที่ปัญหาปากท้องของประชาชน ที่นับวันเสียงกล่าวหาจะตั้งเป้าไปที่ความรู้ความสามารถของคณะรัฐมนตรีมีไม่พอที่จะเผชิญกับวิกฤต

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะแทบไม่เหลือเหตุผลพอที่รัฐบาลจะอยู่ต่อไปได้ยาวดังกล่าว แต่มีคนกลุ่มหนึ่งที่เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และเครือข่าย คสช.ที่สืบทอดอำนาจมาจากการรัฐประหาร ย่อมมีเครื่องมือที่จะใช้จัดการให้อยู่ต่อไปได้ โดยไม่เกี่ยวกับความไม่มั่นคงในรัฐสภา และคำถามเรื่องความสามารถในการบริหารประเทศ

เป็นเครื่องมือเดิมที่เรียกว่า “ความมั่นคงของประเทศ”

“ความมั่นคง” จะถูกหยิบยกขึ้นมาให้ความสำคัญกว่า “การเมือง” และ “ปัญหาปากท้อง”

ใครปฏิเสธลดทอนความสำคัญของ “ความมั่นคง” ย่อมง่ายต่อการถูกโจมตีว่า “ไม่รักชาติ” และสมควรที่จะต้องจัดการควบคุมให้เด็ดขาด

“โครงข่ายขบวนการทำลายประเทศ” ถูกจัดทำขึ้นมาแล้ว และเป็นเรื่องสำคัญระดับที่ “พล.อ.ประยุทธ์” นำมาอ่านระหว่างที่ตัวเองถูกอภิปรายเรื่อง “ถวายสัตย์ไม่ครบถ้อยความตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดบังคับ”

อันทำให้เกิดการตีความว่า “เรื่องราวในเอกสารนี้สำคัญกว่าประเด็นที่ฝ่ายค้านอภิปราย”

นั่นเป็นอาจจะเป็นความคิดของ “ผู้มีอำนาจ”

ความน่าสนใจอยู่ที่ประชาชนทั่วไปรู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้

“นิด้าโพล” ทำการสำรวจมาแล้ว

ผลที่ออกมาคือ ในคำถามที่ว่า “เชื่อหรือไม่ว่ามีโครงข่ายขบวนการทำลายประเทศ”

ร้อยละ 27.40 ไม่เชื่อเลย เห็นว่าเป็นการปั่นกระแสข่าวให้ประชาชนตื่นตระหนก, ร้อยละ 22.99 ค่อนข้างเชื่อ เพราะขบวนการนี้มีมานานแล้ว แต่เป็นเพียงคนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งเท่านั้น, ร้อยละ 19.29 ไม่ค่อยเชื่อ, ร้อยละ 17.95 ระบุว่า ไม่แน่ใจ, ร้อยละ 11.50 เชื่ออย่างแน่นอน โดยพิจารณาจากองค์ประกอบหลายๆ ด้าน และมั่นใจว่ามีมาตั้งนานแล้ว, ร้อยละ 0.87 ไม่มีความเห็น/ไม่สนใจ

จากผลสำรวจนี้แม้ว่าประชาชนส่วนใหญ่จะมีความเห็นออกไปในทาง “ไม่เชื่อ”

ทว่า จำนวนฝ่ายที่เชื่อก็มีไม่น้อย

แต่อย่างไรก็ตาม ความเชื่อหรือไม่เชื่อของประชาชนเป็นเรื่องหนึ่ง

ความจำเป็นที่จะต้อง “รักษาความมั่นคง” เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ไม่ว่าประชาชนเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม “โครงข่ายขบวนการทำลายชาติ” ย่อมถูกยกมาเป็นเหตุผลที่ต้องให้ความสำคัญในการเข้าไปจัดการมากกว่าปัญหาทางการเมือง และปากท้องประชาชน

อาจจะเป็นเพราะความเชื่อว่า “ความสำคัญเรื่องความมั่นคง” มีมากกว่าปัญหาอื่นของประเทศ จำเป็นต้องแก้ไขก่อน

และไม่ว่า “ความไม่มั่นคง” นั้น ในความคิดความเชื่อของประชาชนจะเป็นอย่างไร ก็ไม่มีเรื่องที่จะทำให้เกิดอะไรขึ้น

ขอเพียง “ผู้มีอำนาจ” ยืนยันว่า “ขบวนการทำลายชาติมีอยู่จริง”

แต่นั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้อยู่ต่อไปได้ โดยเหตุผลอื่นย่อมถูกตีตกไป