สถานการณ์อันปะทุจาก “ชาวนา สงขลา” มากด้วยความละเอียดอ่อน

เพราะเป็นพื้นที่ของ “ประชาธิปัตย์”

“ประชาธิปัตย์” อันถือได้ว่ามีความสัมพันธ์แนบแน่นอย่างยิ่งกับ “คสช.” และ “รัฐบาล”

รู้กันอยู่ว่าจังหวัดนี้ นายถาวร เสนเนียม มีบทบาท

ขณะเดียวกัน ก็รู้กันอยู่ว่า นายถาวร เสนเนียม มีความสำคัญเพียงใดใน “กปปส.”

รองจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็ นายถาวร เสนเนียม

ก็ในเมื่อบทสรุปของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ต่อรัฐบาลหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557

คือ “รัฐบาลของเรา”

บทสรุปของ นายถาวร เสนเนียม จึงแทบไม่ต่างไปจากของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ

แต่ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด กลับแถลงออกมา

 

รัฐบาลตรวจสอบพบข้อมูลว่า มีอดีตนักการเมืองในจังหวัดสงขลา พยายามเป็นแกนนำชักชวนเกษตรกรในพื้นที่ให้รวมตัวกดดันรัฐบาล

เพื่อให้ช่วยเหลือด้านเมล็ดพันธุ์ภายหลังน้ำท่วมคลี่คลาย

โดยมีนัยยะทางการเมืองแอบแฝงและแสดงบทบาทให้ประชาชนเห็นว่ามีความสำคัญและกลุ่มการเมืองยังรักและเป็นห่วงประชาชนอยู่นั้น

เป็นพฤติกรรมอันเคยชินเพื่อหวังผลทางการเมือง ไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

ทั้งที่ทราบดีและยอมรับแล้วว่า รัฐบาลให้ความช่วยเหลือในระดับหนึ่งแล้วและจะดำเนินต่อไปอีกจนกว่าทุกอย่างจะเป็นปกติ จึงอยากให้กลุ่มการเมืองทบทวนบทบาทตนเอง

อยากให้พี่น้องเกษตรกรมีเกียรติและศักดิ์ศรี ดำรงชีพอยู่ได้ยั่งยืน

ไม่ตกเป็นเครื่องมือให้ใครใช้เป็นเครื่องมือหรือแสวงหาประโยชน์ทางการเมือง

 

แม้ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ไม่ได้ระบุว่า “อดีตนักการเมือง”เป็นใคร

แต่ระบุเพียงว่า เป็นนักการเมือง”สงขลา”

ผลก็คือ นายถาวร เสนเนียม กับ นายเจือ ราชสีห์ และ นายชัยวุฒิ ผ่องแผ้ว เรียงแถวหน้ากระดานเรียง 1 กันออกมา

1 ยอมรับว่าได้เข้าไปมีส่วนจริง แต่มิได้ยุยง

ขณะเดียวกัน 1 ก็ระบุด้วยว่า ถ้าเป็น”รัฐสภา”โดยปรกติ คงมีการตั้ง “กระทู้” และเชื่อว่าปัญหาคงได้มีการแก้ไขลุล่วงไปแล้วด้วยความเรียบร้อย

เท่ากับยอมรับว่า “รัฐสภา” ตอนนี้มิได้ “ปรกติ”

เท่ากับเป็นการตอบโต้และสวนกับ “แถลง” อันมาจาก พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โดยตรง

เป็นเรื่องอันเกิดขึ้นแล้วที่ “สงขลา”