ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 27 กันยายน - 3 ตุลาคม 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | หลังลับแลมีอรุณรุ่ง |
ผู้เขียน | ธงทอง จันทรางศุ |
เผยแพร่ |
ในวงสนทนาเมื่อสองวันที่ผ่านมา อดีตนายตำรวจผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ได้เล่าประสบการณ์ชีวิตวัยหนุ่มของท่านว่า เมื่อท่านติดพันชอบพอกับสาวผู้หนึ่งซึ่งต่อมาคือภริยาของท่านในปัจจุบันนี้
ท่านต้องเอาใจครอบครัวของฝ่ายหญิง และวิธีเอาใจที่ได้ผลมากที่สุดคือการนั่งเล่นสกากับคุณพ่อคุณแม่ของคุณผู้หญิงข้ามวันข้ามคืน
เล่นจนได้แต่งงานกับลูกสาวของเขานี่แหละครับ
ในวงสนทนาซึ่งมีคนหลายวัย หลายอายุรวมกัน มีรุ่นน้องคนหนึ่งถามผมว่า พระสังข์ในเรื่องสังข์ทองเล่นสกากับพระอินทร์ใช่หรือไม่
ก่อนที่เรื่องจะสับสนเลยเถิดไปกันใหญ่ ผมร้องว่าไม่ใช่
พระสังข์รายนั้นถนัดตีคลี อารมณ์ประมาณกีฬาที่ฝรั่งเรียกว่าโปโล
ส่วนคนที่เล่นสกาในวรรณคดีนั้น คือ ท้าวพรหมทัตกับพระยาครุฑเวนไตยในเรื่องกากีต่างหาก
อย่าเอาสองเรื่องมาเย็บเล่มรวมกัน ผู้อ่านจะสับสน
ผู้ฟังบอกว่า พี่พูดว่าอะไรผมก็ต้องเชื่อ เพราะพี่พูดอะไรคนเขาก็เชื่อกันทั้งนั้น ไม่ว่าจริงหรือเท็จอย่างไรก็ตาม
ประโยคนี้ฟังดูแปร่งๆ ไหมครับ จะเรียกว่าเป็นคำชมได้หรือไม่หนอ
แต่เอาเถิด เมื่อเรื่องราวล่วงเลยมาถึงขั้นนี้ เพื่อความมั่นใจของตัวเองว่าที่บอกเล่าให้น้องทั้งหลายฟังไปไม่ใช่ความเท็จ
ทันใดนั้นผมก็เลยหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เปิดเข้าไปเช็กใน Google เพื่อตรวจสอบว่าความทรงจำผมยังแม่นยำดีพอหรือไม่
ปรากฏว่าวันนั้นสอบผ่านครับ
นี่ถ้าเป็นสมัยโบราณผมคงต้องติดค้างเรื่องนี้อยู่ในใจ เมื่อกลับมาถึงบ้านตอนเย็นก็ค่อยไปค้นตู้หนังสือเพื่อหาหนังสือเรื่องกากีมาเปิดอ่าน
พอได้ความถ่องแท้แล้วจึงโทรศัพท์กลับไปบอกน้องรายที่ว่า ใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะยืนยันกันได้
แต่โลกสมัยนี้ไม่ต้องใช้เวลานานขนาดนั้น
สองนาทีก็ตรวจสอบข้อมูลได้แล้ว
ทุกอย่างอยู่แค่ปลายนิ้วกับโทรศัพท์หนึ่งเครื่องเท่านั้น
เห็นไหมครับว่า โลกของเราเปลี่ยนแปลงไปมาก รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งผมไปสัมมนากับคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งประชุมร่วมกันกับคณะกรรมการสำคัญอีกสองชุดคือคณะกรรมการพัฒนากฎหมายและคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
หัวข้อการประชุมเหมาะทีเดียว เพราะผู้จัดได้เชิญผู้หลักผู้ใหญ่หลายท่านมาพูดถึงเรื่องเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปกับงานร่างกฎหมาย ที่เราต้องก้าวให้ทันกับความเป็นไปของโลก
หลายเรื่องที่วิทยากรพูดในเช้าวันนั้น ทำให้ผมฉุกใจได้คิดว่า โลกที่ผมรู้จักคุ้นเคยมาแต่อ้อนแต่ออกกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
อาชีพหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป
บางอาชีพเปลี่ยนแปลงไปถึงขนาดที่จะไม่มีอยู่ในโลกนี้อีกต่อไปแล้ว
ขณะที่หลายอาชีพเกิดขึ้นใหม่และกำลังมาแรงมาเร็วอย่างน่าจับตามอง
คนช่างกินอย่างผมก็นึกต้องนึกถึงเรื่องร้านอาหารก่อนเป็นลำดับแรก เมื่อผมเป็นเด็กนั้นรายการแนะนำร้านอาหารที่รับความนิยมสูงสุดก็ต้องเป็นเชลล์ชวนชิมของคุณชายถนัดศรี ผู้ที่เพิ่งล่วงลับไปท่ามกลางความอาลัยของหลายคนรวมทั้งผมด้วยเมื่อไม่นานมานี้
คุณชายเริ่มต้นจากการเขียนคอลัมน์ร้านอาหารอร่อยในหนังสือพิมพ์ แล้วขยายไปสู่สื่อวิทยุและโทรทัศน์ในภายหลัง
ต่อจากคุณชายก็ยังมีอีกหลายคนที่เดินแนวทางเดียวกัน เช่น แม่ช้อยนางรำ และอีกหลายรายการ หลายช่องโทรทัศน์
แต่มาถึงทุกวันนี้ หลานของผมมีวิธีการหาร้านอาหารมาแนะนำลุงแก่ๆ อย่างผมได้หลายวิธีมาก เช่น เข้าไปดูใน Wongnai เราอยากจะกินอะไรเล่าครับ เขาสรรหามานำเสนอหมดทุกซอกทุกมุมของประเทศ
มีเว็บไซต์บางรายนำเสนอวิธีการลดราคาพลิกแพลงต่างๆ มีข้อเสนอลดราคาด้วยเงื่อนไขต่างๆ ล้วนแต่น่าตกหลุมพรางทั้งสิ้น
รายการแนะนำแต่ละรายการก็มาหมดทั้งรูปทั้งเสียง
ขาดก็กลิ่นกับรสเท่านั้น
นอกจากนั้น ยังมีอาชีพอีกอาชีพหนึ่งที่เกิดขึ้นสำหรับคนรุ่นใหม่ ดูเหมือนจะเรียกกันว่า ยูทูบเบอร์ YouTuber
เจ้า YouTube นี้เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์อย่างหนึ่งที่มีคนคิดขึ้นเมื่อปี 2549 นี่เอง
คนคิดเป็นฝรั่งชาวอเมริกันสามคน หลักการสำคัญคือโปรแกรมนี้สามารถทำให้ใครก็ตามสามารถเอาวิดีโอขึ้นไปแปะหรือแขวนไว้ในคอมพิวเตอร์ เพื่อให้คนทั้งหลายเข้ามาดูได้
ตอนนี้โปรแกรมดังกล่าว Google ซื้อไปแล้วครับ จะเรียกว่า Google เป็นเจ้าของกิจการนี้ก็ได้
คนที่เป็นยูทูบเบอร์ต้องเป็นคนที่มีความสามารถฉลาดคิดผลิตรายการวิดีโอที่น่าสนใจ
ถ้ารายการของเราเป็นรายการดีจริง มีคนติดตามชมเป็นจำนวนมาก ผู้ผลิตรายการกับ YouTube ก็จะได้ติดต่อกันเพื่อตกลงทำมาหากิน
วิธีทำมาหากินนั้นคือ YouTube จะหาผู้ที่สนใจมาลงโฆษณาแทรกลงไปในรายการที่ยูทูบเบอร์เป็นผู้ผลิต
เมื่อผู้ชมเข้ามาชมรายการที่ตนเองสนใจจากผู้ผลิตรายการเจ้าเดิม คราวนี้ก็ต้องเห็นโฆษณาล่ะครับ
รายได้ค่าโฆษณาที่เกิดขึ้นเป็นรายรับตรงของบริษัท YouTube รับจากเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือเอเยนซี่โฆษณา
ถ้าถามต่อไปว่าแล้วผู้ผลิตรายการได้อะไร
คำตอบก็คือว่า จะได้ส่วนแบ่งหรือเป็นค่าจ้างผลิตรายการจากบริษัท YouTube ตามวิธีการคิดคำนวณเงินที่ตกลงกัน
เช่น อาจจะตกลงว่าถ้ามีคนดูจำนวนเท่านั้นเท่านี้ คนผลิตรายการจะได้ค่าตอบแทนอย่างไรบ้าง
เราจึงพบว่า เมื่อเราไปถามหนุ่มสาวบางคนว่าทำมาหากินอะไร เขาจะไม่ตอบด้วยถ้อยคำที่บ่งบอกอาชีพแบบที่เราคุ้นเคยมาเก่าก่อน เช่น เป็นหมอ เป็นทนายความ เป็นครู เป็นเซลส์แมน หรืออะไรทำนองนั้นอีกต่อไปแล้ว
เขาจะบอกว่าเขาเป็น YouTuber ต้องซักไซ้กันอยู่นานจึงจะเข้าใจว่าเขาทำมาหากินอะไร
แรกทีเดียวก็เป็นห่วงว่าเงินจะพอกินหรือไม่ พอได้ความกระจ่างแล้วผมกลับมาห่วงตัวเอง เพราะรายได้ของเขาดีกว่าผมเป็นไหนๆ
รายการที่ดีๆ มีแฟนติดตรึม มีคนดูเป็นเรือนแสนเรือนล้านก็มีนะครับ ขณะที่ผมเขียนหนังสือแทบเป็นแทบตายมีคนอ่านไม่กี่พันคน ฮา:)
โลกก็เป็นเช่นนี้นี่เอง มีอาชีพใหม่เกิดขึ้น อาชีพเก่าก็ล้มตายหายไป
เมื่อตอนผมเป็นเด็กเรียนหนังสือชั้นประถม เวลาโรงเรียนปิดเทอมใหญ่สองสามเดือน โทรทัศน์ก็มีให้ดูเป็นบางเวลา ไม่ได้เปิดบริการ 24 ชั่วโมงอย่างปัจจุบัน
ตอนบ่ายสถานีโทรทัศน์ไม่ทำการ ความบันเทิงที่พอจะหาได้โดยไม่ต้องเสียเงินก็คือการฟังละครวิทยุ
ยังจำได้ดีเลยครับว่ามีละครวิทยุเรื่อง เงา ซึ่งดัดแปลงมาจากนวนิยายเรื่องเดียวกันของทมยันตี ผมฟังจนติดงอมแงม เป็นแฟนคลับท่านชายวสวัตมาตั้งแต่ยุคนั้นแล้ว
คณะละครวิทยุที่มีชื่อเสียงยุคนั้นมีหลายคณะ เช่น คณะกันตนา คณะแก้วฟ้า และคณะเกศทิพย์
แล้วเดี๋ยวนี้เป็นอย่างไรหรือครับ เลิกกิจการกันไปหมดแล้ว ได้ยินว่าเหลือคณะเกศทิพย์อยู่เพียงคณะเดียว ผมก็ขอส่งใจไปช่วยให้อยู่ได้นานๆ นะครับ
คนที่เคยอยู่ในแวดวงอาชีพหรือกิจการละครวิทยุต้องผันตัวเองไปทำอาชีพอย่างอื่น ยกตัวอย่างเช่น ละครวิทยุคณะกันตนา ทุกวันนี้เรายังได้ยินชื่อกันตนาอยู่ แต่เขาไปไกลกว่าเดิมมาก กันตนากลายเป็นสถาบันอุดมศึกษาระดับปริญญาตรี และทำสื่อต่างๆ อีกนานาชนิด นับได้ว่าเป็นตัวอย่างของผู้ที่รู้จักปรับตัวเข้ากับความเปลี่ยนแปลง
ขณะที่คณะละครวิทยุอีกบางคณะ ตัดสินใจเลิกกิจการแล้วต่างคนก็ต่างไป ประมาณว่าพบกันใหม่เมื่อชาติต้องการ อะไรทำนองนั้น
แต่ชาติก็ยังไม่ต้องการเสียที เศร้าจัง
โดยอาชีพแล้วผมเป็นนักกฎหมาย เคยได้ยินมาตั้งแต่ตอนเป็นนิสิตใหม่ว่า ประเทศไทยของเรามีกฎหมายสงวนอาชีพไว้บางอาชีพให้เฉพาะผู้มีสัญชาติไทยเป็นผู้ประกอบอาชีพเช่นว่านั้นเท่านั้น อาชีพดังกล่าวก็เช่น เผาถ่าน ตัดผม หรือถีบสามล้ออะไรเทือกนั้น
นี่ก็เหมือนกันครับ อาชีพทั้งสามข้างต้นเหลืออะไรอยู่บ้างหรือ
ผมมีหลานซึ่งเป็นลูกของน้องชายอยู่ในวัยเรียนสองคน ผมไม่กล้าแนะนำเขาเลยครับว่าเขาควรประกอบอาชีพอะไร ผมรู้สึกว่าตัวเองมีความรู้จำกัดเหลือเกิน
อาชีพที่ผมรู้จักล้วนแต่อยู่สภาพเหมือนพระอาทิตย์กำลังใกล้จะตกดิน
อาชีพใหม่เกิดขึ้นอยู่เสมอ เด็กๆ รู้ดีครับว่าโลกของเขาหน้าตาเป็นอย่างไร
ปล่อยให้ผมเผาถ่านและถีบสามล้อต่อไปก็แล้วกัน ตกลงนะหลานๆ