สังคมตามติด “ชีวิตเด็กเอ็น” ผ่าคดีพริตตี้ “ลัลลาเบล” ครหา “ถ่วง-กั๊ก” สางคดี?

นาทีนี้แทบจะปฏิเสธไม่ได้ว่า “อาชีพเด็กเอ็น (เตอร์เทน)” กลายเป็นประเด็นสุดร้อนที่มีชั่วโมงข่าวรายวัน แทบจะยิ่งเสียกว่าการยื่นมือช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมพื้นที่อุบลราชธานีที่ยังไม่ทั่วถึง, นายกฯ ถวายสัตย์ไม่ครบ, ศาลรัฐธรรมนูญตีตกคำร้อง “ปม” นายกฯ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ ไปจนถึงรัฐมนตรีโยงใยคดียาเสพติด

เด็กเอ็น (เตอร์เทน) หรือพริตตี้สาว ที่จะเป็นทั้งเพื่อนกิน เพื่อนเที่ยว คอยสร้างบรรยากาศความสนุกในงานสังสรรค์ สนนราคาค่าตัวไล่ตั้งแต่ 1,000-100,000 บาท ตามแต่ประเภทงานที่รับ ทั้งใน “มุมสว่าง” และ “มุมมืด”

แต่เรื่องราวที่ถูกร้อยเรียงมาทั้งหมด จะไม่เกิดขึ้น ถ้าไม่มีกรณีศึกษาในคดีการเสียชีวิตปริศนาของพริตตี้สาวนามเรียกขาน “ลันลาเบล”

แรกเริ่มคดีนี้ ตำรวจบุคคโลรับแจ้งเหตุพบหญิงสาววัยรุ่นนอนเสียชีวิตปริศนาบนโซฟาล็อบบี้คอนโดมิเนียมหรูแห่งหนึ่งย่านบีทีเอสตลาดพลู เมื่อเวลาราวตีสาม วันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา ทราบชื่อผู้เสียชีวิต น.ส.ธิติมา นรพันธ์พิพัฒน์ อายุ 25 ปี เป็นสาวพริตตี้สุดสวยที่รู้จักในวงการชื่อว่า “ลัลลาเบล”

พอลงพื้นที่ตรวจสอบต้นสายปลายเหตุ พบภาพวงจรปิดว่ามีนายรัชเดช วงศ์ทะบุตร หรือน้ำอุ่น หนุ่มพริตตี้บอย อายุ 24 ปี ที่เป็นคนกึ่งลากกึ่งหิ้วร่างสาวเจ้ารายนี้อย่างทุลักทุเลตั้งแต่หน้าประตูคอนโดฯ จนขึ้นลิฟต์ กระทั่งเวลาช่วงฟ้าสาง ตำรวจถึงได้บุกห้องพาตัวไปสอบปากคำเครียดที่โรงพักยันเช้า

น้ำอุ่นเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุไปพบผู้ตายในงานปาร์ตี้ที่บ้านพักย่านบางบัวทองแล้วรู้สึกชอบพอกัน ก่อนดื่มเหล้ากันหนักหน่วงแล้วนัดหมายมาเที่ยวต่อที่คอนโดฯ ตัวเอง เจ้าตัวปฏิเสธหัวชนฝาอ้างว่าไม่ได้มอมเหล้าหรือหยอดยาลัลลาเบล เพียงแต่ได้ดื่มแบบช็อตเพียวกันแบบหนักข้อไปหน่อยเท่านั้น และอ้างว่ายังไม่ทราบด้วยว่าเบลเสียชีวิตไปตั้งแต่เมื่อไหร่

ขณะที่ข้อมูลการแพทย์ชี้ให้เห็นว่า หากร่างกายมนุษย์ได้รับแอลกอฮอล์ปริมาณสูงถึง 400 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์อย่างเฉียบพลัน อาจส่งผลรุนแรงถึงขั้นหยุดหายใจ หมดสติและเสียชีวิตในที่สุด

ซึ่งผลการตรวจหาแอลกอฮอล์ในเลือดของเบล พบว่ามีปริมาณที่ตกค้างอยู่ถึง 418 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จึงระบุสาเหตุการตายของเบลอย่างเบื้องต้นได้ว่าเกิดจากพิษสุรา

หากฟังแต่ผลสรุปเบื้องต้น คดีก็ดูไม่น่าจะซับซ้อน แต่ด้วยแรงส่งจากกระแสโซเชียลที่ผู้คนต่างรับไม่ได้กับการที่น้ำอุ่นลากถูเบลไปกับพื้นคอนโดฯ บวกกับระยะเวลาการทำงานของตำรวจที่ค่อยๆ เป็นไป แม้ชาวเน็ตจะเชื่อว่าน้ำอุ่นเป็นคนผิดแน่ๆ แต่ทำไมยังไม่ออกหมายจับสักที

ตลอดทั้งสัปดาห์เต็ม ตำรวจได้เรียกสอบปากคำพยาน ทั้งเจ้าของบ้านผู้จัดปาร์ตี้ พริตตี้ โมเดลลิ่งผู้ดีลงานระหว่างเบลกับเจ้าของงาน ไปจนถึงนิติบุคคลคอนโดฯ และ รปภ. รวมถึงคนที่พักในคอนโดฯ เดียวกับน้ำอุ่นรวมกว่า 20 ราย

ระหว่างนั้นก็มีหลักฐานคลิปและภาพจากอินเตอร์เน็ตมาเพิ่มการบ้านให้ตำรวจได้ไขความจริงกันเรื่อยๆ หนึ่งในนั้นคือนาฬิกาสมาร์ตวอตช์ของเบล ที่เก็บข้อมูลอัตราการเต้นของหัวใจครั้งสุดท้ายเวลา 17.00 น. วันที่ 16 กันยายน แต่เงื่อนปมพันยุ่งยากเพราะยังหาเวลาการตายที่แท้จริงไม่ได้ เนื่องจากหลักทางแพทย์ต้องคำนวณเวลาทบหน้า-หลังจากที่ร่างกายสิ้นสภาพการทำงาน

“ปาร์ตี้ในงานเริ่มตั้งแต่ 13.00 น. และหากเบลเสียชีวิตในช่วงเวลาตั้งแต่ 15.00-17.00 น. คดีนี้จะอยู่ในความรับผิดชอบของ สภ.บางบัวทอง หากอยู่ในห้วง 17.00-18.00 น. ก็เป็นตามเส้นทางที่รถของน้ำอุ่นวิ่งมาถึงคอนโดฯ ย่านตลาดพลู หากอยู่ในหลังห้วงเวลา 18.00-19.00 น. จะเป็นความรับผิดชอบในพื้นที่ สน.บุคคโล จึงต้องหาช่วงเวลาการตายที่ชัดเจน แต่ตอนนี้พอมีเค้าโครงช่วงเวลาการตายของเบลแล้ว เพียงต้องรอข้อมูลจากพยานสนับสนุน” พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า ผบก.น.8 กล่าวในวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ด้วยเหตุผลที่ต้องยึดหลักนิติวิทยาศาสตร์เป็นที่สุด ตามหลักการขออำนาจอนุมัติออกหมายจับ ต้องยึดพยานหลักฐานคำให้การประกอบกันเพื่อให้พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนส่งอัยการสั่งฟ้องศาล

ระหว่างนี้เอง เหล่าผู้เชี่ยวชาญเริ่มวิเคราะห์แนวทางการแจ้งข้อหาตามกฎหมายมาตราต่างๆ นานา เบาะแสจากนักสืบโซเชียลผุดเป็นดอกเห็ด ทั้งยังคอยจับจ้องการทำงานตำรวจ และการนำเสนอข่าวของสื่อที่เนื้อหาแตกแยกคนละทิศทางจนแทบหาความจริงไม่ได้ แม้จะมีประเด็นสำคัญอื่นในรอบสัปดาห์แต่ก็หายเงียบ ทั้งที่น่าจะมีเรื่องจรรโลงสังคมได้ดีกว่านี้!

กระทั่งช่วงดึกวันที่ 24 กันยายน ศาลอาญาธนบุรี ได้อนุมัติออกหมายจับนายรัชเดช หรือน้ำอุ่น ในข้อหา “หน่วงเหนี่ยวกักขังทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, พาไปเพื่อกระทำอนาจาร และกระทำอนาจาร” ก่อนตำรวจตามรวบตัวพาไปสอบปากคำ โดยน้ำอุ่นให้การภาคเสธว่า เป็นบุคคลตามที่ปรากฏในภาพต่างๆ จริง แต่ไม่มีเจตนาจะทำให้ลัลลาเบลถึงแก่ความตาย

ส่วนเหตุผลที่ไม่พาไปโรงพยาบาล เพราะน้ำอุ่นคิดว่าเบลเมาจนหมดสติไปเท่านั้น ซึ่งมาทราบหลังจากญาติพี่น้องติดต่อมาบอกว่าเบลเสียชีวิตแล้ว

แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อกับคำให้การของน้ำอุ่นที่อ้างว่าเบลสมัครใจมาคอนโดฯ ตัวเอง ทั้งนี้ ขัดกับพยานหลักฐานหลายอย่างในมือตำรวจ

ฟากนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน ให้ความเห็นถึงคดีนี้ว่า

ประเด็นแรก คือ เจตนาของน้ำอุ่น ที่พบเห็นอาการหมดสติ น้ำลายฟูมปาก ปากเขียวคล้ำ แล้วไม่พาผู้ตายไปโรงพยาบาลหรือให้ได้รับการปฐมพยาบาล ทั้งยังพาไปคอนโดฯ จนกระทั่งนำร่างของผู้ตายลงมาไว้ที่โซฟาอีกหลายชั่วโมงต่อมา จะนำไปสู่การพิจารณาว่ากระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่น (โดยงดเว้น) ความตามประมวลกฎหมายอาญา ม.288 ประกอบ ม.80 และ ม.59 วรรคท้าย และจะเป็นการย้ายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตายด้วยหรือไม่

“ส่วนกรณีที่ยังไม่สามารถขอศาลออกหมายจับตัวผู้ต้องสงสัยเพราะยังไม่รู้เวลาการตายที่เเน่นอนนั้น หากอาศัยอำนาจสอบสวนตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา ม.19(3) ประกอบ (6) กรณีเป็นความผิดต่อเนื่องและกระทำต่อเนื่องกันในท้องที่ต่างๆ เกินกว่าท้องที่หนึ่งขึ้นไปที่เกิดขึ้นกับผู้เสียหายระหว่างเดินทาง ถือว่าพนักงานสอบสวนทั้ง สภ.บางบัวทอง และ สน.บุคคโล มีอำนาจสอบสวนได้ สำหรับกรณีนี้ ผบ.ตร.ยังมีอำนาจตั้งคณะกรรมการร่วมทั้งสอง สน.เป็นพนักงานสอบสวนได้ เนื่องจากเป็นคดีที่ได้รับความสนใจจากประชาชน” ทนายวิญญัติระบุ

เพียงเท่านั้น ในช่วงดึกวันที่ 24 กันยายน ตำรวจสามารถขอหมายจับนายรัชเดช หรือน้ำอุ่น ในข้อหา “หน่วงเหนี่ยวกักขังทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, พาไปเพื่อกระทำอนาจาร และกระทำอนาจาร” ก่อนตำรวจตามรวบตัวพาไปสอบปากคำ ทำให้คดีในส่วนนี้อยู่ในพื้นที่ สน.บุคคโล อย่างชัดเจน

หากมองย้อนกลับไปยัง ป.วิอาญา ม.19 ที่ว่าแล้ว เหตุใดจึงไม่ตั้งพนักงานสอบสวนร่วมกันเพื่อสางคดีและตอบคำถามสังคมภายในสัปดาห์แรกนับแต่เกิดเรื่อง

หรือเพียงเพราะเป็นความต้องการดึงสำนวนคดีให้อยู่ในพื้นที่เดียวหรือไม่ ประเด็นนี้ยังเป็นคำถามให้คาใจอยู่