อุรุดา โควินท์ / อาหารไม่เคยโดดเดี่ยว : ผักยังมีลำดับชั้น

เพื่อนวางถุงผักบนโต๊ะ เห็นยอดโผล่ออกมานิดเดียว ฉันก็รู้ว่าเป็นเชียงดา

เมื่อวานฉันเพิ่งทอดกับไข่ กินคู่น้ำพริก ได้มื้อง่ายแสนอร่อย ผักเชียงดาไม่ค่อยขาดตลาด มีให้กินทั้งปี และจะงามมากเมื่อเจอฝน ความขมนิดๆ ปนความมัน ช่วยเรียกน้ำย่อยของฉันได้ดีนัก

ปัญหาเดียวก็คือ ฉันเพิ่งกินเมื่อวาน อย่างมากมายเสียด้วย กินจนหายอยาก พอเห็นผักเชียงดาอีก ฉันถึงกับอิ่มทิพย์

“เอาราชาแห่งผักมาให้” เพื่อนว่า

“เชียงดาเนียะนะ”

“ก็ใช่สิ รู้มั้ยมันมีประโยชน์มากมายแค่ไหน มันมี…”

“โอเค เอาเป็นว่ามีประโยชน์มาก” ฉันเน้นเสียงคำว่ามาก รีบดักคอนักวิชาการการเกษตร คราวก่อนได้ฟังบรรยายเรื่องการปลูกข้าวอยู่ครึ่งชั่วโมง ได้ความรู้นั่นล่ะ แต่พอเถอะ ฉันอยากทำหัวโล่งๆ ก่อนเข้าครัว

จะไม่โล่งก็เพราะราชาแห่งผักนี่ล่ะ

“คิงบ่มักก๊ะ” สีหน้าฉันคงปิดไม่มิด เพื่อนถึงเข้าใจผิดว่าฉันไม่ชอบผักเชียงดา

“ก็ลำอยู่” แต่เมื่อวานเพิ่งกิน (ประโยคนี้พูดในใจ)

“เอาคั่วกับไข่ ทอดไข่ อร่อยนะเพื่อน ต้องกินเลย”

“เมื่อวานเพิ่งกินเนียะ” ฉันโพล่งออกไป ไม่กลัวเพื่อนเก้อแล้วล่ะ ก็กินไม่ไหวแล้ว ไข่เจียวผักเชียงดาเนียะ

“กินอีกวันก็ไม่ได้” เสียงเพื่อนเหมือนน้อยใจ อุตส่าห์หาผักแสนดีมาประเคน แทนที่ฉันจะดีใจ กลับทำหน้าเบื่อโลก

รู้สึกผิดโดยพลัน หรือจะกินได้ ผักเชียงดาเนียะ ขอคิดก่อน ฉันเดินไปรินกาแฟวางบนโต๊ะให้เพื่อน แล้วหยิบถุงผักเข้าครัว

แค่นั้นเพื่อนก็ยิ้ม ไม่ช่วยให้หล่อขึ้นเลย แต่ทำให้ฉันตัดสินใจ กินอีกมื้อนะเชียงดา ถ้าเพื่อนเอาผักมาให้ตอนนี้ หมายถึงเพื่อนอยากกิน

 

ฉันเดินไปถามเขา ผู้กินข้าวร่วมกับฉันทุกมื้อ “กินเชียงดาอีกมื้อไหวมั้ย”

“ก็ได้นะ”

เขากินง่าย อยู่ง่าย ขอให้ทำเองร้อนๆ กินได้ทั้งสิ้น

“จิ๋วเอาเชียงดามาให้ จะไม่ทำกินก็ยังไงอยู่ แต่เมื่อวานเราเพิ่งกินอ่ะ”

“เอามาแกงอร่อยนะ” เขาเสนอ

จริงด้วย ฉันเคยแกงผักเชียงดากับปลาแห้ง แกงให้เผ็ดหน่อย กินกับไข่ต้มคนละฟอง แล้วก็ข้าวเหนียว

ถ้าโชคดีมีปลาแห้งติดครัวนะ ฉันคิด

รีบเดินเข้าครัว ขอให้มี ขอให้เจอปลาแห้งสักตัวในตู้เย็น แต่เอาเถอะ ยังไงก็แกง ถ้าไม่มี ฉันจะซิ่งมอเตอร์ไซค์ไปซื้อ ล้างผักเลยก็แล้วกัน

เพื่อนเก็บมาเยอะมาก เหมาะกับการแกงเป็นที่สุด เพราะผักจะยุบเหลือนิดเดียว ล้างแบบผ่านๆ ผักจากมือนักวิชาการการเกษตรต้องปลอดภัยอยู่แล้ว เด็ดเอาแต่ยอด และใบอ่อน ใส่ถาดรอไว้

 

สรุปว่าเรามีปลาแห้ง และมีมะเขือเทศลูกเล็กเหลือจากทำน้ำพริกอ่องวันก่อนนู้น จะขาดก็แต่กระดูกเคี่ยวทำซุป ไม่เป็นไร ฉันจะใส่หัวหอมลงในน้ำพริกแกงเยอะๆ ช่วยให้น้ำแกงหวานขึ้น

น้ำพริกแกงเมืองง่ายที่สุดในโลก ไม่ต้องตำให้เนียนด้วย สำหรับผักเชียงดา ใช้พริกแห้ง กระเทียม หัวหอม (มากหน่อย) ใส่เกลือนิดหน่อย ตำพอแหลก เติมกะปิลงไปสองช้อนชา แค่นี้ก็พร้อมแกง

ถ้ามีน้ำซุปจากกระดูกจะอร่อยขึ้น แต่ถ้าไม่มี เราก็แกงได้ ใส่น้ำน้อยหน่อย ตั้งไฟ รอเดือดจึงใส่น้ำพริกแกง คนให้เข้ากัน แล้วหักปลาแห้งเป็นชิ้นใหญ่ๆ ลงหม้อ ตามด้วยผักเชียงดา และมะเขือเทศลูกเล็ก พอผักสุก ค่อยเหยาะน้ำปลา แล้วชิม

แกงเมืองไม่นิยมน้ำตาล บางคนใส่ผงชูรส แต่สำหรับฉัน หัวหอมในน้ำพริกแกงคือเครื่องปรุงรสชั้นดี ได้รสที่ต้องการแล้วก็ปิดเตา

ต้มไข่คนละฟอง พอหิว ค่อยซิ่งมอเตอร์ไซค์ไปซื้อข้าวเหนียว

แกงเมืองแสนดีตรงนี้ เรียบง่าย งามสง่า ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เรียบร้อย เหลือเวลาฟังเพื่อนบรรยายเรื่องการเกษตรอีกพักใหญ่

 

“ตกลงทำแกงผักนะ กินได้ใช่มั้ย” ฉันถามเพื่อน

“เหมาะเลย แกงผักอะไรจะสู้เชียงดา นี่คือผักที่อยู่บนยอดปิระมิด ราชาแห่งผัก”

ผักก็มีลำดับชั้นโนะ แล้วชะอม ชะพลู ผักเหม็นๆ ของโปรดฉันล่ะ อยู่ในลำดับไหน อ้อ หน่อไม้ของโปรดเขาด้วย

จะบอกว่าตลาดสดในเชียงรายมีผักหลากหลายก็ไม่เชิง ต้องใช้คำว่า มีผักยอดฮิตเป็นช่วงๆ ในฤดูฝน ตลาดจะเต็มไปด้วยหน่อไม้ และเชียงดา จนบางครั้งฉันก็สงสัย ว่าเราสามารถกินมันได้บ่อยแค่ไหนกัน เราไม่เบื่อกันบ้างเหรอ

และถ้าเรากินมากไป ราชาแห่งผักจะยังทรงคุณค่าอยู่บนยอดปิระมิดหรือไม่ อืม…ข้อนี้ก็น่าสนใจ

ฉันมองหน้าเพื่อน

ไม่ถามดีกว่า ถ้าไม่อยากฟังการบรรยายเรื่องผัก ฉันควรนำเขาสู่หัวข้อสนทนาใหม่

“ไปวิ่งหรือเปล่า งานวิ่งของโรงเรียนเก่าเราน่ะ”

เท่านั้นล่ะ เรื่องเล่าครั้งเรายังเป็นเด็กม.ปลาย จะทยอยออกจากปากเพื่อน เล่าความหลังได้ทั้งวัน ตามสบายเลยเพื่อน

อย่างน้อยก็ฟังเพลินกว่าการจัดลำดับชั้นของผักสด