แมลงวันในไร่ส้ม /ข่าวน้ำท่วมอุบลฯ การช่วยเหลือ 2 แนวทาง พระเอกบิณฑ์-นายกฯ ตู่

แมลงวันในไร่ส้ม

ข่าวน้ำท่วมอุบลฯ

การช่วยเหลือ 2 แนวทาง

พระเอกบิณฑ์-นายกฯ ตู่

 

กระหึ่มไปทั่วประเทศ เมื่อ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” พระเอกสายบู๊ ที่ระยะหลังหันไปทำงานด้านกู้ภัย สังคมสงเคราะห์ ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือน้ำท่วมอุบลฯ

โดยไลฟ์เปิดใจผ่านเฟซบุ๊กเมื่อวันศุกร์ที่ 13 กันยายน

หลังกลับจากไปช่วยน้ำท่วมที่ จ.อุบลราชธานี และจะกลับไปอีกครั้งในวันที่ 16 กันยายน โดยน้องชายฝาแฝด เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ อยู่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่อุบลฯ

บิณฑ์กล่าวระหว่างไลฟ์ว่า ทุกครั้งที่น้ำท่วมที่ต้องการมากคือ ปัจจัย ไม่มีใครเอาไปให้เลย น้ำท่วมเป็นอาทิตย์แล้ว บางคนทำงานรับจ้างรายวัน พอน้ำท่วมไม่มีรายได้ ผมอยู่ในพื้นที่มา 5-6 วันจึงได้รู้ความต้องการ เอาเงินให้คนแก่คนละพัน เขายกมือกราบไหว้เลย เพราะเขาต้องการปัจจัยเอาไปซื้อสิ่งที่ต้องการ

“ผมกลับมาคิดว่าจะเบิกเงินเอาไปให้ มีผู้อพยพหลายหมื่นครอบครัว จะพยายามช่วยเท่าที่ผมช่วยได้ เห็นหลายครอบครัวอยู่กันแบบหน้าชื่นอกตรม บางบ้านไม่มีเงินติดบ้าน ได้รับแต่ของแจกแต่ไม่มีเงินติดตัวเลย เพราะรายได้มาจากการรับจ้างรายวัน พร้อมตัดพ้อด้วยว่า รัฐบาลเอาเงินไปช้อปปิ้ง ช้อปอะไร รัฐบาลไม่มาดูพี่น้องชาวอุบลฯ บ้าง”

“ผมสัมผัสมา อยากจะช่วย แต่ก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากมาย วันจันทร์นี้จะเบิกเงินส่วนตัวไป 1 ล้านบาท ใครอยากจะช่วยทำบุญ อยากจะฝากไป 10-20 บาทก็ได้ รวมกันก็ได้เยอะ โดยจะไปช่วยพี่น้องที่ อ.วารินชำราบ และที่ศูนย์อพยพก่อน หากใครอยากช่วยจะบอกเลขบัญชีอีกครั้ง”

ข้อความดังกล่าวแพร่กระจายไป ถึงเช้าจันทร์ที่ 16 กันยายน มียอดบริจาคเข้ามาทะลุ 200 ล้านบาท บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ถอนเงินบริจาคแล้วเดินทางไปอุบลฯ และแจกเงินสดครอบครัวละ 5,000 บาท

กลายเป็นข่าวเกรียวกราว ขณะที่ยอดบริจาคเดินไปเรื่อยๆ

ในวันที่ 16 กันยายน รัฐบาลประกาศจัดรายการรับบริจาคเงินช่วยเหลือทางทีวี โดยนายกฯ จะไปรับโทรศัพท์ด้วยตนเอง

วันที่ 17 กันยายน บิณฑ์และคณะยังออกแจกเงินสด พร้อมกับเปิดเผยว่า ประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลโทร.มา ให้เข้าร่วมรับโทรศัพท์กับท่านนายกฯ ในวันนี้ช่วงบ่าย แต่ผมติดภารกิจอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี จึงได้ให้เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ เป็นตัวแทนไป เพราะเขาเดินทางกลับกรุงเทพฯ ไปถ่ายละครพอดี

“ขอยืนยันว่าผมไม่มีเจตนาข้ามหน้าข้ามตาท่านนายกฯ ตอนผมเข้ามาวันแรกๆ มันเงียบมาก มันต้องช่วย ชาวบ้านได้ข้าวสารอาหารแห้งไปแล้ว คิดว่าเงินก็อาจจะช่วยเหลือชาวบ้านได้ ผมเลยเบิกเงินส่วนตัว 1 ล้านบาทช่วยเหลือพวกเขาดีกว่า แล้วผมก็รู้สึกว่าเมื่อพวกเขาได้เงิน พวกเขามีความสุข ผมจึงเปิดรับบริจาค แค่นั้นเอง”

 

วันเดียวกับที่บิณฑ์ไลฟ์แจ้งความตั้งใจจะนำเงินไปช่วยเหยื่อน้ำท่วมที่อุบลฯ คือวันที่ 13 กันยายน ขณะนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเดินทางลงใต้ไปที่ จ.สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช

โดยเยี่ยมชมการเรียนการสอนของวิทยาลัยอาชีวศึกษาภาวนาโพธิคุณ ณ วิทยาลัยอาชีวศึกษาภาวนาโพธิคุณ ต.หน้าเมือง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. และประธานคณะกรรมการบริหารวิทยาลัยอาชีวศึกษาภาวนาโพธิคุณ ให้การต้อนรับ

นายสุเทพพานายกฯ เยี่ยมชมกิจกรรมของวิทยาลัย จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์เข้าครัว โชว์ฝีมือทำใบเหลียงผัดไข่ พร้อมบอกว่าได้ใส่ความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ลงไป สิ่งเหล่านี้ทำให้เราอยู่ได้

ระหว่างพบปะนักศึกษา คณาจารย์ ผู้บริหารและประชาชนชาวสมุย นายกฯ ได้เปิดเพลง “อยู่อย่างจงรัก ตายอย่างภักดี” จากโทรศัพท์มือถือส่วนตัวให้เด็กๆ ฟัง โดยก่อนเปิดเพลงได้กล่าวว่า ลองฟังดู แต่ไม่รู้ว่าจะซาบซึ้งเหมือนที่ตนซาบซึ้งหรือไม่ แต่ตนซาบซึ้งเพราะเป็นทหารเก่า อยู่กับสิ่งเหล่านี้มาตลอดชีวิต

เมื่อจบเพลง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า “ทุกคนต้องมีเพลงนี้ เพราะเราคือคนไทย แผ่นดินไทย เกิดเป็นไทยตายเพื่อไทย แผ่นดินนี้มีให้เราเหยียบให้เราตาย เกิดแผ่นดินไทย ตายแผ่นดินไทย นั่นคือสิ่งที่คนไทยต้องสำนึก และขอให้รักลุงสุเทพให้มากๆ เพราะเขาดูแลเรา”

ภาพ พล.อ.ประยุทธ์เดินเคียงข้างนายสุเทพแพร่กระจายไป และเรียกเสียงวิจารณ์จากโซเชียลอย่างกว้างขวาง

 

วันที่ 16 กันยายน ที่เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาบุคลากรภาครัฐ และกล่าวบนเวทีตอนหนึ่งว่า ประชาชนยังเกิดความไม่เข้าใจ วันนี้มีคำถามว่าทำไมรัฐบาลไม่เอาเงินไปให้ประชาชนคนละ 5,000 บาท

นายกฯ กล่าวอีกว่า มีคนพูดว่า น้ำท่วมทำไมไม่แจกเงิน เพราะไม่มีเงินใช้ ไม่มีเงินกินข้าว แต่ถามว่าทำได้หรือไม่ ทำไมประชาชนถึงไม่เข้าใจเลย

ประชาชนเคยชินกับสิ่งที่เคยได้ โดยไม่สนใจว่าจะถูกหรือผิด ไม่เข้าใจระเบียบราชการ วันนี้เราไม่ได้มีปัญหาแค่ระบบราชการ หรือการเมือง แต่มีปัญหาที่คนด้วย ที่พูดไม่ได้ตำหนิใคร เพียงแต่อยากชี้ให้ทุกคนเห็นว่าโจทย์ประเทศอยู่ตรงไหน ไม่ใช่เห็นหน้ากันก็จะขอแต่เงิน ขอแต่เงิน และร้องเรียนว่าเงินไม่ถึงมือโดยตรง ไม่ว่าผมจะไปไหนก็มีแต่คนขอเงิน ของบฯ ขอขึ้นเงินเดือน ผมอึดอัดใจมาก

ถ้าผมมี ผมรวย หรือประเทศไทยรวย ผมก็อยากให้จริงๆ ผมไม่โทษใครเพราะเขายังขาดแคลน แต่ข้าราชการต้องช่วยกันอธิบาย เพราะประชาชนไม่รู้จะขอใคร ก็ขอที่นายกฯ ซึ่งผมอยากให้แต่ไม่มีเงินให้ เราต้องจัดสรรให้จากเงินในระบบ ตามขั้นตอนโปร่งใส ถึงมือประชาชน แต่พอไม่ให้ ก็มีคนมาพูดอย่างอื่น คนก็เชื่อกันไปหมด สื่อโซเชียลก็เฮตาม ว่าทำไมรัฐไม่ช่วย

ฝนตกน้ำท่วมก็โทษรัฐบาล ผมก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร ฝนตกมา 5 วัน 500 มิลลิเมตร รู้กันบ้างหรือเปล่า รู้แต่ก็จะด่า สรุปว่าด่าได้ทุกเรื่อง พาดหน้าปกได้ทุกวัน ผมไม่รู้จะทำอย่างไรกับตรงนี้ การสร้างการรับรู้ผิดไปหมด ทำให้เจ้าหน้าที่ก็ไม่อยากทำงาน เพราะทำแล้วก็โดนด่าเหมือนเดิม ก็ไม่ทำเสียดีกว่า ท่านรู้ไหมสิ่งที่ท่านทำมันเกิดผลอะไรกับประเทศไทย

นายกฯ มีท่าทีหงุดหงิด โดยระบุว่า เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา อกจะแตกตาย เพราะไม่ได้พูดกับใคร บางตอนกล่าวถึง “ไอ้คนที่อยู่เมืองนอก” ว่ากลับมาก็แก้ปัญหาไม่ได้

ข่าวสารเรื่องน้ำท่วมอุบลฯ และบทบาทของภาคเอกชนอย่างบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ในด้านกลับทำให้เห็นถึงประสิทธิภาพของรัฐบาลที่ยังแก้ไขปัญหาแบบเดิมๆ

เข้าไม่ถึงความต้องการที่แท้จริงของประชาชน ที่ต้องการ “เงินสด” ไปจับจ่าย บรรเทาความเดือดร้อน นอกเหนือจากข้าวสารอาหารแห้ง

เป็นโลกที่เปลี่ยนไปแล้ว รัฐบาลจะแก้ปัญหานี้อย่างไร เป็นข่าวที่ประชาชนทั่วไปรอติดตามรับฟัง