ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 13 - 19 กันยายน 2562 |
---|---|
ผู้เขียน | เสถียร จันทิมาธร |
เผยแพร่ |
วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู/เสถียร จันทิมาธร
เงื่อนงำ เฟยหลิว เหมิงจื้อ (10)
ภาพของเหมยฉางซูค่อยๆ คลี่แบออก ณ เบื้องหน้า เพียงมาถึงประตูเมืองอาการสะทกสะท้านของเขาก็นำไปสู่ความผูกพันอย่างลึกซึ้งกับปราชญ์เมธีใหญ่ หลีฉง
หลีฉง ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของ “ราชโอรส”
หลีฉง ซึ่งเมื่อ 10 กว่าปีก่อนสร้างความระคายเคืองต่อเบื้องพระยุคลบาททำให้ถูกปลดจากตำแหน่งพระอาจารย์เป็นสามัญชน ต้องหลีกลี้หนีห่างเมืองหลวงด้วยความขุ่นเคือง สุดท้ายกลัดกลุ้มระทมทุกข์จนตาย
เหมยฉางซูเงียบงันเนิ่นนานค่อยลืมตาขึ้นช้าๆ
“พวกท่านวางใจในเมื่อมาถึงราชานคร มากน้อยยังคงรำลึกถึงเรื่องราวเจ็บช้ำต้องหนีหน้าจากเมืองหลวงของท่านอาจารย์ผู้ล่วงลับขึ้นมาบ้าง หามิได้หมกมุ่นอยู่ในความหมองหม่นตลอดไป ข้าไม่เป็นไร พวกเราเข้าเมืองกันเถอะ”
กระทั่งเดินทางบรรลุถึงคฤหาสน์ใหญ่โตหลังหนึ่ง หน้าประตูสูงตระหง่านแขวนป้าย “จวนหนิงกั๋วโหว” เห็นชัดเจนสะดุดตา
สาวเท้าผ่านประตูใหญ่ สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาเขียนคำ “เสาศิลาพิทักษ์แผ่นดิน” ถึงกับเป็นฝีพระหัตถ์ขององค์จักรพรรดิ
นี่ย่อมเป็นคฤหาสน์ของเซี่ยอวี้ บรรดาศักดิ์ “หนิงกั๋วโหว” สวามีขององค์หญิงลี่หยาง
หลังผ่านการสนทนาอย่างมากด้วยรสชาติระหว่างเหมยฉางซู กับเซียวจิ่งรุ่ย เซี่ยปี้ เหยียนอวี้จิน จนเย็นย่ำสนธยา “ไห่เยี่ยน” ปิดบทที่ 1 แรกเยือนนครหลวง อย่างมากด้วยเงื่อนงำ
เหมยฉางซูลุกเดินไปส่งถึงนอกประตู มองส่งทั้ง 3 จากไป เสียงกลองบอกเวลา 2 ยามดังขึ้น เขาชะงักเท้าหยุดฟังเงียบๆ ครู่หนึ่ง ดวงตาเหม่อมองคฤหาสน์ใหญ่ท่ามกลางราตรีสงัดเงียบ เนิ่นนานให้หลังค่อยปิดประตูห้องอย่างแผ่วเบา
ความสนใจของเหมยฉางซูอยู่ที่คฤหาสน์ใหญ่อย่างแน่นอน ความสนใจที่ลึกซึ้งยิ่งไปกว่านั้นคือความสนใจต่อเซี่ยอวี้
แล้วสถานการณ์ก็ทำให้เหมยฉางซูได้พบกับเซี่ยอวี้เร็วกว่าที่คาด
ขณะเหมยฉางซูกำลังเล่นหมากล้อมกับเซียวจิ่งรุ่ยก็ได้ยินเสียงร้องติดต่อกันดังแว่วมาจากด้านนอก ตามด้วยเสียงเสื้อผ้าแหวกอากาศ เสียงบุรุษทุ้มหนักตวาดว่า
“เด็กน้อยที่ไหนบังอาจเหิมเกริมในจวนโหว อย่าคิดหนี”
เด็กน้อยนั้นเป็นใครไปมิได้นอกเสียจากเฟยหลิว องครักษ์พิทักษ์เหมยฉางซูนั่นเอง นี่ย่อมสร้างความร้อนใจให้กับเหมยฉางซูอย่างใหญ่หลวง
เซียวจิ่งรุ่ยกางแขนโอบรอบเอวเหมยฉางซู เกร็งลมปราณวูบ ถีบทะยานร่างออกไปด้วยระดับความเร็วสูงสุด โลดลิ่วผ่านทางเดินข้างฝั่งตะวันตกพุ่งถึงประตูจันทร์กระจ่างหน้าเรือนใหญ่ พลันเห็นเงาคนเคลื่อนไหววูบไปวูบมาเหมือนกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
เฟยหลิวไม่เพียงท่าร่างพิสดารล้ำลึก เพลงกระบี่แกร่งกร้าวร้ายกาจ คมกระบี่จ่อจี้คุกคามฝ่ายตรงข้ามตลอดเวลา
แต่ฝ่ายตรงข้ามก็มิได้เพลี่ยงพล้ำต่ำต้อยกว่าแม้แต่น้อย
ฝ่ามือใหญ่ฟาดเข้าฟาดออก แฝงพลังร้อนแรงดั่งแสงสุริยันฉาย คล้ายต้องการตีแผ่ท่าร่างลึกลับไร้รอยของเฟยหลิวภายใต้ความสว่างเจิดจ้าก็มิปาน ทำให้สภาวะสังหารหลายต่อหลายครั้งของหนุ่มน้อยผู้นี้ไม่อาจรอดพ้นจากรัศมีพลังฝ่ามือไปได้
“เฟยหลิวหยุดมือ” เป็นเสียงตวาดจากเหมยฉางซู
“องครักษ์เหมิง โปรดหยุดก่อน” เป็นเสียงตะโกนของเซียวจิ่งรุ่ย
“จิ่งรุ่ย นี่มันเรื่องอะไรกัน” สุ้มเสียงทรงอำนาจดังขึ้น เซียวจิ่งรุ่ยค่อยพบว่า บิดาตัวเองยืน 2 มือไพล่หลังอยู่ทางมุมตะวันออกเฉียงใต้ของลานกว้าง
ท่าทางคล้ายต้องการสกัดปิดทางเฟยหลิว บีบให้มุ่งเข้าด้านในตัวบ้าน
“โหวเยโปรดอภัย” เหมยฉางซูสืบเท้าขึ้นหน้าค้อมกายเป็นพิธี “นี่เป็นผู้คุ้มกันของผู้น้อยเอง เขาไม่ค่อยรู้ความ เข้านอกออกในตามอำเภอใจ เป็นความสะเพร่าของผู้น้อย หากโหวเยจะลงโทษ ผู้น้อยยินดีรับผิดชอบเอง”
“คุณชายซูเดินทางไกลมาเป็นแขกบ้านเราย่อมต้อนรับอย่างเต็มที่ ทว่านิสัยเข้า-ออกตามอำเภอใจของผู้ติดตามท่านเกรงว่าต้องปรับปรุงแก้ไข มิเช่นนั้นอาจเกิดความเข้าใจผิดเช่นวันนี้ขึ้นอีก”
“โหวเยกล่าวถูกต้อง ผู้น้อยจะกวดขันให้มาก”
นั่นไม่เพียงแต่เป็นการเปิดตัวเฟยหลิว หากที่สำคัญเป็นอย่างมากยังเป็นการเปิดตัวสมุหราชองครักษ์เหมิงจื้อ ณ เบื้องหน้าเซี่ยอวี้
อายุราว 40 ปีเศษ รูปร่างสูงใหญ่บึกบึน
ใบหน้าแข็งกร้าว ประกายตาแวววับคมกริบ
“ไห่เยี่ยน” นำเฟยหลิวให้ไปสัมผัสกับสมุหราชองครักษ์เหมิงจื้อ ขณะเซี่ยอวี้ยืนจังก้าอยู่ด้วยความแคลงคลางกังขา
เฟยหลิวสำคัญอยู่แล้ว เหมิงจื้อยิ่งทรงความหมาย