วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู/ เสถียร จันทิมาธร / เงื่อนงำ เฟยหลิว เหมิงจื้อ (10)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู/เสถียร จันทิมาธร

เงื่อนงำ เฟยหลิว เหมิงจื้อ (10)

ภาพของเหมยฉางซูค่อยๆ คลี่แบออก ณ เบื้องหน้า เพียงมาถึงประตูเมืองอาการสะทกสะท้านของเขาก็นำไปสู่ความผูกพันอย่างลึกซึ้งกับปราชญ์เมธีใหญ่ หลีฉง

หลีฉง ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของ “ราชโอรส”

หลีฉง ซึ่งเมื่อ 10 กว่าปีก่อนสร้างความระคายเคืองต่อเบื้องพระยุคลบาททำให้ถูกปลดจากตำแหน่งพระอาจารย์เป็นสามัญชน ต้องหลีกลี้หนีห่างเมืองหลวงด้วยความขุ่นเคือง สุดท้ายกลัดกลุ้มระทมทุกข์จนตาย

เหมยฉางซูเงียบงันเนิ่นนานค่อยลืมตาขึ้นช้าๆ

“พวกท่านวางใจในเมื่อมาถึงราชานคร มากน้อยยังคงรำลึกถึงเรื่องราวเจ็บช้ำต้องหนีหน้าจากเมืองหลวงของท่านอาจารย์ผู้ล่วงลับขึ้นมาบ้าง หามิได้หมกมุ่นอยู่ในความหมองหม่นตลอดไป ข้าไม่เป็นไร พวกเราเข้าเมืองกันเถอะ”

กระทั่งเดินทางบรรลุถึงคฤหาสน์ใหญ่โตหลังหนึ่ง หน้าประตูสูงตระหง่านแขวนป้าย “จวนหนิงกั๋วโหว” เห็นชัดเจนสะดุดตา

สาวเท้าผ่านประตูใหญ่ สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาเขียนคำ “เสาศิลาพิทักษ์แผ่นดิน” ถึงกับเป็นฝีพระหัตถ์ขององค์จักรพรรดิ

นี่ย่อมเป็นคฤหาสน์ของเซี่ยอวี้ บรรดาศักดิ์ “หนิงกั๋วโหว” สวามีขององค์หญิงลี่หยาง

 

หลังผ่านการสนทนาอย่างมากด้วยรสชาติระหว่างเหมยฉางซู กับเซียวจิ่งรุ่ย เซี่ยปี้ เหยียนอวี้จิน จนเย็นย่ำสนธยา “ไห่เยี่ยน” ปิดบทที่ 1 แรกเยือนนครหลวง อย่างมากด้วยเงื่อนงำ

เหมยฉางซูลุกเดินไปส่งถึงนอกประตู มองส่งทั้ง 3 จากไป เสียงกลองบอกเวลา 2 ยามดังขึ้น เขาชะงักเท้าหยุดฟังเงียบๆ ครู่หนึ่ง ดวงตาเหม่อมองคฤหาสน์ใหญ่ท่ามกลางราตรีสงัดเงียบ เนิ่นนานให้หลังค่อยปิดประตูห้องอย่างแผ่วเบา

ความสนใจของเหมยฉางซูอยู่ที่คฤหาสน์ใหญ่อย่างแน่นอน ความสนใจที่ลึกซึ้งยิ่งไปกว่านั้นคือความสนใจต่อเซี่ยอวี้

แล้วสถานการณ์ก็ทำให้เหมยฉางซูได้พบกับเซี่ยอวี้เร็วกว่าที่คาด

ขณะเหมยฉางซูกำลังเล่นหมากล้อมกับเซียวจิ่งรุ่ยก็ได้ยินเสียงร้องติดต่อกันดังแว่วมาจากด้านนอก ตามด้วยเสียงเสื้อผ้าแหวกอากาศ เสียงบุรุษทุ้มหนักตวาดว่า

“เด็กน้อยที่ไหนบังอาจเหิมเกริมในจวนโหว อย่าคิดหนี”

เด็กน้อยนั้นเป็นใครไปมิได้นอกเสียจากเฟยหลิว องครักษ์พิทักษ์เหมยฉางซูนั่นเอง นี่ย่อมสร้างความร้อนใจให้กับเหมยฉางซูอย่างใหญ่หลวง

 

เซียวจิ่งรุ่ยกางแขนโอบรอบเอวเหมยฉางซู เกร็งลมปราณวูบ ถีบทะยานร่างออกไปด้วยระดับความเร็วสูงสุด โลดลิ่วผ่านทางเดินข้างฝั่งตะวันตกพุ่งถึงประตูจันทร์กระจ่างหน้าเรือนใหญ่ พลันเห็นเงาคนเคลื่อนไหววูบไปวูบมาเหมือนกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด

เฟยหลิวไม่เพียงท่าร่างพิสดารล้ำลึก เพลงกระบี่แกร่งกร้าวร้ายกาจ คมกระบี่จ่อจี้คุกคามฝ่ายตรงข้ามตลอดเวลา

แต่ฝ่ายตรงข้ามก็มิได้เพลี่ยงพล้ำต่ำต้อยกว่าแม้แต่น้อย

ฝ่ามือใหญ่ฟาดเข้าฟาดออก แฝงพลังร้อนแรงดั่งแสงสุริยันฉาย คล้ายต้องการตีแผ่ท่าร่างลึกลับไร้รอยของเฟยหลิวภายใต้ความสว่างเจิดจ้าก็มิปาน ทำให้สภาวะสังหารหลายต่อหลายครั้งของหนุ่มน้อยผู้นี้ไม่อาจรอดพ้นจากรัศมีพลังฝ่ามือไปได้

“เฟยหลิวหยุดมือ” เป็นเสียงตวาดจากเหมยฉางซู

“องครักษ์เหมิง โปรดหยุดก่อน” เป็นเสียงตะโกนของเซียวจิ่งรุ่ย

“จิ่งรุ่ย นี่มันเรื่องอะไรกัน” สุ้มเสียงทรงอำนาจดังขึ้น เซียวจิ่งรุ่ยค่อยพบว่า บิดาตัวเองยืน 2 มือไพล่หลังอยู่ทางมุมตะวันออกเฉียงใต้ของลานกว้าง

ท่าทางคล้ายต้องการสกัดปิดทางเฟยหลิว บีบให้มุ่งเข้าด้านในตัวบ้าน

“โหวเยโปรดอภัย” เหมยฉางซูสืบเท้าขึ้นหน้าค้อมกายเป็นพิธี “นี่เป็นผู้คุ้มกันของผู้น้อยเอง เขาไม่ค่อยรู้ความ เข้านอกออกในตามอำเภอใจ เป็นความสะเพร่าของผู้น้อย หากโหวเยจะลงโทษ ผู้น้อยยินดีรับผิดชอบเอง”

“คุณชายซูเดินทางไกลมาเป็นแขกบ้านเราย่อมต้อนรับอย่างเต็มที่ ทว่านิสัยเข้า-ออกตามอำเภอใจของผู้ติดตามท่านเกรงว่าต้องปรับปรุงแก้ไข มิเช่นนั้นอาจเกิดความเข้าใจผิดเช่นวันนี้ขึ้นอีก”

“โหวเยกล่าวถูกต้อง ผู้น้อยจะกวดขันให้มาก”

 

นั่นไม่เพียงแต่เป็นการเปิดตัวเฟยหลิว หากที่สำคัญเป็นอย่างมากยังเป็นการเปิดตัวสมุหราชองครักษ์เหมิงจื้อ ณ เบื้องหน้าเซี่ยอวี้

อายุราว 40 ปีเศษ รูปร่างสูงใหญ่บึกบึน

ใบหน้าแข็งกร้าว ประกายตาแวววับคมกริบ

“ไห่เยี่ยน” นำเฟยหลิวให้ไปสัมผัสกับสมุหราชองครักษ์เหมิงจื้อ ขณะเซี่ยอวี้ยืนจังก้าอยู่ด้วยความแคลงคลางกังขา

เฟยหลิวสำคัญอยู่แล้ว เหมิงจื้อยิ่งทรงความหมาย