โปรดทราบ…

สิ่งที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี

ไม่เปลี่ยน

และยืนกรานแล้ว ยืนกรานอีก

นั่นคือ

ยืนยันว่าพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังคงแข็งแกร่ง

“จะต้องเชื่อมั่นในประเทศ อย่ามองแต่ข่าวร้าย” นายสมคิดว่า

“โลกขณะนี้ก็ลำบาก ทุกคนก็ลำบาก อย่างสิงคโปร์ก็ลำบาก ถดถอยแรง แต่เขาไม่ตื่นตกใจ เขาพยายามคิดหนทางต่อสู้”

“เมืองไทยก็ต้องทำอย่างนั้น ทุกคนต้องพยายามลุกขึ้นมาแล้วก็สู้ทุกวัน ไม่ใช่มีแต่ข่าวร้าย ถ้ามีแต่ข่าวร้าย ใครจะคิดอยากจะลงทุน ต้องดูถึงแง่บวกบ้าง”

นายสมคิดพยายามปลุกและปลอบ

แต่กระนั้น สิ่งที่เปลี่ยนไป

และหลุดออกจากปากของนายสมคิดเอง

นั่นก็คือ

“ผมไม่ได้เป็นรองนายกฯ เศรษฐกิจ ผมเป็นรองนายกฯ กำกับ 4 กระทรวง (เท่านั้น)”

ดังนั้น คำว่า หัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล ประยุทธ์ จันทร์โอชา 2

จึงเป็นแค่อดีต

ส่วนปัจจุบัน

ความสำเร็จและความล้มเหลวในปัญหาเศรษฐกิจ

ไม่ได้อยู่บนบ่าของจอมยุทธ์กวงเพียงคนเดียว

หากแต่อยู่ในความรับผิดชอบของคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์นั่งเอ้เตเป็นประธานอยู่

หากแต่อยู่ในความรับผิดชอบของพรรคร่วมรัฐบาลที่กระจายดูแลกระทรวงเศรษฐกิจอยู่

จะมาโยนให้คนที่ชื่อ “สมคิด” คนเดียวไม่ได้

โปรดรับทราบ

แม้นี่จะเป็น “ข้อเท็จจริง” ที่สังคมควรจะต้องทราบ

แต่การที่นายสมคิดมาพูดขับเน้นเรื่องนี้

ในขณะที่เสียงวิพากษ์เศรษฐกิจประเทศกำลังดิ่งเหว

จึงเหมือนพยายาม “ลอยตัว” ให้เหนือปัญหาอยู่ไม่น้อย

พูดแบบบ้านๆ ก็คือ “เอาตัวรอด” อยู่ตามสมควร

แต่ทำอย่างไรได้

ก็คงเป็นอย่างที่นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล พยายามอธิบายแทน “นาย”

ว่าตอนนี้รัฐบาลไม่มีอำนาจควบคุมนโยบายและกระทรวงด้านเศรษฐกิจทั้งหมด

เพราะเป็นรัฐบาลที่มาจากพรรคร่วม

แต่ละพรรคมีรองนายกรัฐมนตรีเพื่อดูแลกระทรวงเศรษฐกิจของตัวเอง

การเลือกตั้งได้ออกมาแบบนี้ จะให้ทำอย่างไร

การดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจไม่มีเอกภาพ

จึงเป็นเหตุผลและความจำเป็นที่จะต้องมี ครม.เศรษฐกิจขึ้นมา โดยมี พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธาน

เพื่อรวมศูนย์อำนาจในการดูแลด้านเศรษฐกิจ

เป็นการหารือร่วมกัน จึงไม่มีรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจเหมือนที่ผ่านมา

สรุปอย่างเข้าใจง่ายๆ

จะโทษนายสมคิดไม่ได้

ต้องไปรวมศูนย์อยู่โน่น–ลุงตู่!?!