แมลงวันในไร่ส้ม / ข่าวร้อนจากสื่อออสซี่ ถล่ม ‘รมต.ธรรมนัส’ มือการเมือง ‘บิ๊กตู่’

แมลงวันในไร่ส้ม

 

ข่าวร้อนจากสื่อออสซี่

ถล่ม ‘รมต.ธรรมนัส’

มือการเมือง ‘บิ๊กตู่’

 

การเมืองเดือดระอุขึ้นมาอีกที

เมื่อสื่อออสเตรเลีย ซิดนีย์ มอร์นิ่ง เฮราลด์ (Sydney Morning Herald) ดิเอจ (The Age) และสื่อภาษาอังกฤษที่ฮ่องกง เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่งโพสต์ (South China Morning Post) เสนอข่าว หยิบยกเอารายละเอียดของคดีดังของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ มานำเสนอ ตรวจสอบหลักฐานจากศาลแห่งนครซิดนีย์ได้เลย

สื่อออสเตรเลีย 2 ฉบับจึงเปิดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมา เรียกว่า เป็นการเสนอข่าวตามคำท้า ก่อนมีสื่อสำนักอื่นๆ นำเสนอต่อ

วันที่ข่าวนี้สะพัดขึ้นมา คือ 9 กันยายน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เดินทางร่วมในคณะนายกฯ ไปตรวจน้ำท่วมที่ จ.ยโสธร และให้สัมภาษณ์ว่า รู้หมดแล้ว ซัดกันมา 3-4 วันแล้ว พวกนี้แสบ เป็นแก๊งเดิมๆ อย่าไปใส่ใจ เอาเรื่องเดิมๆ มาเขียน จัดการเรียบร้อยหมดแล้ว เรานิ่งๆ ไว้ ถ้าเราไปต่อความกับคนเหล่านี้ก็จะเป็นประเด็นขึ้นมา ไม่ไปต่อความยาวด้วย เรื่องนี้ไม่มีผู้ใหญ่ในรัฐบาลสอบถาม เพราะเป็นเรื่องเก่า เป็นกลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้าม เป็นพวกอวตาร สืบมารู้ตัวหมดแล้ว เห็นตัวจริงทั้งหมด อย่าไปใส่ใจ ไม่ให้ความสำคัญ

วันรุ่งขึ้น 10 กันยายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังการประชุม ครม.ว่า ในเรื่องของคดีต่างๆ รวมถึงของ ร.อ.ธรรมนัส จะไม่ขอพูดเพราะมีการชี้แจงไปแล้วหลายรอบ ไม่ใช่ว่าใครพูดอะไรมาก็จะมาถามนายกฯ แล้วเอาไปสานต่อ มันก็ไม่จบสักที

ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดอย่างไรที่มีหลายคนมองว่ารัฐบาลนี้มีตำหนิ เพราะมีรัฐมนตรีที่มีคดีติดตัว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า รัฐบาลอื่นไม่มีหรือ ก็มีตำหนิกันทุกรัฐบาลนั่นแหละ เพียงแต่กฎหมายเขาเขียนไว้ว่าอย่างไร กระบวนการตรวจสอบ กระบวนการทางยุติธรรมยังไม่เสร็จสิ้น ก็ต้องรอผลตรงนั้น และการเข้ามาทำหน้าที่ในวันนี้ก็มีขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติทั้งหมดแล้ว ถ้าจะผิด ก็มีผลย้อนหลังไปทุกเรื่องนั่นแหละที่มันค้างคาอยู่ ไอ้คนที่ออกมาพูดก็ขอให้ย้อนกลับไปดูเสียว่า รัฐบาลที่ผ่านมามีปัญหาบ้างหรือเปล่า มันก็มีทุกคนนั่นแหละ พอถึงเวลานั้นก็อ้างอย่างที่ผมอ้างเหมือนกัน พอถึงเวลาเขาตัดสินว่าผิด ก็บอกว่าไม่เป็นธรรมกับเขา แต่ผมไม่เคยทำอย่างนั้น

นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยท่าทีหงุดหงิด

 

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แถลงข่าวเปิดใจถึงการได้รับตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ ว่า สำหรับข้อกล่าวหาในเรื่องของการค้ายา ที่โดนจับในประเทศออสเตรเลียนั้น เป็นเรื่องโอละพ่อ ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้อง เริ่มจากที่ตนเดินทางไปเที่ยวนครซิดนีย์ ออสเตรเลีย โดยได้รับคำเชิญจากพี่คนหนึ่งที่ทำงานอยู่ใน ป.ป.ส.ของสหรัฐ เข้าออสเตรเลียโดยผ่านการตรวจค้นอย่างถูกต้องทุกขั้นตอน ไม่เป็นไปอย่างที่สื่อมวลชนได้รับทราบข้อมูลจากสื่ออวตารที่พยายามโจมตีอยู่

“แต่ผมมีความโชคร้าย เพราะคนที่ถูกจับนั้น กลับอยู่ที่เดียวกับที่ผมอยู่ด้วย ผมจึงโดนข้อหารู้ว่ามียาเสพติด แต่ไม่แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรับทราบ ไม่ได้โดนข้อหาผลิตยาเสพติดและนำเข้ายาเสพติด ผมปฏิเสธทุกข้อกล่าวหามาตลอด และถูกคุมขังประมาณ 8 เดือน จนถูกปล่อยออกมาใช้ชีวิตตามปกติในนครซิดนีย์ 4 ปีเต็มๆ ก่อนจะถูกส่งตัวกลับมาประเทศไทย เพราะนายกเทศมนตรีนครซิดนีย์ไม่ต้องการให้คนเอเชียที่ตั้งตัวเป็นกลุ่มก้อน ไม่มีที่พักพิงเป็นหลักแหล่งอยู่ ผมจึงถูกส่งตัวกลับมา แต่ไม่ได้มารับโทษ”

ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า สื่อมวลชนสามารถตรวจสอบหลักฐานต่างๆ จากศาลของออสเตรเลียได้ว่า เป็นความจริงหรือไม่ เพราะทุกอย่างเป็นเรื่องโอละพ่อ และถือเป็นตราบาปที่ตนไม่เคยพูดมาตลอด 30 ปี เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นประมาณปี 2535 หรือ 2536 แต่สื่ออวตารกลับโจมตีว่า ตนต้องกลับมารับโทษในประเทศไทย

และตอนนี้ตนรู้หมดแล้วว่า ใครอยู่เบื้องหลังความพยายามที่จะล้มตนให้ได้ เพราะสื่อมวลชนเองก็ทราบดีว่า ตนเป็นกำลังหลักในการจัดตั้งรัฐบาล โดยมีบทบาทในการขับเคลื่อนและประสานงาน ซึ่งหากล้มตนได้ รัฐบาลก็สั่นคลอน เพราะหลายเรื่องที่ได้ประสานงานไว้นั้นถือเป็นความลับที่ตนรู้เพียงคนเดียว

“เขารู้ว่าผมเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่จะเอาเลือดไปหล่อเลี้ยงในหัวใจของรัฐบาล จึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อล้มผม ผมรู้หมดแล้วว่าใครอยู่เบื้องหลัง และเรื่องนี้ต้องปล่อยให้กฎหมายบ้านเมืองจัดการต่อไป คนที่อยู่เบื้องหลังไม่ใช่คนในพรรคพลังประชารัฐ”

ส่วนกรณีที่เคยถอดยศมาก่อนนั้น ร.อ.ธรรมนัสได้โชว์หนังสือการเลื่อนยศ โดยกล่าวว่า กระทรวงกลาโหมได้เลื่อนยศให้ตนขึ้นเป็น ร.อ. ไม่ใช่ใช้ยศ ร.อ.นำหน้าโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

และยืนยันว่า ไม่เคยมีคดีค้างในชั้นศาล ได้ใช้กระบวนการยุติธรรมพิสูจน์ตัวเองมาทุกเรื่องทุกสถานการณ์ ชีวิตของตนผ่าน พ.ร.บ.ล้างมลทินมาหลายฉบับแล้ว เคยสมัคร ส.ส.รายชื่อกับพรรคการเมืองหนึ่ง หากไม่มีการรัฐประหารครั้งที่แล้วก็คงได้เป็น ส.ส. ทำไมถึงไม่มีปัญหา แต่ทำไมถึงมีปัญหาในครั้งนี้ และไม่ถูกโจมตีอะไรเลย

ร.อ.ธรรมนัสกล่าวด้วยว่า อยากฝากสื่อมวลชนไปศึกษาเรื่อง พ.ร.บ.ล้างมลทินปี 2550 จะตอบโจทย์เรื่องตนทั้งหมด โดยเฉพาะมาตรา 4 ให้ล้างมลทินแก่ผู้บรรดาต้องโทษในกรณีความผิดต่างๆ ซึ่งได้กระทำก่อนหรือก่อนวันที่ 5 ธันวาคม 2550 และได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือในวันที่ พ.ร.บ.นี้มีผลบังคับใช้ ให้ถือว่าผู้นั้นมิถูกลงโทษในกรณีความผิดนั้นๆ ซึ่งถือว่าชัดเจนและตนไม่มีความผิด โดยเฉพาะข้อกล่าวหาที่ว่าถูกปลดออกจากราชการข้อหาผิดวินัยอย่างร้ายแรง ซึ่งไม่เกี่ยวกับคดีที่ออสเตรเลีย

 

สําหรับ ร.อ.พชร พรหมเผ่า หรือ ร.อ.มนัส พรหมเผ่า จบจากโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 25 นายร้อย จปร. รุ่น 36 เคยเป็นอดีต ผบ.ร้อยสารวัตรทหาร ประจำ บก.ทหารสูงสุด

ขณะเป็นร้อยโท ถูกถอดยศตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2541 มีรายละเอียดว่ามีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอด ร้อยโทพชร พรหมเผ่า สังกัดกองบัญชาการทหารสูงสุด ออกเสียจากยศ ตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน 2541 เนื่องจากประพฤติตนไม่สมควรตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยวินัยทหาร พ.ศ.2476

ประกาศ ณ วันที่ 24 ตุลาคม 2541 นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีขณะนั้นเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

เคยถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับคดีอาญาในปี 2546 ศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้อง

สถานะแกนนำพรรคพลังประชารัฐ ทำให้ชื่อของ “ร.อ.ธรรมนัส” เป็นข่าวใหญ่ในสื่อได้เรื่อยๆ