เครื่องเคียงข้างจอ /วัชระ แวววุฒินันท์ /ชวนท่องอักษรที่มุมโลก

วัชระ แวววุฒินันท์

เครื่องเคียงข้างจอ/วัชระ แวววุฒินันท์

ชวนท่องอักษรที่มุมโลก

ชื่อตอนของเครื่องเคียงฯ ฉบับนี้ คล้ายๆ เป็นชื่อหนังสือนะครับ…แต่ไม่ใช่

“มุมโลก” ที่ผมพูดถึง คือร้านหนังสือน่ารักที่ชื่อ “World at the Corner”

เจ้าของร้านเป็นน้องที่สนิทสนมกันดี เลยขออนุญาตเขียนถึงสักหน่อยนะครับ เผื่อใครจะแวะไปเยี่ยมเยียน

 

วันที่ผมไปนั้นเป็นยามบ่ายวันอาทิตย์ ปรากฏว่า 2 ชั่วโมงกว่าที่อยู่ในร้าน มีคนเข้า-ออกอยู่เนืองๆ แถมมีกองถ่ายเล็กๆ มาถ่ายทำไปเผยแพร่ด้วย

เจ้าของร้าน “World at the Corner” เป็น 2 พี่น้องคือ ก้อย-สิวิกา และณัฐ ประกอบสันติสุข

คุ้นๆ ใช่ไหมครับ ใช่แล้ว “ณัฐ ประกอบสันติสุข” คือช่างภาพฝีมือเยี่ยมของเมืองไทยที่ฝากผลงานการถ่ายรูประดับอินเตอร์มาแล้วกับนิตยสารหลายเล่ม ภาพถ่ายของณัฐจะมีสไตล์ เช่นเดียวกับเมื่อเขามาทำร้านหนังสือ ก็เป็นร้านหนังสือที่มีสไตล์เช่นกัน

จริงๆ แล้วผมรู้จักกับก้อยผู้พี่สาวก่อนณัฐ ด้วยความเป็นน้องอักษร จุฬาฯ รุ่นติดกัน และได้สนิทสนมกันจากการร่วมเล่นละครกับภาควิชาการละคร ที่อักษร จุฬาฯ จากสนิทในวงละครก็ขยายมาเป็นสนิทสนมนอกวง ไปนั่งแปะที่โต๊ะกลุ่มของก้อยบ้าง ไปเที่ยวต่างจังหวัดบ้าง ไปกิน ไปเฮด้วยกันบ้าง

แล้วก็พลอยรู้จักกับณัฐ ในฐานะน้องของก้อย และก็พลอยปลื้มที่เห็นณัฐเป็นช่างภาพมืออาชีพแถวหน้าในเวลาต่อมาตามที่กล่าว

เมื่อ 2 ศรีพี่น้องลุกขึ้นเปิดร้านหนังสือ จึงไปอุดหนุนตามระเบียบ

 

 

 

ร้าน “World at the Corner” หาไม่ยากเลย เข้าซอยมหรรณพ 1 ตรงเสาชิงช้าไปไม่ถึง 100 เมตรก็เจอร้านสีชมพูหวานตัดกับขอบเขียวอยู่ทางด้านซ้ายมือ มีป้ายเด่นชัดแขวนติดที่หน้าร้านที่มีต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่น

ก้อยเล่าให้ฟังว่าเดิมทีบ้านหลังนี้เคยเป็นร้านอาหาร เป็นผับมาก่อน แต่อาจจะไม่สำเร็จนักจึงเลิกราไป ตอนที่มาเช่าต่อ หะแรกก็ไว้ทำเป็นออฟฟิศไว้คุยงาน เตรียมงานการถ่ายภาพเฉยๆ แต่ด้วยความที่เป็นคนชอบอ่านหนังสือทั้งคู่ จึงมีหนังสือวางตั้งเต็มไปหมดในออฟฟิศ

จนมีคนมาสะกิดใจว่า เหมือนเป็นร้านหนังสือมากกว่าออฟฟิศอีก จึงปลุกความอยากที่ซ่อนอยู่ข้างในให้ทำเป็นร้านหนังสือเสียเลย

เคยฟังณัฐให้สัมภาษณ์ทางวิทยุคลื่น 96.5 ในวันอาทิตย์หนึ่ง เล่าว่า ตนเองเป็นคนชอบหนังสือมากกกกก เลยเลือกว่าถ้าบั้นปลายชีวิตจะอยู่แบบแก่ๆ กับอะไร ก็เลือกที่จะอยู่กับหนังสือนี่แหละ

เลยตกลงใจเปิดเป็นร้านหนังสือที่ให้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน

 

ความรักหนังสือของณัฐ มีมากชนิดที่ว่าไม่ต้องเปิดอ่านก็ได้ แค่ได้ลูบคลำหนังสือที่รักก็เป็นสุขได้อย่างง่ายดายแล้ว

และด้วยความที่เป็นคนชอบเดินทางท่องเที่ยว จึงเลือกหนังสือเข้าร้านที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเป็นหลัก มีทั้งหนังสือท่องเที่ยวโดยเฉพาะ หนังสือประวัติศาสตร์ของเมืองต่างๆ และหนังสือเรื่องที่เขียนถึงเมืองหรือสถานที่ต่างๆ หนังสือประวัติศาสตร์ หรือหนังสือนิทานนานาชาติ ตำราอาหาร หนังสือการออกแบบที่สะท้อนศิลปะอันสวยงามมีเอกลักษณ์

ก้อยบอกว่า วิธีการเลือกหนังสือคือ เราชอบอ่านอะไร อยากอ่านแบบไหน เอาแบบนั้น…ง่ายดี โดยมุ่งเป็นหนังสือต่างประเทศทั้งสิ้น ซึ่งหลายเล่มก็ไปค้นมาได้จากร้านเล็กๆ เวลาเดินทาง

ที่นี่จึงเหมือนได้คัดกรองหนังสือดีๆ หายากมารวมไว้ให้เลือกสรรกัน

 

จากภายนอกที่เห็นเป็นบ้านไม้สองชั้น เมื่อจะเข้าข้างในต้องถอดรองเท้าก่อน ทำให้เหมือนมาบ้านญาติมากกว่ามาซื้อหนังสือ เมื่อเดินเข้ามาข้างในก็จะมีชั้นหรือตู้แสดงหนังสือที่ถูกจัดเรียงรายเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ สวยงาม น่าค้นมาอ่าน

ที่นี่เราจะเดินก้มๆ เงยๆ ดูหนังสือได้สบายๆ เหมือนเดินในบ้านตัวเอง มีมุมน่ารักให้หยิบหนังสือที่สนใจมานั่งอ่านด้วย นอกจากหนังสือที่ชวนอ่านไปหมด ยังมีของที่ระลึกเก๋ๆ จากประเทศต่างๆ ที่เจ้าของร้านเดินทางไปเที่ยวมา และมีภาพโปสการ์ดสวยๆ ฝีมือการบันทึกความทรงจำของ 2 คนพี่น้องนั่นเอง

“ของก้อยน่ะที่เป็นภาพสี ของณัฐเป็นขาว-ดำ เค้าชอบถ่ายขาว-ดำ”

เมื่อดูรายละเอียดภายในบ้าน จะเห็นผนังสีเหลือง สีเขียวสดใส แต่มีร่องรอยของแผ่นกระดาษสีดำๆ ถูกฉีกขาดเป็นวิ่นๆ ติดอยู่ทั่วไป สภาพที่เป็นเช่นนี้มาจากที่ว่า เจ้าของร้านก่อนเขาทำเป็นผับ ต้องการให้ร้านมีบรรยากาศมืดๆ จึงเอากระดาษดำปิดทับบนฝาทั่วบ้าน

ทีนี้พอจะลอกออกมันออกไม่หมด เพราะติดแน่นเป็นช่วงๆ ถ้าจะลอกออกให้หมดก็จะเป็นเรื่องใหญ่ สีที่ทาแต่เดิมก็จะลอก ก็ต้องมาแก้ไขซ่อมแซมอีกวุ่นวาย เลยปล่อยทิ้งไว้ให้เป็นตำหนิอย่างนั้น จึงเป็นร้านที่ฝาบ้านมีแผลเป็นเป็นระยะๆ

…เก๋ไปอีกแบบ

 

เมื่อถามว่า คิดว่าจะทำร้านรอดไหม ณัฐบอกว่าไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่าทีมงานบอกแกมสั่งว่า ยังไงก็ห้ามเลิกถ่ายภาพเป็นอันขาดนะ เดี๋ยวอดตายกันหมด…นี่คงเป็นคำตอบได้แล้วมั้ง (ฮา)

ตอนที่เดินเลือกหนังสืออยู่ในร้าน ชวนให้คิดถึงหนังฟีลกู๊ดที่ชื่อ You’ve got mail กับ Nottingham ที่ตัวเอกของเรื่องเป็นเจ้าของร้านหนังสือเล็กๆ แบบนี้แหละ เพียงแต่เป็นบรรยากาศแบบร้านฝรั่ง ในขณะที่ที่นี่เป็นบรรยากาศแบบไทย

มันเป็นบรรยากาศที่มีความรู้สึกอบอุ่น สบาย เย็นๆ และปลอดภัย เหมือนว่าไม่ว่าเราจะเผชิญกับอะไรมา แต่พอเดินเข้าร้านนี้ มันจะรู้สึกปลอดภัยมีความสุขขึ้นมาทันที

นั่นคงเป็นเพราะมันมีบรรยากาศของ “บ้าน” นั่นเอง

 

เชื่อว่าใครที่ชอบการอ่าน ถ้าได้มาแล้วจะหลงรัก

เชื่อว่าใครที่ชอบเดินทางก็จะถูกใจไม่น้อย เพราะมีหนังสือที่ตอบสนองความสนใจมากมาย

ส่วนใครที่อาจจะไม่ได้เป็นหนอนหนังสือนัก หรืออาจจะไม่ได้เป็น Travel Lover ก็สามารถแวะมาพักคลายร้อนให้เย็นใจได้ เห็นพ่อ-แม่บางคู่พาลูกมาด้วย แล้วให้ลูกเลือกหนังสือกลับไป รู้สึกดีจัง

อยากแนะนำให้ท่านนายกฯ ตู่มาสักวัน เพราะเห็นช่วงหนึ่งท่านนิยมแนะนำให้คนนั้นคนนี้อ่านหนังสือกัน แถมยกตัวอย่างหนังสือที่ชวนให้อ่านด้วย

ถ้าท่านนายกฯ ได้มา อยากรู้เหมือนกันว่าท่านจะเลือกหนังสือเล่มไหนขึ้นมาแนะนำ

อ้อ…ที่นี่ไม่มี Animal Farm ที่ท่านเคยบอกให้อ่านนะครับ

แล้วถึงจะเป็นร้านหนังสือแนวเดินทางท่องเที่ยว ก็ไม่มีเล่มไหนที่เขียนถึง “การเดินทางสู่นายกฯ รอบสองอย่างปลอดภัย” ด้วยนะครับ…แฮะ แฮะ