ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 6 - 12 กันยายน 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | ในประเทศ |
เผยแพร่ |
เปิดตัวแรงแซงทุกโค้ง สำหรับพรรคน้องใหม่ไฟแรงที่เปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์ทางการเมือง อย่างพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ที่มี “เสี่ยเอก” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นั่งกุมบังเหียนในฐานะหัวหน้าพรรค อนค. โดยเฉพาะผ่านศึกใหญ่แบบหักปากกาเซียนอย่างการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 นำพรรคสามเหลี่ยมสีส้ม เข้าป้ายกวาด ส.ส.มาได้ 81 ที่นั่ง อยู่ในพรรคลำดับที่ 3 เป็นรองเพียงพรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)
แต่ศึกหนักในสนามรบต่อไป ที่พลพรรค อนค.เตรียมจัดทัพขุนพลลงชิงชัยเก้าอี้คือศึกเลือกตั้งท้องถิ่น ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในห้วงปลายปี 2562 หรือต้นปี 2563 ทั้งเก้าอี้ผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สมาชิก อบจ. นายกเทศบาล นายกองค์การบริหารส่วนตำบล สมาชิก อบต.
ที่รอเพียงสัญญาณจากรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยจะกดปุ่มให้เลือกตั้งกันได้ห้วงวัน เวลาใด
พรรค อนค.จึงเดินหน้าเตรียมความพร้อม วางกระบวนการคัดสรรบุคลากรเพื่อลงสู้ศึกเลือกตั้งท้องถิ่น ตามแนวทางของพรรค อนค. คือ การทำไพรมารีโหวตคัดเลือกผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง เหมือนเมื่อครั้งการทำไพรมารีโหวตคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส. ลงรับเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา
โดยการคัดเลือกผู้สมัครลงรับเลือกตั้งท้องถิ่นนั้น “ชำนาญ จันทร์เรือง” รองหัวหน้าพรรค อนค. ในฐานะประธานคณะกรรมการกลั่นกรองผู้สมัครเลือกตั้งท้องถิ่น วางแนวทางและกฎเกณฑ์ไว้ว่า ขณะนี้พรรค อนค.มีทีมผู้สนใจลงสมัครการเลือกตั้งท้องถิ่นทั้งหมด 77 ทีม จาก 44 จังหวัดทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม ผู้สมัครทุกทีมในจังหวัดไหนที่มีผู้สมัครมากกว่า 1 ทีม จะต้องผ่านการดีเบตและการแสดงวิสัยทัศน์ ก่อนจะมีการลงคะแนนด้วยการโหวตออนไลน์ของสมาชิกพรรคในจังหวัดนั้นๆ โดยคะแนนดังกล่าวจะคิดเป็นร้อยละ 30
ส่วนอีก 70% จะเป็นคะแนนที่มาจากการลงคะแนนโดยกรรมการบริหารและผู้บริหารพรรค
จากนั้นจะต้องผ่านกระบวนการกลั่นกรองของคณะกรรมการอีกครั้ง เพื่อคัดเลือกเหลือจังหวัดละ 1 ทีม แต่ตอนนี้ยังไม่เคาะจำนวนจังหวัดที่แน่นอน โดยจะพิจารณาเป็นรายจังหวัดไป อาจจะมีมากหรือน้อยกว่า 15 จังหวัด ในส่วนของจังหวัดนำร่องที่สามารถดำเนินการได้เลยโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการข้างต้นนั้น และเพื่อให้มีจังหวัดต้นแบบ จึงกำหนด 3 จังหวัดเป็นต้นแบบ
ประกอบด้วย จ.นนทบุรี จ.บึงกาฬ และ จ.สมุทรสาคร
แต่ดราม่ามาเกิดตั้งแต่เริ่มเวทีดีเบตในจังหวัดนำร่องจังหวัดแรก นั่นคือ การประชันวิสัยทัศน์ คัดเลือกตัวแทนที่จะเป็นผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นนทบุรีของพรรค อนค. ที่สำนักงานเทศบาลนครนนทบุรี เมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา
โดยมี “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรค อนค. ร่วมกิจกรรมตั้งแต่ต้นจนจบ
มีการขายของที่ระลึก ประมูลของและภาพวาดของแกนนำพรรค รวมทั้งการจัดโต๊ะจีน เพื่อระดมทุนเข้าพรรคด้วย
ทีมผู้สมัครชิงนายก อบจ.นนทบุรี ร่วมดีเบตโชว์ไอเดียให้กับสมาชิกพรรค อนค.และประชาชน จ.นนทบุรีร่วมรับฟังกัน 2 ทีม คือ ทีมของ “ไพบูลย์ กิจวรวุฒิ” อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 จ.นนทบุรี พรรคอนาคตใหม่ (อนค.)
กับทีมของ “โธมัส” “พิชเยนทร์ หงษ์ภักดี” นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ในฐานะกรรมการผู้จัดการบริษัท สมาร์ท ไอดี กรุ๊ป เจ้าของผลิตภัณฑ์กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ไลฟ์สไตล์ที่มียอดขายปีละหลายร้อยล้านบาท
โดยมีอดีตนักการเมืองท้องถิ่นคนดัง อย่าง “วสุ ผันเงิน” อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านใหม่ จ.นนทบุรี เจ้าของวลี “อย่ามาโดนตัวกู” ร่วมเป็นทีมสนับสนุน
ซึ่งกติกาการดีเบตประชันวิสัยทัศน์ผู้สมัครชิงนายก อบจ.นนทบุรี พรรค อนค.กำหนดให้แต่ละทีมจัดผู้ดีเบตได้ 3 คน มีเวลาดีเบตทีมละ 30 นาทีเท่ากัน และมีเกณฑ์การให้คะแนนเป็นสัดส่วน 70% มาจากคณะกรรมการบริหารพรรค 30% มาจากสมาชิกพรรคในจังหวัดนั้นๆ
แต่ประเด็นดราม่าที่ทำให้ “วสุ ผันเงิน” ฉุนขาดออกมาโวยวายแกนนำพรรค รวมถึง “ธนาธร” จัดดีเบตปาหี่ สร้างภาพว่ามีการทำไพรมารีโหวตคัดเลือกผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง ตามแนวทางของการเมืองใหม่ ที่พรรค อนค.ชูธงว่าเป็นการปฏิรูปการเมืองของพรรค
นั่นคือ ก่อนวันดีเบต 1 วัน ทางทีมงานที่จัดดีเบตเรียกทั้งสองทีมผู้สมัครชิงนายก อบจ.นนทบุรี ไปซ้อมคิว พร้อมกับแจ้งปรับเปลี่ยนกติกาการให้คะแนนการดีเบตใหม่ เป็นสัดส่วน 50 ต่อ 50% ทำให้ทีมของ “พิชเยนทร์” และ “วสุ” เกิดความไม่พอใจ และรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล และความไม่เป็นมืออาชีพของพรรค อนค.ที่จะปรับกฎเกณฑ์ กติกาแบบกะทันหัน ทั้งที่แต่ละทีมที่จะขึ้นดีเบตได้เตรียมเนื้อหาและซักซ้อมมาหลายวัน ก่อนที่จะขึ้นดีเบตในวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา
ร้อนถึง “ธนาธร” ต้องเรียกทีมของ “พิชเยนทร์” และ “วสุ” เข้าไปเคลียร์ใจถึงที่ทำการพรรค อนค.ที่ตึกไทยซัมมิท พร้อมกับยอมให้กลับมาใช้เกณฑ์การคัดเลือกแบบเดิมคือสัดส่วน 70 ต่อ 30%
และขอร้องให้ทีมของ “พิชเยนทร์” ร่วมขึ้นเวทีดีเบตในวันที่ 1 กันยายนเหมือนเดิม
แม้บทสรุปในเวทีดีเบตจะจบลงด้วยชัยชนะของทีม “ไพบูลย์ กิจวรวุฒิ” ไปด้วยคะแนน 57.74% ต่อ 34.96% มีคะแนนงดออกเสียง 7.29% ได้เป็นตัวแทนลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.นนทบุรี ในนามของพรรค อนค.
แต่เรื่องยังไม่จบเพียงแค่นั้น เพราะ “วสุ” ยังแฉต่อว่า ก่อนหน้าที่จะมีการจัดเวทีดีเบตคัดเลือกผู้สมัครชิงนายก อบจ.นนทบุรี ทางพรรค อนค.ก็เชิญให้แคนดิเดตผู้สมัครทั้งสองทีมเข้าไปแสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) มาแล้ว และมติของ กก.บห.ก็มีมติเลือกทีมของ “ไพบูลย์ กิจวรวุฒิ” แบบเอกฉันท์ จึงเกิดข้อสงสัยว่าแกนนำและ กก.บห.พรรค อนค.มีธงกันไว้แล้วตั้งแต่ต้นหรือไม่ว่าจะเลือกใครลงชิงเก้าอี้นายก อบจ.นนทบุรี
พร้อมกับเรียกร้องให้ทั้ง “ธนาธร” และแกนนำพรรคออกมาชี้แจงถึงข้อสงสัยและความไม่โปร่งใสที่เกิดขึ้น
เพราะหากปล่อยให้กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่ออกมาเคลียร์ ความน่าเชื่อถือในการสร้างมาตรฐานการเมืองใหม่ของพรรค อนค. ย่อมจะถูกบั่นทอนไปด้วย
แค่ยกแรกของการดีเบตคัดเลือกผู้สมัครลงเลือกตั้งท้องถิ่นยังเดือดขนาดนี้ ต้องติดตามว่าบทสรุปสุดท้ายพรรค อนค.จะปักธงได้เก้าอี้ผู้นำท้องถิ่นกี่ที่นั่ง