ภาพยนตร์/นพมาส แววหงส์ /BRIGHTBURN ‘ซูเปอร์ซาตาน’

นพมาส แววหงส์

ภาพยนตร์/นพมาส แววหงส์

BRIGHTBURN

‘ซูเปอร์ซาตาน’

 

กำกับการแสดง David Yarovesky

นำแสดง Elizabeth Banks David Denman  Jackson A Dunne

 

เรารู้จัก “ซูเปอร์แมน” ในฐานะซูเปอร์ฮีโร่ผู้กอบกู้โลก ต่อสู้ฟาดฟันกับคนชั่วคนร้าย โดยเฉพาะอภิมหาวายร้ายที่จ้องจะทำลายมนุษยชาติ

พูดง่ายๆ คือ ซูเปอร์แมนเป็นตาชั่งอันเที่ยงธรรมผดุงไว้ซึ่งคุณธรรม ความยุติธรรมและความถูกต้องในโลกที่มนุษย์ผู้อ่อนแอถูกเอารัดเอาเปรียบ และตกเป็นเหยื่อของคนที่แข็งแรง เก่งกาจ แต่ชั่วร้าย

Brightburn วาง “ซูเปอร์แมน” ไว้เป็นบรรทัดฐาน

ทว่า ในลักษณะผกผัน โดยที่มนุษย์จากต่างดาวผู้ทรงพลังคนนั้นเลือกจะอยู่ฝ่ายอธรรม และแทนที่จะคอยช่วยเหลือพิทักษ์ภัย กลับราวีทำร้ายมนุษยชาติเสียเอง

สมมติฐานของเรื่องอยู่ที่ว่า มนุษย์ต่างดาวที่พลัดเข้ามาเติบโตบนโลกมนุษย์ ใช่ว่าจะดีงาม คอยช่วยเหลือมนุษยชาติให้รอดปลอดภัยจากภยันตรายนานาประการเสมอไป

ก็ถ้าแก่นแท้ของเอเลี่ยนนั้นวางตัวเองเป็นใหญ่เหนือทุกสิ่ง และต้องการครอบครองโลกทั้งโลกไว้ใต้อำนาจอันมหาศาลของตนเล่า

ปฏิเสธไม่ได้เลยถึงความคล้ายคลึงระหว่างเรื่องราวของคล้าก เคนต์ กับเรื่องราวของทารกที่จะโตขึ้นมาในชื่อ แบรนดอน ไบรเยอร์ นั้นมีมากเกินกว่าที่ใครๆ จะมองข้ามไป

ทารกน้อยที่เพิ่งเกิดบนดาวคริปทอนที่กำลังจะแตกดับ ถูกจับใส่ยานอวกาศตั้งแต่ยังเป็นทารกแบเบาะ เดินทางข้ามอวกาศมาถึงโลก ฝ่าบรรยากาศที่ห่อหุ้มโลกจนตกลงมาเป็นอุกกาบาตในดินแดนตอนกลางของอเมริกา ในเมืองเล็กๆ ชื่อสมอลวิลล์ ในรัฐแคนซัส

เช่นเดียวกับทารกแบเบาะจากดาวอะไรก็ไม่ปรากฏ ตกลงมาเป็นอุกกาบาตในรัฐแคนซัสเหมือนกัน ต่างกันก็แต่ชื่อเมืองคือ ไบรต์เบิร์น ซึ่งเป็นชื่อหนังไปด้วย

เป็นไอเดียที่ล้อหนังชุดทางทีวีที่เล่าเรื่องราวของซูเปอร์แมนเป็นตอนๆ ในชื่อ Smallville

ที่ว่า “ล้อ” นี้ไม่ได้ล้ออย่างตลกขบขันนะคะ แต่หมายถึงว่าเดินเรื่องในลักษณะละม้ายคล้ายคลึงกัน

 

ครอบครัวเคนต์ ซึ่งมีสามีชื่อโจนาธาน กับภรรยาชื่อมาร์ธา ไม่มีลูกด้วยกัน และทำไร่อยู่ในรัฐแคนซัส

ส่วนครอบครัวไบรเยอร์ ซึ่งมีสามีชื่อไคล์ (เดวิด เดนแมน) กับภรรยาชื่อทอรี่ (เอลิซาเบธ แบงส์) อยากมีลูกเหลือเกิน แต่ก็ท่าทางว่ามีปัญหาว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นหมัน และอยากมีลูกเหลือเกิน โดยทำไร่อยู่ในรัฐแคนซัส

วันดีคืนดี ทารกน้อยก็หล่นปุลงจากฟากฟ้าในยานประหลาดลำเล็ก

สำหรับชาวชนบท ทารกแบบนี้ถือเป็นของขวัญจากสวรรค์

สามีภรรยาไบรเยอร์จึงถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูเด็กเหมือนเป็นลูกของตัวเอง

แบรนดอน ไบรเยอร์ โตขึ้นเป็นเด็กวัยสิบสอง (แจ๊กสัน เอ. ดันน์) ที่ฉลาดเฉลียวเกินตัว

จะพูดว่าเด็กอัจฉริยะก็ไม่ผิด เพราะมันสมองของเขาบรรจุข้อมูลพร้อมรายละเอียดถี่ยิบแบบเกินธรรมชาติมนุษย์

ขนาดตอบคำถามในชั้นเรียน ความแตกต่างระหว่างผึ้งกับตัวต่อได้ละเอียดย่อยยิบเหมือนท่องมาจากสารานุกรม หรือถ้าเป็นยุคนี้ก็ต้องเรียกว่าท่องมาจากวิกิพีเดีย

เด็กเก่งแบบนี้ย่อมเป็นที่หมั่นไส้ของเพื่อนๆ มีเพียงเด็กหญิงคนเดียวในชั้นเรียนที่ดูเหมือนให้กำลังใจเขา

เด็กหญิงคนนั้นชื่อ เคทลิน

 

แบรนดอนมีฝันร้าย พึมพำพร่ำบ่นเป็นภาษาต่างดาว และชอบนอนละเมอลุกไปในโรงนา เหมือนจะถูกเรียกไปหา

แม่พบตัวเขาหลายครั้งในโรงนา ซึ่งสองสามีภรรยาซุกซ่อนซากยานที่ตกลงมาเหมือนอุกกาบาตเมื่อหลายปีมาแล้ว

หนแรกที่แบรนดอนพบพละกำลังมหาศาลในตัว คือตอนที่พ่อใช้ให้ตัดหญ้า ปรากฏว่ารถตัดหญ้าสตาร์ตไม่ติด แบรนดอนจึงดึงสายอย่างแรงจนรถตัดหญ้ากระเด็นข้ามรั้วไปไกลหลายสิบเมตร

นอกจากนั้น เขายังใช้มือเปล่าหยุดใบจักรของรถที่หงายท้องอยู่โดยมือไม่ขาดเลือดโชก หรือแม้แต่มีรอยขีดข่วน

แน่นอน แบรนดอนเป็นเด็กประหลาด แต่ทอรี่ แม่เขา ก็อยากเชื่อว่าเขาเป็นเด็กพิเศษที่ไม่เหมือนใคร และรักเขาโดยไม่มีเงื่อนไข

ขณะที่ไคล์ระแวงกับนิสัยประหลาดมาตลอด

แบรนดอนเริ่มคุกคามคนรอบด้านแบบควบคุมตัวเองไม่ได้ โดยถูกเสียงเรียกในตัวเองบงการให้ “ครอบครอง”

เด็กหญิงเคทลินตกเป็นเหยื่ออารมณ์ร้ายรุนแรงของเขาเป็นคนแรก

ตัวละครตัวนี้น่าจะถูกวางไว้ให้มีความสำคัญต่อไป ถ้าเผื่อจะมีหนังภาคสองภาคสามตามมาในโลกของซูเปอร์แมนผู้ชั่วร้ายคนนี้ เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีพลังอำนาจเกินต้านทาน

 

นอกจากพละกำลังมหาศาลแล้ว พลังเหนือมนุษย์อีกหลายอย่าง คือการลอยตัวและเหาะเหินเดินอากาศได้ สายตาที่เป็นแสงเลเซอร์ทำลายสิ่งตรงหน้าให้มอดเป็นจุณ และการควบคุมบังคับกระแสไฟฟ้าได้

เหมือนซูเปอร์แมนแบบที่เรารู้จักไม่มีผิด

ไม่มีคำอธิบายสำหรับความชั่วร้ายของแบรนดอน นอกจากว่าเป็นธรรมชาติของเขาที่จะชั่วร้าย

เขาขจัดศัตรูอย่างโหดเหี้ยมรุนแรงทุกราย แบบที่เรียกว่าไม่ได้กะพริบตาด้วยซ้ำ

แต่เขาก็ยังมีจุดอ่อนเหมือนซูเปอร์แมนอีกอย่างคือ ในขณะที่ดูเหมือนจะไม่มีสิ่งใดในโลกทำร้ายเขาได้ แต่อาการบาดเจ็บครั้งเดียวในชีวิตที่แม่เขาไปเจอเข้าโดยบังเอิญ คือเมื่อเขาถูกบาดโดยเศษโลหะจากซากยานบินที่บรรทุกตัวเขามาตั้งแต่เกิด

สิ่งเดียวที่สยบซูเปอร์แมนได้คือ แท่งแก้วจากดาวคริปทอน

และสิ่งเดียวที่ดูเหมือนจะทำร้ายแบรนดอนได้ คือโลหะจากดาวบ้านเกิดของเขา

ในวัยสิบสอง แบรนดอนกำจัดทุกคนที่ขวางหน้าออกไป และยังดูเหมือนไม่อยากเปิดเผยตัว เพราะทุกครั้งที่เขาลงมือ เขาจะสวมหน้ากากผี แบบที่เห็นในโปสเตอร์

แต่กระนั้น ทุกครั้งแบรนดอนก็จะทิ้งร่องรอยเป็นสัญลักษณ์ที่เมื่อถอดรหัสได้ก็จะเป็นรูปตัวอักษร บี สองตัวที่หันหลังชนกัน

เหมือนจะให้เป็นลายเซ็นของตัวเองว่า “แบรนดอน ไบรเยอร์”

กระนั้น กว่าแม่ของเขาจะเอะใจจนไปถึงการปักใจเชื่อก็ใช้เวลานานพอควร

คนเป็นแม่ไม่อยากเชื่อหรอกค่ะว่าลูกของตัวจะเป็นคนไม่ดี

 

แบรนดอนไม่ใช่เพียงเด็กเกเรธรรมดา แต่ยังเป็นสุดยอดของตัวอันตราย เพราะพลังอำนาจเหนือมนุษย์ของเขาอยู่เหนือมนุษย์จริงๆ แม้แต่กระสุนปืนก็ทำอะไรเขาไม่ได้

ไม่อยากจัดประเภทว่านี่เป็นหนังไซไฟ แต่น่าจะเรียกว่าเป็นหนังสยองขวัญมากกว่า เพราะความรุนแรงโหดเหี้ยมอัดแน่นเต็มเพียบ แบบยิ่งกว่าเลือดสาดธรรมดาๆ

ปฏิบัติการของแบรนดอนร้ายกาจโหดเหี้ยมเหมือนส่งตรงจากนรกขุมที่ลึกที่สุด

เขาคือ “ซูเปอร์ซาตาน” จากโลกันต์ ที่เลือดเย็นที่สุดและไร้หิริโอตตัปปะที่สุด

หนังจบลงตรงที่ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรหยุดยั้งอภิมหาวิบัติแห่งความชั่วร้ายนี้ไว้ได้

โดยที่ดูเหมือนว่าเขาจะจัดการกับศัตรูหรือเหยื่อแบบไม่ซ้ำใคร

เช่น หอบตัวเหยื่อพุ่งทะยานขึ้นสูงลิ่วกลางอากาศ ก่อนจะปล่อยมือทิ้งลงให้ร่วงลงสู่พื้น แบบที่ต้องแหลกเหลวไม่มีชิ้นดี

ขอเตือนสำหรับคนที่อาจถูกรบกวนใจเวลาดูหนังที่ผู้ร้ายเป็นฝ่ายมีชัยในตอนจบนะคะ ตอนจบของหนังเรื่องนี้ผู้ร้ายยังลอยนวลอยู่นะคะ และยังอยู่ดีมีสุข แบบมือขึ้นเสียด้วย เพราะมีรายงานข่าวถึงเหตุการณ์ภัยพิบัติแปลกๆ อย่างเช่น เครื่องบินโดยสารตกโดยไม่มีสาเหตุจากกลางอากาศ ซึ่งดูจะโยงใยด้วยสัญลักษณ์อักษรบีสองตัวแบบที่เราเห็นแบรนดอนขีดเขียนมาตลอด

นอกจากสมมติฐานที่ฟังดูน่าสนใจข้างต้นนี้ หนังก็ดูลมเพลมพัด และแทบไม่สนใจกับแคแร็กเตอร์ของตัวละครเลย

ผู้เขียนรับไม่ค่อยได้กับสมมติฐานที่ว่า “ความชั่วเกิดจากตัวความชั่วเอง” โดยไม่มีสาเหตุและไม่มีเหตุผล

อย่างไรก็ตาม สงสัยว่าคงมีแฟนหนังที่มีรสนิยมโหดสยองแบบนี้มากพอดู และแทบไม่ต้องสงสัยว่าคงมีภาคสองตามต่อมาอีกแน่ๆ ค่ะ